“ก็จริงนะคะ ถ้าคุณไม่จ่ายเงิน ฉันก็ไม่ต้องเสียเวลานับเหรียญพวกนี้” จันทร์ฉายรีบเอ่ยสนับสนุนความคิดของฟ้าใส นึกชมว่าฟ้าใสนี่ฉลาดหลักแหลมนัก ฟ้าใสหันหน้าไปหัวเราะคิกกับความซื่อๆ ของอีกฝ่าย เธอนึกเอ็นดูเด็กสาวนัก อายุอานามน่าจะเพิ่งเรียนจบ ปวช. หรือ ปวส. ไม่น่าจะเกินยี่สิบ
“เฮ้ย! ไม่ได้ค่ะ” จันทร์ฉายได้สติอุทานอย่างตกใจ ขืนทำแบบนั้นเธอก็ได้ชดใช้ค่าชุดชั้นในกันตายล่ะสิ แล้วท่านประธานเอาเธอตายแน่ กรรมแล้วจันทร์ฉายเอ๊ย วันนี้ก้าวขาออกจากบ้านขาไหนนี่ ทำไมซวยซ้ำซากซ้ำซ้อนถึงขนาดนี้ เห็นสีหน้าตกใจของพนักงานขาย ฟ้าใสก็กลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง เธอก็จะคอยดูว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อไป จะแก้ปัญหายังไง นี่เป็นการฝึกงานและทดสอบงานให้เด็กสาวตรงหน้า ต่อไปจะได้รู้จักแก้ปัญหาในสถานการณ์คับขัน!
“อ้าว... แล้วเมื่อกี้คุณยังบอกว่าความคิดของฉันดีอยู่เลย” ฟ้าใสเลิกคิ้วแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ จันทร์ฉายเผลอเกาหัวไปมา หันไปนับเงินใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ต้องนับเงินหลายพันบาทนี่ให้เสร็จ
ฟ้าใสแอบหันไปหัวเราะคิกคัก ก็อยากแกล้งเธอก่อนนี่นา เธอน่ะหรือจะโดนแกล้งง่ายๆ
“หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบ หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเอ็ด...” จันทร์ฉายยังคงปาดเหงื่อนับเหรียญไปเรื่อยๆ แม้เธอจะถอดใจเอ่ยบอกว่าไม่ต้องนับแล้วเอาตามที่ฟ้าใสนับมาคราแรก แต่ฟ้าใสกลับบอกว่าเธอก็ไม่แน่ใจว่านับมาถูกหรือเปล่า กลัวเงินจะหายไปหรือขาดไปอยู่เหมือนกัน ทำให้จันทร์ฉายถึงกับทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
“เจ็ดพันยี่สิบบาท เจ็ดพันสี่สิบบาท...” จันทร์ฉายรู้สึกว่าหายใจคล่องหน่อยที่ตอนนี้เธอได้นับแบงก์ยี่สิบเสียที เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่านับเหรียญ
“เป็นพนักงานใหม่เหรอคะ” ฟ้าใสเอ่ยถาม จันทร์ฉายเลิกคิ้วมองหญิงสาวนับเงิน
“โห... พี่รู้ได้ยังไงคะ พี่เก่งจัง” จันทร์ฉายทำสีหน้าประหลาดใจ
ฟ้าใสเงยหน้ากลอกตาไปมา บ๊ะโธ่! จะไม่ให้เธอรู้ได้ยังไง ก็เล่นนับเงินแบบนี้
“อย่าหาว่าฉันสอนคุณเลยนะคะ วิธีนับเงินให้เร็วเค้าทำกันแบบนี้ค่ะ” ฟ้าใสดึงธนบัตรในมือของจันทร์ฉายมาถือไว้ก่อนที่วิญญาณนักเก็บเงินตัวยงจะเข้าสิง เธอสับเงินนับเป็นชุด ชุดละหนึ่งร้อยบาทแล้ววางซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
“โห... พี่” จันทร์ฉายอุทาน
“วิธีนับเหรียญนะคะ ฉันจะสอนให้ แต่ความจริงไม่เห็นต้องสอน แต่ถือว่าน้องคงเพิ่งเรียนจบมาทำงาน” ฟ้าใสหยิบเหรียญหนึ่งบาทขึ้นมาถือและนับอย่างรวดเร็วกองซ้อนเป็นกองละสิบบาท เมื่อครบร้อยก็เก็บใส่ถุง ทำเป็นตัวอย่างให้หญิงสาวดู
“น้องใช้เวลานับเงินเจ็ดพันกว่าบาทเป็นเวลาสองชั่วโมงสิบสามนาที นี่ถ้าน้องนับเงินแบบนี้รับรองเจ๊ง”
จันทร์ฉายได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อฟ้าใสหยิบถุงกระดาษที่ใส่ชุดชั้นในแล้วเดินจากไป “เทพ!”
“เรียกทำไม” เทพประทานเอ่ยถามเสียงขรึม จันทร์ฉายสะดุ้งอุทาน หันไปรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“หนูชมคุณคนนั้นค่ะว่าเทพค่ะ ไม่ได้เรียกคุณเทพเสียหน่อย” จันทร์ฉายก้มหน้าตอบอย่างหวาดๆ
“ทีหลังก็จำที่เค้าสอนสิ ต่อไปจะได้ทำงานเก่ง ไม่ชักช้าแบบนี้อีก” เทพประทานพูดเสียงเรียบๆ กับพนักงานที่ทำท่าทางเกรงๆ เขานัก จันทร์ฉายเงยหน้าขึ้นพยักหน้ารับ ยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นว่าท่านประธานสุดหล่อก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ใครเคยพูดๆ กัน
เทพประทานกอดอกมองหญิงสาวที่เดินจากไปนิ่งแต่ก็ไม่พูดอันใด แววตาอ่านยากของเขาเกินกว่าใครจะคาดเดาว่าคิดอะไรอยู่ แม้แต่จันทร์ฉายเองยังเดาไม่ออกว่าท่านประธานสุดหล่อกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
...การประหยัดและออมนั้นเป็นสิ่งที่ดียิ่งนัก การประหยัดและออมคือการรู้จักใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น มิฟุ้งเฟื้อฟุ่มเฟือย เมื่อยามจำเป็นหรือยามป่วยไข้ไม่สบาย เราจะได้นำทรัพย์ที่เก็บเอาไว้มาใช้จ่าย
แต่คนงก ตระหนี่ถี่เหนียว หรือที่เรียกว่าคนขี้เหนียวขี้ตืดนั้นคนละอย่างกัน คนพวกนี้จะไม่ยอมใช้จ่ายแม้กระทั่งสิ่งจำเป็น มิรู้จักปลงว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย แม้จะมีทรัพย์สมบัติอะไร ตายไปก็มิได้เอาไป ไม่รู้จักทำบุญทำทานหรือแบ่งปันเพราะขี้เหนียวจนเกินเหตุ อะไรก็ตาม ตึงเกินก็ไม่ดี หย่อนเกินก็ไม่ดี ให้พอดี... ดีที่สุด
ชุดชั้นใน
“โห... ฟ้า แกไปเหมาชุดชั้นในมาหมดห้างหรือยังนี่”
ราศียกชุดชั้นในที่เพื่อนซื้อมาขึ้นดู สลับกับมองหน้าเพื่อนสาวที่รู้จักจ่ายเงินอย่างฟ้าใส ยังไงก็ไม่น่าจะซื้อชุดชั้นในเกินสองชุดต่อเดือน
“เวอร์แล้วไอ้หยก” ปาริชาติว่าให้ เธอเห็นชุดชั้นในไม่กี่ชุดเท่านั้น ถ้าเธอนะเหรอ แทบจะเปลี่ยนไม่ซ้ำกันแต่ละวัน เธอซื้อทีนึงทุกสีทุกแบบเลยก็ว่าได้
“แต่เกศเห็นด้วยกับหยกนะคะ” เกศราพูดเสียงเนิบนาบ
ปาริชาติเริ่มเห็นด้วย เธอจับใบหน้าของฟ้าใสพลิกไปมาเพื่อสำรวจสิ่งผิดปกติ วันนี้เพื่อนรักของเธอกินยาผิดขวดหรือเปล่าล่ะนี่ เป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนจะซื้อชุดชั้นในแบรนด์เนมมาฝาก หรือเธอจะฝันไป
“โอ๊ย! ยัยฟ้าหยิกฉันทำไมนี่” ปาริชาติลูบแขนป้อยๆ
“หยิกให้รู้ว่าไม่ได้ฝันยังไงเล่า เปรี้ยวคิดแบบนั้นอยู่ใช่ไหม” ฟ้าใสดักคอเพื่อน ปาริชาติตาโต หันไปมองเพื่อนสาวทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยกัน ราศีและเกศราพยักหน้ายิ้มๆ เหมือนจะบอกว่า แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ปาริชาติหน้างอเล็กน้อยที่เพื่อนรู้ทันความคิด ก่อนจะหันไปจับใบหน้าของฟ้าใสอีกครั้งเพื่อเพ่งพินิจเข้าไปในดวงตาของเพื่อนอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เธอก็ไม่เห็นความผิดปกติอันใด ฟ้าใสเก็บอารมณ์เก่งนัก เธอรู้ข้อนี้ดี เพียงแค่มองๆ ดู เผื่อวันใดวันหนึ่งเธอจะจับอารมณ์เพื่อนรักคนนี้ได้บ้าง
“แกจะจับอะไรนักหนานี่” ฟ้าใสผลักมือเพื่อนออก เพราะถูกมองนานๆ เข้าก็กลัวว่าจะโดนล่วงรู้ความลับเข้าให้
“ที่ห้างลดราคาหรือไง แกถึงได้เหมามาซะหลายตัวแบบนี้ ดูสิ ราคาโห... มายก๊อด!”
ราศีหยิบชุดชั้นในขึ้นมาดูอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้จะรู้ว่าฟ้าใสนั้นเป็นคนประหยัดรู้จักใช้จ่าย แต่เพื่อนสาวก็จะเลือกซื้อของที่ดีที่สุด ไม่ใช่ซื้อชุดชั้นในตลาดนัดที่มีแต่ฟองน้ำหรือโครงลวดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในแบบโครงลวดจะทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา เมื่อทานอาหารเข้าไป เกิดการบีบรัดที่มีผลทำให้หลอดอาหารตีบ ทำให้กลืนอาหารลำบาก อาหารไม่สามารถย่อยได้ง่ายตามที่มันควรจะเป็น ร่างกายทำการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา ซึ่งส่งผลให้สูญเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว จะเหนื่อยง่ายและรู้สึกไม่มีแรง ขัดขวางการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับสารพิษในเต้านม ทำให้การเคลื่อนไหวของซี่โครงและกระบังลมมีปัญหาส่งผลทำให้หายใจหอบอยู่บ่อยครั้ง และสมรรถภาพของหัวใจกับปอดจะเสื่อมลงอย่างช้า ๆ
“อยากได้ตัวไหนเลือกเอาสิ” ฟ้าใสกอดอกบอกยิ้มๆ
“โห... เพื่อน วันนี้ผีเข้าแกหรือไง ทำไมใจดีจัง” สองสาวอุทานพร้อมกันก่อนมองเพื่อนรักตาเขม็ง
“นี่หยุดเลย ใครบอกว่าฉันจะให้พวกแกฟรีๆ” ฟ้าใสยกมือขึ้นเบรก เพียงแค่นั้นสามสาวเพื่อนซี้ก็ถอนใจพร้อมกัน “ฉันรู้ว่าพวกแกชอบแบบไหน ลองเลือกดูสิ ฉันเลือกที่พวกแกชอบทั้งนั้นเลยนะ พวกแกไม่ต้องไปซื้อเอง ลดให้พิเศษ ลองดู” ฟ้าใสบอกยิ้มๆ