EP.5 เจ้าสาวในชุดสีดำ
ว่าที่เจ้าสาวของเขาก็คงไม่ต่างกัน ผู้หญิงที่ยอมแต่งงานเพราะเงิน ก็ดีเหมือนกันจะได้พูดคุยถึงความต้องการกันง่ายๆ ไม่ยุ่งยากวุ่นวายเพราะผู้หญิงประเภทนี้แค่เซ็นเช็คยื่นให้ทุกอย่างก็จบ
“คุณแม่คะ ทำไมไม่มีใครบอกหนูว่าคุณติเอโกหล่อและรวยขนาดนี้คะ” จิราพัชรลอบมองและส่งยิ้มให้ว่าที่น้องเขยของเธอ หากเธอรู้เธออาจผละจากอกแห้งๆ ของณัฐดนัยแล้วโผเข้าซุกอกกำยำของติเอโกเสียเอง ไม่มีทางปล่อยให้ของดีหลุดมือไปถึงน้องสาวต่างมารดาเป็นแน่
“แม่เคยเห็นหน้าที่ไหนล่ะ วันที่บอกว่าจะมาดูตัวนังรี จู่ๆ คุณติเอโกก็ติดธุระมาไม่ได้ จนแม่คิดว่าจะล้มเลิกงานแต่งงานเสียอีก ผู้ชายประหลาดไม่คิดจะดูตัวเจ้าสาวสักนิด แต่งงานเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ เหมาะกับนังรี โง่ๆ อย่างมันก็แค่เปลี่ยนสถานที่ทำความสะอาดบ้านเท่านั้นแหละลูก คิดเหรอว่าคนหล่อรวยแบบคุณติเอโกจะไม่มีผู้หญิงซุกไว้ ไม่มีทางเสียล่ะ”
หทัยนาถบอกปัดอย่างไม่สนใจนัก ด้วยเธอเห่อว่าที่ลูกเขยอย่างณัฐดนัยมากกว่า เพราะมีเชื้อสายผู้ดีสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งยังร่ำรวยเป็นไฮโซ แบบนี้สิถึงจะอวดเพื่อนๆ ของเธอได้ อย่างติเอโกหล่อและรวยมากก็จริง แต่เทือกเถาเหล่ากอเป็นใครเธอไม่รู้จัก จะไปโม้กับเพื่อนๆ ก็ใช่ที่เพราะเธอไม่นิยมยกยอเรื่องของคนอื่นโดยเฉพาะเรื่องของลูกเลี้ยง
“เห็นว่าที่ยอมแต่งงานเพราะอยากได้ภรรยาเป็นคนไทย จะได้ลงทุนซื้อหาที่ดินในไทยง่ายๆ แหมสินสอดตั้งร้อยล้าน ก็นับว่านังรีมันพอจะมีค่าอยู่บ้างนะคะคุณแม่”
จิราพัชรหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ แม้ว่าสายตาจะยังคงจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มจมูกโด่งเป็นสันของติเอโก ไม่ใช่เฉพาะเธอหรอกที่ชม้ายชายตา เพราะสาวๆ ทั้งงานต่างก็ลอบมองชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตชวนน่าค้นหาด้วยความสนใจ เขายืนนิ่งราวกับรูปสลักเทพบุตรกรีก เป็นเทพบุตรกรีกในยุคปัจจุบันที่สวมสูทได้ภูมิฐานดูมีระดับ เห็นชัดว่าเขาพิเศษแตกต่างจากคนทั่วไป
ดนตรีบรรเลงเมื่อฐากูรพาตัวเจ้าสาวเข้ามาในพิธี เด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวราวกับนางฟ้าตัวน้อยถือตะกร้าดอกไม้แล้วโปรยกลีบดอกกุหลาบตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงกำมะหยี่ แขกในงานต่างยืนขึ้นเพื่อให้เกียรติเจ้าสาว ทว่าทุกคนต่างฮือฮาเมื่อพบว่าเจ้าสาวสวมชุดเจ้าสาวสีดำราบเรียบ ฐากูรไม่ได้ยิ้มแย้มใบหน้าของเขาหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องพาลูกสาวมาส่งให้กับติเอโก ซึ่งยืนรออยู่ที่แท่นพิธีโดยไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อน มีเพียงคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเท่านั้น
“ว้าย! ตายแล้ว ดูนังรีสิคะคุณแม่” จิราพัชรยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ แต่เพียงครู่เดียวใบหน้าแสดงอาการตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
“ทำอะไรบ้าๆ ไม่รู้จักอายผู้คน” หทัยนาถชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะในงานมีแขกเหรื่อซึ่งเป็นเพื่อนฝูงและคนรู้จักของเธอมากมาย การที่บาจรีย์ทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเธอโดนฉีกหน้าไปด้วย
“ปล่อยมันไปเถอะค่ะคุณแม่ ทำแบบนี้คุณติเอโกคงขอหย่ากับมันในเร็ววัน ไม่แน่นะคะถ้าคุณติเอโกไม่พอใจอาจจะล้มงานแต่งนี้ไปเลยก็ได้” หญิงสาวคาดคะเนพลางเหลือบมองเจ้าบ่าว หวังจะเห็นเขาโมโหแสดงอาการไม่พอใจ ทว่าเขากลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ยังคงยืนนิ่งราวกับรูปสลักก็ไม่ปาน
ฐากูรกัดฟันกรอดเมื่อเห็นแขกเหรื่อซุบซิบมองมายังลูกสาวคนเล็กด้วยท่าทางตื่นตะลึง “สะใจแกแล้วใช่มั้ยที่ทำให้ฉันขายหน้าได้”
“รีไม่เคยคิดกับคุณพ่อแบบนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวน้ำตารื้น แค่ขยับปากเอื้อนเอ่ยก็รู้สึกเจ็บที่มุมปาก ช่างแต่งหน้าต้องลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์หลายชั้นเพื่อปิดรอยช้ำที่มุมปากและแก้มซีกซ้ายที่โดนบิดาตบ
เมื่อบิดาพาเจ้าสาวมาถึงบริเวณที่ประกอบพิธี บาทหลวงจึงอ่านข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ เพื่อให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวรับทราบถึงภาระหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อกันเมื่อก้าวเท้าสู่การใช้ชีวิตคู่ต่อไป ทว่าบาจรีย์แทบไม่ได้ยินเสียงของบาทหลวง เธอตื่นตระหนกกับเจ้าบ่าวรูปงามราวกับเทพบุตร ผึ่งผายในชุดสูทสากล ร่างสูงกว่า 185 เซนติเมตรทำให้เธอสูงแค่ไหล่ของเขาแม้ว่าเธอจะใส่ส้นสูงแล้วก็ตาม…
คนนี้หรือ...เจ้าบ่าวและสามีของเธอในอนาคต...
เมื่อบาทหลวงเริ่มทำพิธี ติเอโกก็ยืดอกขึ้นเต็มความสูง พิศมองเจ้าสาวใบหน้าหวานหมดจด รูปร่างอวบอัดด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าสาวของเขาจะมีหุ่นดินระเบิดทรมานใจชายถึงเพียงนี้ เพราะเมื่อคิดถึงสาวไทยเขามักจะคิดถึงหญิงสาวรูปร่างบอบบางตามแบบสมัยนิยมจนแทบไม่มีอะไรน่าดึงดูด แต่เจ้าสาวของเขากลับต่างออกไป หญิงสาวมีหน้าอกที่เขาประเมินจากสายตาว่าน่าจะคัปดี เอวคอด สะโพกผายชวนมอง
ติเอโกพิศมองอย่างสังเกต ทำให้คนถูกมองถึงกับหน้าแดงก่ำ เพราะสายตาโลมเลียมของชายหนุ่มทำให้เธอแทบทรงตัวยืนไม่อยู่ ด้วยไม่เคยถูกเพศชายมองด้วยสายตาเช่นนี้เลยสักครั้ง
“ท่านจะรับนางสาว บาจรีย์ วิจิตรไกรเวช เป็นภรรยาไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่” บาทหลวงเอ่ยถามเจ้าบ่าวที่เอาแต่จ้องมองเจ้าสาวราวกับจะกลืนกิน
ติเอโกยักยิ้มที่มุมปาก รัก เคารพ เชิดชูกันและกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกันอย่างนั้นเหรอ น่าขันสิ้นดี ความรักบ้าบออะไรกัน ไร้สาระ! มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่หลงใหลไปกับคำว่ารักเลิศหรู แล้วสุดท้ายคนโง่พวกนั้นก็ต้องตกอยู่ในบ่วงมารยาของผู้หญิงแพศยาคนแล้วคนเล่า
“รับครับ”
บาจรีย์มองหน้าเขาราวกับตัวประหลาดเมื่อเห็นว่าเขาสามารถพูดไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่เลี้ยงของฉันเป็นคนไทย” เขาแก้ข้อสงสัยให้แก่เจ้าสาวโดยที่เธอไม่ได้เอ่ยถาม บาจรีย์หลุบตาลงต่ำ ไม่คิดจะพูดคุยหรือซักถามอะไรจากเขา บาทหลวงจึงดำเนินพิธีต่อไป
“ท่านจะรับนายติเอโก ลาซิคาโอ เป็นสามีไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่”