คิรินธาร คือ ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ครอบครัวคิรินธาร ประกอบด้วย นายพิษณุ คิรินธาร เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเขามีภรรยาชื่อ วัชรี คิรินธาร ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน และเขากับวัชรีมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยกันหนึ่งคน นั่นก็คือ ลมทะเล คิรินธาร หนุ่มหล่อวัยยี่สิบแปดปี และเขากับภรรยาก็ยังได้อุปการะเด็กสาวเอาไว้หนึ่งคน ซึ่งก็คือ สกาวเดือน เสนาศักดิ์
หลังจากภรรยาเสียชีวิตลงกะทันหัน ทำให้นายพิษณุล้มป่วยเจ็บออดๆ แอดๆ เพราะตรอมใจ ทำให้ลูกชายต้องไปบริหารงานทั้งหมดของบริษัทแทน
ระยะเวลาสามเดือนตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตไป พิษณุก็ยังไม่สามารถทำใจได้ เขาเศร้าหมองและกินอะไรไม่ลง ทำให้โรคประจำตัวกำเริบ ซึ่งก็ยังโชคดีที่ได้สกาวเดือนที่เพิ่งเรียนจบพยาบาลมาดูแลอย่างใกล้ชิด
“ยาหลังอาหารเย็นค่ะคุณท่าน”
“ขอบใจมากนะหนูเดือน”
พิษณุรับถ้วยใส่ยาพลาสติกสีขาวขุ่นจากมือของสกาวเดือนขึ้นมาถือเอาไว้ เขาก้มลงมองเม็ดยาจำนวนหลายเม็ดในนั้นอย่างท้อใจ
“แค่กินยา ฉันก็อิ่มแล้ว”
สกาวเดือนมองผู้มีพระคุณอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพูดปลอบใจ
“พอคุณท่านอาการดีขึ้น คุณหมอก็คงจะลดยาบางตัวที่ไม่จำเป็นให้แน่นอนค่ะ”
พิษณุไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากอมยิ้มบางๆ และกินยาทุกเม็ดจนหมด
“คุณท่านนอนพักผ่อนนะคะ ถ้าต้องการอะไรกดกริ่งเรียกเดือนได้ทุกเวลาเลยค่ะ”
คนที่เพิ่งรับถ้วยพลาสติกมาถือเอาไว้ในมือพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ
“ขอบใจหนูเดือนมาก ไม่มีอะไรแล้ว หนูเดือนไปพักผ่อนเถอะ”
“ค่ะคุณท่าน”
หลังจากประคองร่างของพิษณุให้นอนราบลงกับเตียง พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหน้าอกของท่านเรียบร้อยแล้ว สกาวเดือนก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง ก่อนจะปลีกตัวออกไป
แต่ทันทีที่หล่อนก้าวพ้นธรณีประตูห้องนอนของพิษณุ และปิดประตูห้องลง แขนเรียวของหล่อนก็ถูกกระชากอย่างไม่ปรานี
“อ๊ะ!”
หล่อนหันไปมองเจ้าของการกระทำป่าเถื่อน ก็พบว่าเป็นคนเดิม
“คุณลม...”
เขาไม่เคยญาติดีกับหล่อนสักครั้ง เจอหน้าไม่บีบแขนจนเจ็บ ก็ฉุดกระชากลากถูหล่อนไปด่าทอในที่ลับตาคน และตอนนี้เขาก็กำลังทำเช่นนั้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเทพเจ้าปั้นแต่ง ลากหล่อนมาหยุดตรงระเบียงที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ จากนั้นก็ผลักร่างบอบบางของหล่อนแรงๆ จนบั้นท้ายของหล่อนชนเข้ากับขอบระเบียง
ร่างกายของหล่อนเจ็บไม่น้อย แต่หัวใจของหล่อนเจ็บปวดมากกว่า
ทำไมเขาถึงไม่เคยมองหล่อนในแง่ดีเลย
ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไร ลมทะเลก็มองว่าเป็นเรื่องต่ำช้าเสมอ
แม้กระทั่งการที่หล่อนดูแลเอาใจใส่พิษณุบิดาของเขาที่กำลังเจ็บป่วยอยู่ก็เช่นกัน
“ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าอ่อยพ่อของฉัน สกาวเดือน”
เขาแผดเสียงดุกร้าวใส่หน้าของหล่อน ก่อนจะขยับเข้ามาแนบชิด
หล่อนอยากจะหนี แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ เพราะด้านหลังคือระเบียง ที่ถ้าตกลงไปก็คงจะคอหักตายแน่นอน
“คุณลมคะ เดือน... ไม่ได้อ่อยคุณท่านนะคะ เดือนแค่ดูแลคุณท่านในฐานะพยาบาล... อ๊ะ...”
เขายื่นมือมาบีบคอของหล่อน นิ้วของเขากดน้ำหนักลงบนลำคอระหงหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง่ที่เขาเคยกระทำ
หล่อนอ้าปาก หายใจไม่ออก ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
เขาใจร้าย และทำร้ายหล่อนแบบนี้เสมอ แต่ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงหยุดรักผู้ชายป่าเถื่อนใจเหี้ยมคนนี้ไม่ได้สักที
“เธอคิดจะจับพ่อของฉัน อย่าคิดว่าฉันมองไม่ออกนะ”
“เดือน... ไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ...”
เขาปล่อยมือจากคอของหล่อน และเลื่อนไปสอดนิ้วรองใต้ท้ายทอยแทน จากนั้นก็ใช้นิ้วยาวพันกับเส้นผมของหล่อนและกระตุกแรงๆ จนหน้าของหล่อนแหงนขึ้นสูง
“อ๊ะ... เจ็บค่ะคุณลม...”
เขาไม่สนใจคำวิงวอนของหล่อน และแม้แต่หยาดน้ำตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของหล่อนเขาก็ไม่สนใจเช่นกัน
“แม่ฉันเพิ่งตายไปแค่สามเดือน แต่เธอก็พยายามจะขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของฉันแล้วเหรอ เธอนี่มันแพศยาจริงๆ เลยนะ!”
ทุกคำพูดจากปากหยักสวยของลมทะเลช่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จนคนฟังอย่างหล่อนสะท้อนใจ
หล่อนส่ายหน้าไปมา หยาดน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายอาบสองแก้ม