ตอนที่ 1 โจรเถื่อนแห่งแดนใต้ 50%

1636 คำ
ตอนที่ 1 โจรเถื่อนแห่งแดนใต้ 50%          แสงแดดสีทองอร่ามยามเช้า สาดกระทบร่างงามที่อยู่ภายใต้  ชุดสวยพร้อมสำหรับเดินทางตามฉบับสาวมั่นสมัยใหม่ ที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่เมืองแห่งแสงสีเป็นเวลานานหลายปี คนางค์นุชเดินทางมารอขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้าตรู่ มือบางลากกระเป๋าใบโตอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเข้าเช็คอินและรอเดินทาง…          ส่วนคนเฝ้ามองการกระทำทุกอย่างนั้น โทรนัดแนะลูกน้องเตรียมการกันดิบดีว่าให้ฉุดเธอทันที เมื่อลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติภายในตัวจังหวัด เพราะเขาแอบรู้มาว่าการกลับบ้านครั้งนี้ เธอไม่ได้บอกทางบ้านให้รับทราบ ซึ่งเป็นโอกาสที่เหมาะและง่ายในการ ‘จับตัว’ ครึ่งชั่วโมงถัดมา          สนามบินนานาชาติจังหวัด…          ร่างงามภายใต้ชุดเดรสสีครีมอ่อนความยาวเลยเข่าขึ้นมาราวคืบ เท้าเรียวสวมรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีเข้ม ขยับฝีเท้าเดินออกมาจากห้องผู้โดยสารอย่างปราดเปรียว บนใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นมีแว่นกันแดดสีชาประดับเอาไว้อย่างเก๋ไก๋ตามแฟชั่นสมัยนิยม          “คุณหนูครับ ผมช่วยถือ” ชายชุดดำร่างใหญ่เสนอตัวเข้ามาช่วย พร้อมแย่งกระเป๋าเดินทางจากมือหญิงสาวไปถือครอง          “เอ๊ะ!” อุทานด้วยความตกใจกอรปกับใบหน้าได้รูปชักสีใส่ด้วยความงุนงง เพราะเธอจำได้ว่าไม่ได้โทรบอกทางบ้านนี่นาว่าจะกลับ            แล้วทำไมคุณพ่อถึงส่งคนมารอรับล่ะ          “นายสั่งพวกผมมารับคุณหนูน่ะครับ” คนางค์นุชไม่ได้เอะใจ เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากชายตัวใหญ่ เพราะเธอก็จำบรรดาคนใช้หรือคนงานที่บ้านไม่ได้หมดทุกคน กอรปกับไปอยู่เมืองกรุงนานๆ คนงานหรือลูกน้องที่เข้ามาใหม่ๆ ไม่มีทางที่เธอจะรู้จัก แต่ช่างเหอะ! คิดไปก็ปวดสมองเปล่าๆ          “จ้ะ” จากนั้นหญิงสาวจึงเดินออกไปพร้อมๆ กับชายชุดดำที่เข้ามาอ้างตัวว่าเป็นลูกน้องของบิดา ประมาณ 4-5 คน          แต่คนางค์นุชต้องตกใจสุดขีด เมื่อถึงที่ไกลตาผู้คนเหล่าชายชุดดำสี่ห้าคนที่เดินเคียงมาด้วยนั้น กรู่เข้ามาชาร์ดตัวเธอเอาไว้ และไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ มือใหญ่ของชายอีกคนยื่นมาปิดจมูกของเธอเอาไว้ โดยภายในมือนั้นมีผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวผสมยาสลบอยู่ ไม่ถึงนาทีคนางค์นุชโอนอ่อนแน่นิ่ง ชายฉกรรจ์ชุดดำจัดแจง   ร่างงามให้นอนสบายบนรถตามที่เจ้านายของตนสั่งการ          รถตู้คันใหญ่สีดำวาวเดินทางด้วยความเร็วค่อนข้างสูงตลอดเส้นทาง จุดหมายคือกระท่อมท้ายไร่สถานที่ๆ นายใหญ่สั่ง ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดได้ย่างกรายผ่านเข้าไปเว้นเสียจากผู้เป็นเจ้าของ          เส้นทางเชื่อมไปยังกระท่อมนั้นค่อนข้างลำบากเพราะว่าเป็น   ทางลัด เนื่องจากพลขับได้เลี่ยงมาใช้อีกเส้นทาง เบื้องหน้าซึ่งมีป่าใหญ่  บดบังทางออกเอาไว้ ถ้าไม่คุ้นเส้นทางจริงๆ ก็มีสิทธิ์ ‘หลง’ เอาได้          ผ่านไปสักพัก...ร่างงามที่นอนนิ่งบนรถถูกนำมานอนไว้บนแคร่ไม้ภายในกระท่อมหลังเล็ก ซึ่งสร้างเสร็จเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา พอหมดหน้าที่เหล่าชายฉกรรจ์สี่คนจึงได้เดินทางกลับ เหลือเพียงหัวหน้าชุดที่เฝ้า        หญิงสาว และรอเจ้านายมาเช็คงาน ซึ่งอีกไม่นานก็คงมาถึง...           ห้าโมงเย็น... นายหัวคนเถื่อนแห่งธีระธารินทร์ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับใบหน้าหล่อเหลาที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครารกครึ้มสีเข้ม     ใช้สายตาคมดุจมีดโกนจดจ้องเรือนร่างงามที่นอนนิ่งอย่างสบาย หายใจเข้าออกสม่ำเสมอบนแคร่ เห็นแล้วชักอยากกระชากเธอมาลงโทษเสียให้เข็ด! ให้มันสาสมกับที่ครอบครัวเธอทำไว้กับเขาเมื่อหลายปีก่อน ที่ตอนนั้นธีระธารินทร์ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี คิดแล้วขมขื่นใจ ความเคียดแค้นในอกมันสุมอย่างหนักหน่วง แม้นมันจะผ่านเลยมานาน แต่นายหัวแห่งสวนปาล์มหลายพันไร่ไม่เคยลืม คิดขึ้นมาทีไร ข้างในเดือดปุดๆ “เธอจะต้องชดใช้คนางค์นุช!!!” ธัชชานนท์เอ่ยลอดไรฟันออกมาด้วยความเจ็บแค้นแทนบิดาที่ถูกเพื่อนรักหักหลังอย่างเลือดเย็น เพราะความอยากได้อยากมีในสังคมทำให้ ‘ผู้ชายคนนั้น’ หน้ามืดตามัวกระทำสิ่งผิด ทำร้ายได้แม้กระทั่งเพื่อนของตน จากห้าโมงเลื่อนเป็นหกโมงจนตอนนี้ทุ่มครึ่ง แต่แม่เชลยสาว   คนสวยยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนแคร่ ธัชชานนท์นึกสงสัยว่ายาที่ลูกน้องเขาใช้นั้นยี่ห้ออะไร ทำไมออกฤทธิ์นานเหลือเกิน จนเนิ่นนานผ่านไปหลายชั่วโมงแม่สาวช่างสำออยก็ยังไม่รู้สึกตัว          แล้วเขาจะนั่งรอทำไมล่ะ เมื่อคิดเช่นนั้นร่างสูงใหญ่ของนายหัว คนเถื่อนจึงเคลื่อนออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก เท้าแกร่งที่ซุกอยู่ในรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเดินย่ำออกมา ก่อนจะหันทิศการเดินขึ้นไปยัง       บ้านใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้มากนักถ้ารู้จักและคุ้นเคยกับเส้นทาง          สองข้างทางเดินนั้นมีพงหญ้ารกน่ากลัว หากแต่เขาไม่ใส่ใจ     เท้าหนาเดินด้วยความรวดเร็วตามฉบับคนขายาว พร้อมกับลมยามมืดที่มีกลิ่นชื้นนิดๆ พัดปะทะใบหน้าหล่อเหลา ธัชชานนท์เร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด เพราะเขาประเมินจากสถานการณ์รอบๆ ที่ส่งสัญญาณบอกแล้วว่าในอีกไม่ช้าพายุได้กระหน่ำลงแน่ๆ           แสงปลาบแปลบบนท้องฟ้า เคลื่อนแวบวาบไปมาอย่าง         น่าหวาดกลัว ไหนจะเสียงร้องคำรามที่ดังก้องนภา น้ำฟ้าหยาดย้อยลงมารับช่อมะม่วงช่อใหม่ที่กำลังชูชันแข่งกันออกดอกผลิผล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างแกร่งเร้นกายเข้ามาอยู่ใต้ชายคาบ้านพอดี จากนั้นฝนเม็ดน้อยใหญ่กระหน่ำเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว แข่งกับเสียงคำรามเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว ธัชชานนท์ไม่ได้ใส่ใจ ชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างในบ้านพร้อมกับหย่อนสะโพกสอบลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สักสวยงาม เบื้องหน้าเป็นโต๊ะใหญ่มีอาหารหลายชนิดจัดเอาไว้อย่างน่ารับประทาน          “นายหัวกลับมาแล้วจ้ะ ยาย” เสียงหวานใสของเด็กน้อยวัย   ห้าขวบดังเจื้อยแจ้วออกมาก่อนที่ร่างน้อยๆจะมาถึง พนิดาหรือก้านพลู หลานสาวตัวน้อยของนมฉวี แม่นมคนโปรดของธัชชานนท์ ทั้งยังเป็นหัวหน้าแม่บ้านประจำ ธีระธารินทร์ อีกด้วย          “เจ้าพลูอย่าดื้อลูก เดี๋ยวคุณธามดุเอาหรอก” นมฉวีเอ็ดหลานสาวตัวน้อย พร้อมกับคว้าแขนป้อมๆ นั้นเอาไว้ เมื่อเห็นว่าหลานสาวตัวแสบไม่อยู่นิ่ง รั้งจะปีนเก้าอี้ไม้เพื่อขึ้นไปนั่งข้างๆ นายหัว          ธัชชานนท์ไม่ต่อว่าแต่การใด ตรงกันข้ามใบหน้าคมคร้ามที่ติดจะรกนิดๆ กลับยิ้มกริ่มแล้วทอดสายตามองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เพราะเขาเห็นก้านพลูมาตั้งแต่เล็กๆ เนื่องจากว่านมฉวีไม่มีลูกนางจึงไปรับเอาเด็กจากบ้านเด็กกำพร้ามาเลี้ยง กอรปกับที่นายหัวหนุ่มนั้นรักเด็กอยู่แล้ว    พอมีเด็กก้านพลูเข้ามาอยู่ในบ้านเขาก็รักและเอ็นดู จึงกลายเป็นว่าตอนนี้เด็กก้านพลูคือที่โปรดปรานของนายหัวและทุกคนในบ้านธีระธารินทร์    ที่สำคัญไม่มีใครกล้าดุเด็กก้านพลูเพราะเกรงใจนายหัวหนุ่ม ซึ่งทำให้        ก้านพลูเป็นเด็กชอบเอาแต่ใจแต่ว่ายังไม่ที่สุด เพราะมีนมฉวีคอยดุบ้างบางเวลา           “คุณธามไม่ดุพลูหรอกจ้ะยาย เพราะว่าคุณธามรักพลู” เด็กน้อยพูดเป็นตุเป็นตะ แก้มยุ้ยปริออกกว้าง ดวงตาใสซื่อยิ้มจนตาหยีเรียกความเอ็นดูจากธัชชานนท์ได้เป็นอย่างดี          “ครับ คุณธามไม่ดุพลูหรอก ว่าแต่มาอ้อนแบบนี้ต้องการอะไรเอ่ย” แม้ธัชชานนท์จะหน้ารกหนวดเหนอะ แต่ก้านพลูไม่ได้เกรงกลัว  เด็กน้อยปีนข้ามไปนั่งบนตัก แล้วขยับกลีบปากเล็กพ่นพูดเสียงดังเจื้อยแจ้ว          “เปล่าจ้ะ พลูคิดถึงคุณธาม เพราะคุณธามหนีเข้าไปกรุงเทพ    ตั้งหลายวัน และไม่มีใครพาพลูไปเที่ยวรอบๆ ไร่น่ะจ้ะ” รายงานเสียงดังชัดแจ๋ว ธัชชานนท์ได้ยินแล้วถึงกับยิ้มตาม ก่อนจะยกมือหนายีเส้นผมพลิ้วบนศีรษะเล็กอย่างรักใคร่          “จริงเหรอครับ ไม่ใช่มาถามทวงของฝากจากคุณธามมากกว่าเหร๊อ”          “ไม่ใช่สักหน่อย พลูคิดถึงคุณธามจริงๆ นะจ๊ะ”          “หยุดกวนคุณธามได้แล้วเจ้าพลู ปล่อยให้คุณธามได้ทานข้าวเย็นเสียที… ป่ะ! ไปนอน ดึกแล้ว” นมฉวีเอ่ยกับหลานสาวตัวน้อย แล้วขยับกายหมายเข้าไปอุ้ม แต่ว่าเด็กแสบรีบเลี่ยงหลบอย่างรู้ทัน ทั้งยังเอ่ยฟ้องคนที่คิดว่าจะช่วยเหลือตนได้โดยเร็ว          “คุณธามช่วยพลูด้วยสิจ๊ะ พลูยังไม่อยากนอนเลย ยายชอบบังคับแต่พลูนอน”          “เจ้าพลู!” นมฉวีเรียกหลานสาวเสียงดัง พลางถลึงตาใส่ ก้านพลูเห็นแล้วหน้าหงิกงอ ซึ่งธัชชานนท์เองก็อดขำไม่ได้          “ฮ่าๆ เป็นเด็กเป็นเล็กนอนดึกไม่ดี นอนแต่หัววันล่ะถูกต้อง      แล้วครับ”          “ก็ได้ พลูไปนอนก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม