บทที่ 21 กลั่นแกล้ง
มีนาแอบยิ้มเยาะด้วยความพอใจ เมื่อได้ยินเจ๊หวังบอกให้วิเวียนกินซุปถ้วยนั้น “อีริคกินซุปสิลูก ระวังด้วยนะมันร้อน”
“ไม่ร้อนแล้วครับคุณแม่ เมื่อกี้อีริคเพิ่งตักกินไปครับ” เด็กน้อยบอกมารดาแล้วตักซุปในถ้วยใส่ปากให้ดูว่าไม่ได้โกหก
“เห็นไหมคะ มัวแต่ห่วงคุยอาหารเลยเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวป้าไปตักซุปถ้วยใหม่ให้ดีกว่า”
“วิทานได้ค่ะป้าหวัง แค่นี้ไม่เป็นปัญหากับวิหรอกค่ะ” วิเวียนจะตักซุปมากินแต่ถูกเจ๊หวังแตะหลังมือห้ามเอาไว้
“แป๊บเดียวค่ะ” เจ๊หวังรีบหยิบถ้วยซุปของเธอกับพี่ชายออกไป
“อย่าไปขัดใจป้าเขาเลย คนจีนโดยเฉพาะคนฮ่องกงเขาเชื่อกันว่าการกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ เป็นการบำรุงสุขภาพที่ดีที่สุด ดังนั้นอย่าขัดใจป้าเขาเรื่องอาหารเด็ดขาดเข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ ต่อไปนี้วิจะ..”
ครืด...
สองพี่น้องหันไปมองมีนาพร้อมเพรียงกัน เมื่อเธอลุกขึ้นยืนกะทันหันจนเก้าอี้ไถกับพื้นเสียงดัง สีหน้าบอกบุญไม่รับ
“มีนขอตัวก่อนนะคะโมก มีนรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ ขอตัวก่อนนะคะน้องวิ” เธอไม่ได้เป็นอย่างที่บอกกับชายหนุ่ม แต่เพราะโกรธที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้ แม้กระทั่งเรื่องซุป
“คุณมีนคะ” วิเวียนเรียกหญิงสาวที่กำลังเดินจากไป
“คะ” มีนาหยุดเท้าแล้วหันไปมองหญิงสาว
วิเวียนลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปประชิดตัวมีนา มองหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มสดใส
“วิไม่มีพี่สาว เพราะฉะนั้นเรียกคุณวิดีกว่านะ” หญิงสาวอยากจะถามต่อด้วยซ้ำว่ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกพี่ชายเธอว่าโมกเฉย ๆ แต่ในเมื่อเขาไม่ว่าอะไรก็จะปล่อยเลยตามเลย “ลองเรียกดูสิคะ”
“ค่ะ..คุณวิ” ในเมื่อเธอจงใจเปิดศึก ฉันก็จะไม่ปิดบังความรู้สึกเหมือนกัน ให้เธอได้รู้ไปเลยว่าฉันก็ไม่ได้ชอบเธอเหมือนกัน
ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นหรอกมีนา ฉันไม่กลัวเธอหรอกนะ “ดีมากค่ะ เชิญไปพักผ่อนเถอะค่ะคุณมีน”
“มีอะไรเหรอคะคุณหนูวิเวียน” เจ๊หวังเดินเข้ามาพร้อมซุปถ้วยใหม่ เห็นสองสาวยืนประจันหน้ากันอยู่ก็รีบเข้าไปถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าหวัง วิแค่เป็นห่วงอาการป่วยของคุณมีนเธอเท่านั้น” พูดจบวิเวียนก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“ไม่สบายก็ไปพักเถอะ เดี๋ยวอั๊วให้อาหนึ่งดูแลคุณอีริคเอง” เจ๊หวังบอกกับมีนาแล้วเดินไปเสิร์ฟซุปเป๋าฮื้อร้อน ๆ ให้เจ้านายทั้งสอง
มีนาขบริมฝีปากข่มใจไม่ให้กรีดร้องออกไป แล้วเดินไปหาลูกชาย “ลูกของฉัน ฉันดูแลเองได้ อีริคไปกับแม่” เธอดึงแขนลูกชายให้ลงจากเก้าอี้ แต่ลูกชายกลับทำท่าฝืน ไม่ยอมทำตามที่เธอบอก “ไม่เข้าใจที่แม่พูดหรือไง! ไอ้เด็กบ้านี่! ลงมาเดี๋ยวนี้!” เธอกระชากแขนลูกชายแรง ๆ จนหนูน้อยไถลตกจากเก้าอี้
“เธอจะบ้าหรือไงมีนา นั่นลูกเธอนะ” วิโมกข์ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปอุ้มเด็กน้อยที่เริ่มส่งเสียงร้องไห้ แล้วส่งต่อให้พี่เลี้ยงของเขาพาออกไป
“ลื้อเป็นอะไรของลื้อเนี่ย ลูกเธอขวัญเสียหมดแล้วเห็นไหม เฉาโฉดจริง ๆ” เจ๊หวังต่อว่าหญิงสาวเมื่อเด็กชายอีริคถูกพี่เลี้ยงเอาตัวไปแล้ว
“ลื้อนั่นแหละเฉาโฉด เด็กคนนี้มันลูกของอั๊ว อั๊วจะทำอะไรกับมันก็ได้ ลื้ออย่ามายุ่งจะดีกว่า”
“ถ้าไม่อยากให้ยุ่งก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดกับป้าหวังแบบนี้” วิโมกข์แสดงความไม่พอใจหญิงสาวอย่างเปิดเผยทั้งสีหน้าและน้ำเสียง
“มีนไปก็ได้ ไม่ต้องมาไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้หรอก แต่มีนจะเอาลูกไปด้วย ถ้าไม่ให้ลูกไปกับมีน มีนก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น” ถึงปากจะท้าทายแต่ใจของเธอก็ยังปักหลักอยู่ที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลง จึงเอาลูกชายมาเป็นข้ออ้าง
วิโมกข์ละมือจากเอวมาเสยผม หันหลังหนีหน้าเธอไปทางอื่น ผ่อนคลายอารมณ์โกรธให้เย็นลง อยากจะให้ลูกเธอไปแต่ก็สงสารเด็กตาดำ ๆ
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าก้าวร้าวกับป้าหวังอีก จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ถ้ามีครั้งหน้าอีกเธอเอาลูกของเธอไปได้เลย.. เราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะวิ”
“ค่ะพี่โมก” วิเวียนรีบลุกขึ้น บอกลาเจ๊หวังทางสายตาแล้วเดินตามพี่ชายออกไป
“อย่าคิดว่ามีเจ้านายคอยถือท้ายแล้วจะพูดอะไรก็ได้นะเจ๊หวัง ฉันก็เป็นคนมีความรู้สึกเหมือนกันนะ” มีนาพูดทิ้งท้ายเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“แล้วอั๊วพูดอะไรผิดเหรอ ลื้อบอกว่าไม่สบาย อั๊วก็บอกให้ไปพักเดี๋ยวจะดูแลคุณอีริคเอง ลื้อเองต่างหากที่ทำให้มันเกิดเรื่อง” เจ๊หวังเท้าความให้หญิงสาวฟัง ไม่รู้ตัวสักนิดว่าอีกฝ่ายโมโหตั้งแต่ตอนที่นางยกถ้วยซุปไปเปลี่ยนใหม่ “อั๊วรู้นะว่าลื้อหึงหวงคุณหนู อั๊วไม่ว่าลื้อหรอกนะถ้าลื้อเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ แต่ถ้าลื้อแสดงออกแบบนี้อั๊วยอมไม่ได้เหมือนกัน ลื้อมันไม่คู่ควรกับคุณหนูของอั๊วแล้วมีนา แล้วก็โทษใครไม่ได้ด้วย เพราะลื้อเป็นคนทิ้งโอกาสนั้นเอง จำใส่หัวเอาไว้ด้วย”
“ฉันรู้ว่าอั๊วผิด แล้วฉันก็ไม่โทษใครด้วย แต่ในเมื่อฉันเป็นคนทิ้งโอกาสนั้นไป ฉันก็จะพยายามไขว่คว้ามันกลับมาด้วยตัวเองให้ได้อีกครั้ง” เป็นไงเป็นกันสิ ในเมื่อนางรู้ความจริงแล้วก็ไม่ต้องมาปิดบังกันอีกต่อไป เผยให้รู้ธาตุแท้กันไปเลยดีกว่า เธอก็เบื่อที่จะแสดงเป็นคนดีแล้วเหมือนกัน
“อั๊วไม่น่าเอางูเห่าอย่างลื้อเข้ามาในบ้านนี้เลย อั๊วคิดผิดจริง ๆ”
“คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วเจ๊ เพราะฉันจะไม่ไปจากที่นี่เด็ดขาด” มีนาเชิดหน้าตอบอย่างท้าทาย
“ลื้ออยู่ที่นี่ได้ก็เพราะมีลูกคุ้มกะลาหัวหรอกนะ ลำพังตัวลื้อคนเดียวไม่มีสิทธิ์เหยียบเข้ามาในที่ดินผืนนี้ด้วยซ้ำ ลื้ออย่าหวังให้สูงมากนัก คุณหนูของอั๊วเจ็บแล้วจำ เขาไม่เอาเศษสวะอย่างลื้อมาขึ้นหิ้งอีกหรอก” เจ๊หวังตอกกลับด้วยคำพูดรุนแรงอย่างไม่ไว้หน้า
“ปากดีนักเหรออีหวัง แกกับฉันคงญาติดีกันไม่ได้อีกแล้ว” มีนาก้าวเข้าไปหา เงื้อมือขึ้นสูง
“ถ้าไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ก็ตบอั๊วสิ” เจ๊หวังท้าทายพร้อมกับเผยอหน้าให้ หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะลงมือ
มีนาจำใจต้องลดมือลงเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย “ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันเป็นใหญ่ที่นี่เมื่อไหร่ลื้อไม่รอดแน่”
“อั๊วจะคอยดูว่าลื้อใหญ่พอที่จะไล่อั๊วออกได้หรือเปล่า หวังว่าจะไม่กระเด็นออกไปก่อนอั๊วนะ”
“ลื้อก็ไม่ต้องเสนอหน้าไปฟ้องนายล่ะ ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างอั๊วกับลื้อแค่สองคน”
“อั๊วไม่ฟ้องหรอก แต่ลื้ออย่าเล่นสกปรกก็แล้วกัน ไม่งั้นอั๊วไม่เอาลื้อไว้แน่อามีนา”
“ถึงอั๊วจะเลวแต่อั๊วก็ไม่เคยลอบกัดใคร สู้กันซึ่ง ๆ หน้าดีกว่า”
“ให้มันจริงอย่างที่พูดก็แล้วกัน” เจ๊หวังกล่าวทิ้งทายแล้วหันไปสนใจกับจานอาหารบนโต๊ะ
มีนาจ้องสตรีสูงวัยที่กำลังเก็บโต๊ะอาหาร ‘อีแก่นี่.. แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่’ กล่าวอาฆาตแค้นอยู่ในใจ...