...ทำไมเขาจะจำเธอไม่ได้ ก็เพิ่งเจอกันในสวนสาธารณะเมื่อวันก่อน คนที่ทำเฟอะฟะใส่เขาแล้วหนีไปหน้าตาเฉย...
“ขอโทษค่ะ” ฟ้าใสจำต้องเอ่ยขอโทษ เพราะสายตามาดร้ายของเขากำลังตำหนิเธอถึงขั้นรุนแรงก็ว่าได้ เหมือนยัดเยียดให้เธอรู้สึกผิดว่าเดินไม่ดูทางให้ดี เห็นสายตาแบบนี้ของเขาแล้ว เธอก็อยากเดินหนี ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ให้ตายเถอะ!
“เดี๋ยวก่อน” น้ำเสียงติดจะเย็นชาเอ่ยเรียก ฟ้าใสหันกลับไปมอง เขาจึงหยิบถุงอีกใบที่หล่นยื่นให้เธอ ปกติเธอเป็นคนละเอียดลออ ไม่คิดว่าจะลืมมองแม้กระทั่งถุงสำคัญแบบนี้
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหันไปกดรับ ทั้งๆ ที่มือยังถือถุงกระดาษเอาไว้แน่น แคว่ก!!!!
“กรี๊ด! คนบ้า” ฟ้าใสกรีดร้องเมื่อบราเซียร์กับซับในตกลงสู่พื้นเพราะถุงที่ฉีกขาด เขามัวแต่คุยโทรศัพท์ แต่ไม่ยอมวางของในมือ เธอดึงกลับมาถุงกระดาษใบสวยจึงได้ขาดออกพร้อมกับของที่บรรจุอยู่ภายในได้ออกมาเปิดเผยสู่สาธารณะชนที่เดินกันขวักไขว่ภายในห้างหรู
เทพประทานปล่อยถุงกระดาษทันที เมื่อเห็นของที่ตกลงมา ฟ้าใสมองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง เทพประทานมองนิ่ง สายตาคมกริบอันชาญฉลาดแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเป็นนิตย์กวาดมองเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็รับรู้ทันทีว่าเธอใส่ไซซ์อะไร
สามสิบสี่คับซีอย่างนั้นเหรอ สายตาสีเข้มเหลือบมองหน้าอกอวบที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตพอดีตัว กวาดไล่ลงมายังช่วงล่างที่เจ้าหล่อนใส่กางเกงยีนส์พอดีตัว ฟ้าใสร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาสำรวจตรวจตรานั้น เธอไม่ชอบสายตาแบบนี้ อุตส่าห์หลงชอบเขาตั้งนานสองนาน เห็นหล่อเหลาและเป็นผู้ชายที่ชอบออกกำลังกาย ไม่คิดว่าคนเฉยชาแบบเขาจะลามกขนาดนี้ ไม่น่าลงทุนทำจักรยานล้มเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเขาเลย
“คุณต้องรับผิดชอบ”
น้ำเสียงเอาเรื่องทำให้เทพประทานหลุดจากภวังค์ความคิด เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักที่กำลังมองเขาตาขุ่นเขียว เม้มริมฝีปากแน่น มือกำเข้าหากัน ดูก็รู้ว่ากำลังโมโห เขาเลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดเช่นนั้นเหรอ สีหน้ากวนอารมณ์นั้นทำให้ฟ้าใสนึกโมโหเอามากๆ คนอะไรหน้าตาหล่อสุดฤทธิ์สุดเดช แต่แสดงสีหน้าแววตาสื่ออารมณ์ได้หลากหลาย แล้วสุดท้ายก็เป็นสายตาที่เธออ่านไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
ให้ตายเถอะ! ฟ้าใสคิดว่าเขาน่ากลัวชะมัด เธอกำลังรู้สึกสั่นสะท้านกับสายตาอันหลังสุดของเขาที่กวาดไล่มองเธอไม่วางตา เหมือนจะจับต้องเธอด้วยมือนั้นเสียเอง เธอควรเลิกชอบเขา ควรถอยห่างออกมาไกลๆ เสียด้วยซ้ำ เธอแอบคิดว่าผู้ชายบางทีก็ชอบทำหน้านิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่อาจจะอัธยาศัยดีก็ได้ แต่สำหรับผู้ชายตรงหน้าคนนี้เธอคิดว่า ตัวเองคิดผิดมหันต์
“ฉันทำอะไรเธอ ถึงต้องรับผิดชอบ” เขาถามอย่างเย็นชา สีหน้ามีแววกระด้างปนรำคาญสุดๆ ฟ้าใสหน้าม้านจนชากับคำถามที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองกำลังกล่าวหาเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองทำความผิด แล้วยังมีหน้ามาถามแบบนี้อีก มันน่าโมโหไหมล่ะ น่าแปลกที่คนใจเย็นอย่างเธอ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เพราะผู้ชายแสนจะเย็นชาคนนี้
“คุณกระชากถุงกระดาษของฉันจนหล่นลงบนพื้น สกปรกหมดแล้ว เห็นไหมว่ามันแพงขนาดไหน พนักงานอย่างคุณคงรู้ดีว่ามันราคาเท่าไหร่ และคุณก็ต้องรับผิดชอบข้าวของที่มันเสียหายพวกนี้”
อีกครั้งที่เทพประทานเลิกคิ้วเข้มขึ้น สายตาเขาดูไม่พึงใจเอามากๆ โดยที่ฟ้าใสไม่รู้ว่าเพราะอะไร แล้วความแข็งกระด้างก็ปรากฏบนดวงตาคู่นั้น
โอ้... คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์กลับไปกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น!!!
“แล้วไง” เขาจ้องเธอนิ่งคล้ายรำคาญ ริมฝีปากกระตุกเพียงนิด เธอหน้าเหวอ นั่นเขายิ้มเหรอ ไม่ใช่หรอก เขาแสยะยิ้มคล้ายหยันเธอต่างหากเล่า ให้ตายเถอะ!!!
ฟ้าใสเชิดหน้าขึ้นก่อนตอบเสียงดังฟังชัด “คุณต้องซื้อชุดชั้นในให้ฉันใหม่ทดแทนตัวที่เปื้อนทุกตัว ไม่งั้นฉันจะฟ้องเจ้าของห้างว่าพนักงานอย่างคุณทำอะไรไว้บ้าง”
“ทำอะไรไว้บ้างอย่างนั้นเหรอ” เทพประทานเลิกคิ้วขึ้นมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจดเท้า เธออยากจะบ้า ฟ้าใสไม่ชอบสายตาแบบนี้ของเขาเลยจริงๆ ร่างสูงเดินนำเธอไปยังแผนกชุดชั้นในสตรี โดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น เขานิ่งมาก จนเธอเงอะงะตามเขาแทบไม่ทัน
“นี่คุณ เดินหนีหรือไง” ฟ้าใสหันไปหยิบชุดชั้นในที่ตกบนพื้นใส่ในถุงกระดาษอีกใบ ก่อนเดินตามเขาไปติดๆ
‘หึ... พนักงานอะไรขี้เก๊กที่สุด รู้จักเธอน้อยไปแล้ว เธอจะผลาญให้เงินเดือนพนักงานขายที่ไปเลี้ยงกิ๊กหมดเลยคอยดู... ชิ!’ เลิกเพ้อแล้ว เธอจะเลิกชอบเขาแล้วนะ ผู้ชายตายด้านไร้ความรู้สึกแบบนี้
“เชิญ” ชายหนุ่มผายมือไปยังชุดชั้นในมากมายตรงหน้า ฟ้าใสไม่คิดว่าเขาจะยอมง่ายๆ แต่ของฟรีใครก็ชอบ หญิงสาวแสร้งทำเป็นหยิบตัวนั้นตัวนี้ จนเมื่อเขาพ้นออกจากร้านไปแล้ว เธอถึงกับกรี๊ดในใจ
ฟ้าใสตรงไปยังเสื้อชั้นในที่เธอหมายตาเอาไว้ และคิดว่าจะซื้อเดือนหน้าเพราะงบการใช้จ่ายเดือนนี้ของเธอหมดแล้ว เงินที่เหลือเธอต้องไปปั่นให้มันงอกเงย ดังนั้นชุดชั้นในเป็นของภายใน ไม่จำเป็นไม่ควรซื้อมากมาย มันสิ้นเปลือง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยซื้อเสื้อชั้นในตามตลาดนัดราคาถูกตัวละไม่ถึงร้อยกว่าบาท ไม่ใช่เพราะติดของแบรนด์เนมอะไร แต่เธอคิดว่าเสื้อในพวกนั้นใส่ไม่สบาย ทำให้หน้าอกเสียทรง บางทีก็ตัดเย็บไม่ดี เก็บทรงไม่หมด แถมใช้ไปสักพักก็ชำรุดง่าย ไม่เหมือนของที่ตัดเย็บดี ใส่แล้วสบาย ใช้ได้นาน เธอคำนวณอย่างถี่ยิบในใจว่าหากซื้อเสื้อในตลาดนัดถูกๆ มาสวมใส่และต้องซื้อซ้ำบ่อยๆ กับซื้อที่ดีไปเลยมันก็ประหยัดได้อยู่มากโข ดังนั้นเธอจึงเลือกแต่ของดีๆ ใช้ทน ใช้นาน ไม่สิ้นเปลือง
“อ๊ายย... อยากได้ๆ” หญิงสาวแอบกรี๊ดกร๊าดในใจ ยิ้มกว้างโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองอยู่
เทพประทานถึงกับส่ายหน้าเบาๆ เธอรู้จักเขาน้อยไปแล้ว รอยยิ้มมาดร้ายของนักธุรกิจหนุ่มที่คิดคำนวณในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วกระตุกขึ้น แต่เพียงมุมปากเล็กน้อยเท่านั้น เขาเป็นคนยิ้มยากและน้อยครั้งที่จะยิ้ม คนเช่นคนไม่ยอมขาดทุนอย่างแน่นอน ลงทุนอะไรไปก็ต้องผลกำไรกลับมา ทำอะไรไปก็ต้องได้กำไรกลับมา ไม่เช่นนั้นจะทำให้เหนื่อยทำไม หว่านพืชก็ต้องหวังผลเป็นธรรมดา ใครๆ ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นบนโลกใบนี้
ทางด้านฟ้าใสเมื่อได้ของที่ต้องการครบทุกชิ้น เธอก็เดินไปยังเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ใบหน้านิ่งเรียบแตกต่างจากในใจที่เบ่งบานเหมือนดอกไม้ที่รอรับแสงตะวันในยามเช้า เธอคำนวณทุกอย่างเสร็จสิ้นในใจว่าจะเอาชุดชั้นในพวกนี้ไปสร้างกำไรงอกเงยได้จากที่ไหน ก็เพื่อนรักสามสาวของเธอนั่นไง... หุหุ
“ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยสี่สิบบาทค่ะ” พนักงานบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะ” ฟ้าใสรับคำด้วยหัวใจลิงโลด ไม่คิดว่าจะได้ลาภตั้งหมื่นกว่าบาท เมื่อเช้าเธอก้าวออกจากบ้านเท้าไหนนี่
“มีคนชำระเงินค่าสินค้าให้คุณแล้วนะคะ เป็นจำนวนห้าพันบาท ส่วนที่เหลือคุณต้องจ่ายเองนะคะ”
“ห้าพันบาท” ฟ้าใสทวนเสียงสูงก่อนจะรวบรวมสติได้ แอบค่อนขอดชายหนุ่มในใจ ก็ไหนเขาบอกเธอว่าให้เธอเลือกตามสบายไง ทำไมกลายเป็นแบบนี้นี่
“คุณสะดวกเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตคะ”
“คะ” ฟ้าใสสะดุ้งเมื่อพนักงานคนสวยเอ่ยถามเสียงสุภาพ