“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะขนมปัง” เสียงของดาวเรืองกล่าวลาเมื่อได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านหลังจากจบสิ้นการเรียนหนังสือของวัน
“เจอกันพรุ่งนี้ดาวเรือง” ขนมปังตอบกลับพร้อมโบกมือลาเพื่อนที่เดินห่างออกไป มุ่งตรงไปยังรถของพ่อกับแม่ของเธอที่จอดรอรับ
“แล้วแก้วล่ะ วันนี้ไม่มีคนมารับเหรอ” ขนมปังหันหน้ามาถามเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมที่เดินเคียงกันมา
“เดี๋ยวพี่ชายแก้วมารับ อ๊ะ นั่นไงมาพอดีเลย (พี่กลาส!!)...แล้วปังล่ะวันนี้คุณพ่อไม่มารับเหรอ” แก้วตอบคำถามพร้อมตะโกนเรียกพี่ชาย ชี้นิ้วไปยังรถยนต์ของพี่ชายจอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียน ก่อนจะย้อนถามขนมปังถึงการกลับบ้าน
“ปังรอพี่ไอติมกับพี่เจทมารับ คงใกล้มาถึงแล้วล่ะ” ขนมปังยิ้มอ่อนแล้วบอกกล่าวแก่เพื่อนหญิงคนสนิท
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเครือในกระเป๋ากระโปรงนักเรียน ขนมปังล้วงขึ้นมาพร้อมดูชื่อของบุคคลที่ต่อสายหาก่อนจะหันหน้าไปมองหน้าลูกแก้วแล้วยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นแก้วกลับก่อนนะ เดี๋ยวพี่ชายแก้วบ่นเอา เจอกันพรุ่งนี้นะปัง” ลูกแก้วโบกมือลาขนมปังที่ตอนนี้จดจ่อรอรับสายของคนที่โทรเข้ามาหา
“โอเค เจอกันลูกแก้ว” เธอโบกมือลาตอบกลับก่อนจะกดรับสายที่กำลังสั่นเครือ
“ค่ะอาไฟ โทรหาแบบนี้คิดถึงปังเหรอคะ?” เสียงแหลมพูดเมื่อกดรับสายของผู้เป็นอา
(คิดถึงสิ คิดถึงมาก ว่าแต่ตอนนี้หนูเลิกเรียนหรือยัง?) อาไฟเอ่ยถาม เขาอมยิ้มกับคำพูดที่แสนจะเย้าแหย่ของหลานสาวที่แสบซน
“เลิกแล้วค่ะ ปังกำลังรอพี่ไอติมกับพี่เจทมารับค่ะ” ขนมปังตอบกลับ
(ให้พี่ไอติมพาแวะมาหาอาที่บ้านก่อนสิ อามีเรื่องจะคุยด้วย) ผู้เป็นอาบอกกล่าวถึงสิ่งที่ตั้งใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะอาไฟ” ขนมปังเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย เหตุใดผู้เป็นอาถึงต้องการจะพูดคุยโดยไม่ได้บอกให้รู้ล่วงหน้า
(มาก่อนเดี๋ยวก็รู้) ผู้เป็นอาย้อนไม่ยอมบอกให้เธอรับรู้ในสิ่งที่ปิดเก็บไว้
“รถบ่มีน้ำมัน อั่นที่เฮานัดกัน อย่าว่าจั่งซี้จั่งซั่น ปังขอโทษหลาย ๆ.... ” ขนมปังที่สุดแสนจะอารมณ์ดี ร้องเพลงผ่านเครื่องมือสื่อสารอย่างไม่คิดอายใครที่เดินผ่านไปมา ทุกสายตาที่เห็นต่างมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มขบขันแต่เธอก็ไม่คิดสนใจ
(เฮ้อ...หลานอาคงเรียนหนักเกินไป อาขอได้ไหมลูก) อาไฟที่ไม่รู้จะขำหรือจะกลุ้มใจเมื่อได้ยินเสียงของหลานสาวผ่านเครื่องมือสื่อสาร พูดออกไปในประโยคหลังอย่างต้องการร้องขอปะปนความระอาใจ
"ขออะไรคะ? อ่า... อาไฟอยากให้ปังร้องเพลงอีกใช่ไหมล่ะ เพราะสุด ๆ ไปเลยใช่ไหมคะอาไฟขา” ขนมปังที่ยังไม่รู้ตัว พูดชมตัวเองพร้อมกับเดินเรียบทางเดินไปยังด้านหน้าเพื่อรอพี่ไอติมและพี่เจทมารับ มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบชิดหู อีกมือก็ถือกระเป๋านักเรียนแกว่งไปมา เดินสับขาวิ่งเยาะเป็นจังหวะตามจังหวะเพลงที่เธอร้อง
(ขอให้หนูหยุดร้องเพลง เพราะมันทำให้อาปวดหู หูอื้อไปหมดแล้วตอนนี้...แล้วรู้จักร้องเพลงแบบนั้นได้ยังไงกัน) อาไฟที่แสนจะระอากับหลานสาวคนเล็ก พูดออกมาไม่จริงจัง เมื่อเขารู้ดีเพราะมันคือเอกลักษณ์ของเธอที่แสบซน มันสามารถเรียกรอยยิ้มของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี แม้บางทีจะปวดหัวกับเธอไปบ้าง แต่มันก็คือความน่ารักสดใสของเธอ
“โธ่ อาไฟไม่เข้าใจวัยรุ่นเอาซะเลย... รถบ่มีน้ำมัน อั่นที่เฮานัดกัน อย่าว่าจั่งซี้จั่งซั่น ปังขอโทษหลาย ๆ .....แต่มันไปบ่ได้ ปัญหาระดับชาติ น้ำมันจังแม่นแพงหลาย โอ๊ยเว้าแล้วอยากอายผู้บ่าวน้อยบ่าวใหญ่ กะไปบ่ได้ ย้อนรถบ่มีน้ำมัน...ฮ่าฮ่าฮ่า เฌอรียา นี่เก่งสุด ๆ ไปเลยว่าไหมคะอาไฟ” เธอยังคงร้องเพลงต่อผ่านเครื่องมือสื่อสารไม่รู้เนื้อเพลงผิดเพี้ยนแค่ไหน ร้องตามประสาของเธอที่เพิ่งเรียนรู้จากเพื่อนใหม่ แต่จะรู้ไหมว่าทำให้คนเป็นอานั้นกุมขมับอย่างหน่าย ๆ
(สรุปจะมาหรือไม่มา ตอนนี้อาเริ่มปวดหัวกับหนูมากเลยขนมปัง) อาไฟเริ่มพูดจี้จุด
“แล้วอาไฟมีอะไรจะคุยคะ?” ขนมปังย้อนถามด้วยความอยากรู้ เมื่อน้ำเสียงของผู้เป็นอานั้นเริ่มจริงจังขึ้น
(เรื่องชกมวย...)
“โอเคค่ะ เดี๋ยวปังจะรีบไปเลย อาไฟรอปังแป๊บหนึ่งนะคะ” เมื่อได้ยินสิ่งที่ชอบและใฝ่ฝันทำให้เธอนั้นรีบพูดแทรกทันที ทั้งที่ผู้เป็นอายังพูดไม่ทันจบประโยค
(แล้วรถมีน้ำมันแล้วเหรอ?)
“มีแล้วค่ะ เอารถพี่ไอติมไปไงคะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
(อาปวดหัวแค่นี้นะ แล้วเจอกันนะหลานตัวแสบ) อาไฟที่ได้รับคำตอบรีบพูดตัดบททันที
“กราบสวัสดีค่ะคุณอาไฟสุดหล่อ” ขนมปังกล่าวอำลาผ่านมือถือ พร้อมกับยกมือไหว้สวัสดีประกอบคำพูดแม้ผู้เป็นอาจะไม่เห็นก็ตามที ความยียวนและความแสบของเธอที่ไม่คิดจะอายสายตาใคร เธอทำมันออกไปด้วยความน่ารักสดใสก่อนจะกดวางสายแล้วยืนรอพี่สาวอยู่หน้าโรงเรียนอย่างใจจดจ่อ
“พี่เจทสวัสดีค่ะ พี่ไอติมสวัสดีค่ะ” ขนมปังที่ก้าวขึ้นรถยนต์นั่งเบาะหลัง เธอยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม
“จ้า วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง” พี่ไอติมถามน้องสาวเมื่อเธอก้าวขาขึ้นรถ ส่งสายตามองน้องสาวที่นั่งเบาะหลังพร้อมส่งยิ้มอ่อนในแบบฉบับของเธอ
“ปังไม่รู้ปังหลับ” ขนมปังตอบพี่สาวอย่างไม่รู้สึกอะไร สายตาจ้องมองหน้าจอมือถือด้วยใจจดจ่อ คำตอบที่ได้ฟังทำเอาพี่ไอติมถึงกับกุมหัวอย่างเหนื่อยใจกับน้องสาว ส่วนเจทที่ทำหน้าที่สารถีขับรถทำเพียงอมยิ้มกับการเสวนาฉันท์พี่น้องเท่านั้น ไม่ออกเสียงแทรกแต่อย่างใด
“เฮ้อ...” พี่ไอติมถอนหายใจแรงอย่างหน่าย ๆ
“พี่ไอติมเป็นอะไรเหรอคะ ถอนหายใจแรงเชียว” ขนมปังที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของพี่สาวเอ่ยถามทันใด เธอละสายตาจากมือถือแล้วโผล่หัวตรงกลางช่องว่างระหว่างเบาะด้านหน้าคนขับ จ้องมองหน้าพี่สาวอย่างรอคำตอบ ส่งสายตาปริบ ๆ อย่างสดใสเดียงสา
“จะบ้าเพราะน้องสาวตัวแสบ...ไปเรียนแต่กลับไปนอนหลับซะงั้น...ปังเอ้ย!” พี่ไอติมพูดพร้อมกับเอื้อมมือยีหัวของขนมปังจนฟูฟ่องไม่เป็นทรง
“โห พี่ไอติมยีหัวทำไมคะเนี้ย ผมปังเสียทรงหมด ถ้าลงจากรถแล้วเจอหนุ่มหล่ออายแย่เลย”
โป้ก !!!
"โอ๊ย!!"
“แก่แดด...เรียนให้รอดก่อนไหมปัง”
เพียงสิ้นคำพูดของน้องสาว มะเหงกที่พี่ไอติมพกติดตัวเขกลงหัวของขนมปังทันทีอย่างไม่รีรอ คำพูดคำจาที่ดูเกินวัย ทำให้พี่ไอติมไม่ค่อยชอบใจ แต่ก็รู้ดีว่าน้องสาวนั้นไม่ได้จริงจังอะไรกับคำพูดนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลงโทษให้รู้ตัว เมื่อกิริยาที่เป็นนั้นดูไม่งาม
“เจ็บนะคะ...พี่เจทดูแฟนพี่สิ ตีน้องสุดสวยอย่างขนมปังได้ยังไง พี่เจทต้องลงโทษจัดการพี่ไอติมนะ” ขนมปังหันหาพวกเมื่อถูกพี่สาวนั้นลงโทษ
“บางทีพี่ไอติมก็อาจจะทำถูก” เจทอมยิ้มและหันมองหน้าขนมปังเพียงชั่วครู่ก่อนจะสนใจขับรถตามเดิม
“พี่เจท!!!!!” ขนมปังตวาดเสียงดังลั่นเมื่อไม่มีใครเข้าข้างเธอแม้กระทั่งพี่เขย
“โอ๊ย! ไอติมพาเจทไปหาหมอด้วยนะ สงสัยแก้วหูเจทจะแตกแล้วล่ะ” เจทพูดแซวเมื่อเสียงที่แผดดังลั่นรถ ทำให้เจทแทบขับรถเสียหลัก เมื่อน้องสาวสุดแสบของแฟนสาวตะเบ็งเสียงใกล้หู
“ฮ่าฮ่าฮ่า....เดี๋ยวไอติมต้องซื้อที่อุดหูไว้ด้วยตอนมารับขนมปัง” พี่ไอติมเสริมทัพโดยไม่ได้เข้าข้างน้องสาวแต่อย่างใด
คนที่ถูกแซวทำหน้ายู่มองหน้าพี่ไอติมและพี่เจทสลับไปมา มองตาขวางอย่างเคืองโกรธที่ไม่จริงจัง เมื่อเหมือนเธอนั้นถูกรุมตำหนิ
“เชอะ!!! ไม่เล่นกับพี่ไอติมกับพี่เจทแล้ว....ชิ ปังจะไม่พูดด้วย” ขนมปังกลับไปนั่งที่เดิมด้วยอาการหน้างอคอหัก มือกอดอกจ้องตาเขม็งมองพี่เจทกับพี่ไอติมที่นั่งอมยิ้มกับท่าทีน้องสาวที่แสบซนแต่มีความน่ารักสดใส
“โอ๋ ๆ หยอก ๆ” พี่ไอติมอันมาง้อน้องสาวที่นั่งหน้างอคอพับอยู่เบาะหลัง
“เชอะ!!...ปังลืมบอก พี่เจทแวะบ้านอาไฟด้วยนะคะ อาไฟบอกให้แวะหา” ขนมปังพูดบอกเมื่อนึกได้ว่าผู้เป็นอาได้นัดหมาย มัวแต่คุยไร้สาระจนลืมนัดกับผู้เป็นอาไปเสียได้
“ไหนบอกว่าจะไม่พูดกับพี่ไง” เจทท้วงขึ้น
“ไม่พูดด้วยสามวิ แต่ตอนนี้เลยเวลาสามวิแล้วพูดได้ ฮ่าฮ่าฮ่า” ขนมปังผู้แถได้ทุกสถานการณ์พูดออกไปอย่างเหนือกว่า
“เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่า” พี่ไอติมแซวต่อพูดลอย ๆ ออกมาโดยไม่มองหน้าน้องสาว
“พี่ไอติมว่าอะไรนะคะ ปังฟังไม่ถนัด พูดอีกที พูดอีกทีได้หรือเปล่า” ขนมปังย้ำถามเมื่อเธอได้ยินพี่สาวพูดไม่ชัดเจน ก่อนจะร้องเป็นเพลงออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะปวดหู
“พี่จ้างห้าสิบเลิกร้องเพลงเถอะ...ระบบการรับฟังของพี่เริ่มเสียละขนมปัง” พี่เจทที่ได้ยินเสียงร้องเพลงของขนมปังที่แสนจะไพเราะจนเจ็บแก้วหู เอ่ยออกมาอย่างร้องขอกับเสียงเพลงของเธอ
“อะไรพี่เจท ออกจะร้องเพราะ” ขนมปังแก้ต่าง
((ใครบอกปัง!!))
“อุ๊ย!!! พูดพร้อมเพรียงกันอย่างมิได้นัดหมายเลยเชียว เตร่ง เตร๊ง เตร่ง เตรง เตร๋ง”
พี่ไอติมกับพี่เจทร้องเสียงหลงขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินคำตอบของน้องสาว ทำเอาขนมปังนั้นสะดุ้งตัวห่อไหล่ทันที
*****4