เจ้าสาว

2092 คำ
ณ บ้านพักต่างอากาศ ชายหาดเขาตะเกียบ หัวหิน หนุ่มนักธุรกิจที่มีใบหน้าหล่อเหลารูปร่างกำยำราวกับนายแบบกำลังยืนถือแก้วไวน์มองไปที่ชายหาด ซึ่งกำลังมีคู่รักกำลังมาถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่ไกลๆ ด้วยความคิดสงสัยว่าทำไมคนคนหนึ่งจะต้องเอาตัวเองไปผูกไว้กับคนอื่นไปตลอดชีวิตด้วย ทั้งๆที่ก็ไม่มีใครจะรักเราได้มากกว่าตัวเราเอง โดยเฉพาะกับความรักที่มีเงินเป็นตัวเดินความสัมพันธ์ มันแทบจะหารักแท้อะไรไม่ได้เลย “ยืนคิดอะไรอยู่วะศิลา ฉันเห็นแกมายืนตรงนี้นานแล้วนะโว้ย ทำไมวะ มองแบบนี้อย่าบอกนะว่าแกอยากจะแต่งงานแบบนั้นน่ะ ” เพชรรัตพี่ชายของศิลาเขาไปหาน้องชายก่อนจะเอ่ยแซวออกมาอย่างขำๆ เพราะน้องชายเขาน่ะแทบจะไม่มีความคิดที่จะแต่งงานอยู่ในหัวเลยล่ะมั้ง “หึ ผมไม่โง่เอาตัวเองไปเป็นทาสเมียแบบพี่หรอก ผมถนัดรักสนุกแต่ไม่ผูกพันมากกว่า” ศิลาหันไปพูดตอบพี่ชายของเขาด้วยสีหน้ายิ้มมุมปาก ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างชิวๆ “ทำเป็นพูดไป แกก็แก่แล้วนะศิลา จะอยู่แบบไม่มีใครไปจนแก่ตายเลยหรือไงวะ ผู้หญิงมันไม่ได้เหมือนกันทุกคนนะโว้ย คนที่รักจริงมันก็มีอยู่ อย่างน้องเอมไงวะ ฉันเห็นแกกับเขาก็เข้ากันได้ดีนิ ทำไมแกไม่ตกลงคบกันเป็นแฟนไปเลยวะ ฐานะบ้านเขาก็เหมาะสมกับบ้านเราด้วย ” เพชรรัตพูดไปอย่างบ่นๆน้องชายของเขาที่ไม่มีแผนการในชีวิตว่าจะคบใครจริงจังเลย “ผมพึ่งจะสามสิบสองเองนะพี่เพชร จะให้ผมรีบมีเมียไปไหนหึ แล้วผมจะบอกพี่ให้เข้าใจนะว่าเอมเขาเหมาะกับการเป็นเพื่อนและเป็นคู่นอนมากกว่าที่จะเป็นแฟนของผม แค่ไม่ใช่แฟนเขายังไล่ตามหึงหวงและแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมขนาดนี้ ถ้าผมตกลงคบกับเขาผมนี่คงดิ้นไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องเสียเวลาเชียร์หรอก” ศิลาได้ยินพี่ชายพูดมาแบบนั้นก็เอ่ยตอบไปตามความคิดของเขา ถึงเอมิกาจะมีซัมติงกับเขามานานแล้วก็เถอะ แต่เธอก็ไม่เหมาะกับการเป็นคนรักของเขา “เฮ้อ…แล้วแกจะเอาผู้หญิงแบบไหนมาทำเมียวะเนี่ย นั่นก็ไม่เหมาะนี่ก็ไม่ดี ต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนวะถึงจะทำให้คนอย่างแกหวั่นไหวได้เนี่ย ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ” เพชรรัตเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่เข้าใจน้องชายเลยสักนิด ว่ามันจะเอาผู้หญิงแบบไหนมาทำเมีย “ก็ผู้หญิงที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาไงพี่ ผู้หญิงแบบนี้น่ะน่าตื่นเต้นแล้วก็น่าเข้าหาจะตายไป” ศิลาพูดไปด้วยรอยยิ้มก็ดื่มไวน์อย่างไม่คิดอะไร เพราะเขายังไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน “เออ งั้นฉันก็ขอให้แกเจอคนแบบนั้นเร็วๆก็แล้วกัน แต่เรื่องของแกฉันไม่ห่วงเท่าเรื่องของยัยพลอยหรอก ตั้งแต่บอกว่ามีแฟนก็กลับบ้านดึกๆดื่นๆ บางครั้งก็ไม่กลับบ้านเลยก็มี ฉันอยากให้แกเตือนยัยพลอยมันบ้าง อย่างน้อยยัยพลอยมันก็กลัวแกมากกว่าฉัน” เพชรรัตพูดบอกไปอย่างเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กของเขาที่ตอนนี้นั้นกลับบ้านดึกดื่นจนเขาและพ่อแม่นั้นเป็นห่วง “ยัยพลอยมีแฟนงั้นเหรอพี่เพรช ใครกัน ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” ศิลาทำหน้าสงสัยออกไป เพราะเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าน้องสาวของเขามีแฟนแล้ว “ก็วันๆแกอยู่แต่ที่คอนโดไม่กลับมาอยู่บ้านเลยแล้วแกจะรู้ได้ยังไงล่ะ ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นแฟนยัยพลอยหรอก แต่ได้ยินยัยพลอยบอกคุณแม่กับคุณพ่อว่ามีแฟนเป็นหมออยู่โรงพยาบาลเดียวกับพี่นี่แหละ แต่ยัยพลอยมันไม่ยอมบอกชื่อน่ะสิ พี่ก็เลยไม่รู้ว่ายัยพลอยน่ะคบกับใครอยู่ เห็นบอกว่าจะพามารู้จักครอบครัวเราเร็วๆนี้ พี่ก็รอลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่เรื่องนี้พี่ไม่ห่วงเท่าเรื่องที่ยัยพลอยไปมาหาสู่กับเขาแล้วไม่กลับบ้านหรอก” เพชรรัตพูดไปตามที่เขารู้ข้อมูลมา ซึ่งเขานั้นเป็นหมอศัลยแพทย์จึงรู้จักแพทย์ในโรงพยาบาลเกือบทั้งหมด และเขาพยายามสืบแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าน้องสาวคบกับใครอยู่ “อ่อ งั้นเดี๋ยวผมจะเตือนยัยพลอยเอง พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ” ศิลาพูดบอกไปอย่างจริงจัง เพราะเขาต้องเตือนน้องสาวของเขาแน่ ถึงจะโตแล้วแต่ฐานะทางสังคมของพวกเขานั้นไม่ใช่เล่นๆ จะคบใครก็ต้องดูให้แน่ใจว่าคนๆนั้นรักจริงไม่ได้หวังจะมาปลอกลอกสมบัติจากครอบครัวของเขา “หนุ่มๆคะ อาหารพร้อมทานแล้วค่ะ มาเร็ว” พันทิวาภรรยาของเพชรรัตร้องเรียกสามีและน้องชายของสามีให้มาทานอาหาร หลังจากที่เธอนั้นได้จัดเตรียมอาหารที่ปิ้งย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว “คุณพ่อ อาศิลา ลูกนัทย่างเองกับมือเลยนะครับ มาดูสิครับ” ลูกนัทลูกชายวัยแปดขวบของเพชรรัตและพันทิวาเอ่ยเรียกพ่อและอาอย่างน่ารัก “ลูกพีชก็ย่างเองเหมือนกันค่ะคุณพ่อคุณอา” ลูกพีชสาวน้อยฝาแฝดของเอ่ยพูดออกไปอย่างน่ารักไม่แพ้พี่ชายของเธอเลย “โอเคๆ พ่อจะไปเดี๋ยวนี้แหละลูก ไปกันเถอะศิลา” เพชรรัตตอบลูกฝาแฝดของเขาไปแล้วก็ยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วเขาก็หันมาบอกกับน้องชายก่อนจะเดินไปหาลูกๆและภรรยาของเขาที่โต๊ะอาหาร ศิลาก็มองไปที่หลานๆแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เพราะกว่าสองแสบจะเกิดมาได้พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขานั้นต้องทำกิฟต์ไม่รู้กี่ครั้งกว่าจะไปสองแฝดมา พอทั้งสองเกิดมาจึงได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่และทุกคนอย่างเต็มที่ ทำให้โตมาเป็นเด็กน่ารักและขี้อ้อนสุดๆ จนอาอย่างเขานั้นโดนตกมาเที่ยวทะเลด้วยบ่อยๆเพราะความขี้อ้อนของทั้งสองนี่แหละ จากนั้นศิลาก็เดินไปนั่งทานอาหารและชิมบาบีคิวที่หลานๆปิ้งอย่างชอบใจ แล้วเขาก็นั่งพูดคุยกับพี่ชายและพี่สะใภ้ไปอย่างเพลินๆ ก่อนจะมองไปที่ชายหาดที่ตอนนี้ยังคงมีคู่บ่าวสาวนั้นถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันอยู่ ซึ่งคนอย่างเขานั้นคงไม่มีวันได้ทำอะไรแบบนี้ ณ ชายหาดเขาตะเกียบ หัวหิน … เรย์ เรวดี หมอฟันสุดสวยกำลังโอบกอดกับวิทวัสแฟนหนุ่มซึ่งเป็นหมอศัลยแพทย์แผนกหัวใจที่คบกันมานานถึงสามปี นับตั้งแต่เธอเข้ามาฝึกงานจนได้มาเป็นหมอฟันที่โรงพยาบาล เธอก็ตกลงคบกับหมอรุ่นพี่คนนี้จนผ่านมาสามปีกว่า ทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน และตอนนี้ก็กำลังถ่ายพรีเวดดิ้งสุดโรแมนติกอยู่ที่ริมทะเล “เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเอาจมูกแตะกันเลยครับ ใช่ครับ อย่างนั้นแหละครับ สวย….” ช่างภาพที่ถ่ายทำทั้งสองเอ่ยพูดออกไปพร้อมกับถ่ายภาพของคู่บ่าวสาวแบบรัวๆ วิทวัสก็ยื่นหน้าเขาไปหาเรวดีแล้วเขาก็มองสบตากับเธออย่างหวานซึ้ง พร้อมกับเอามือโอบเอวของเธออย่างอย่างหวงแหน ส่วนเรวดีนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย แล้วก็เอามือจับที่แขนของเขาแล้วก็ทำตามที่ช่างภาพบอก “โอเคครับ เราถ่ายเซทชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราถ่ายชุดขี่ม้าต่อเลย เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปเปลี่ยนชุดได้เลยนะครับ ทีมงานเซทฉากต่อไปได้เลย ” ช่างภาพเอ่ยพูดบอกไปก็สั่งทีมงานให้จัดการเปลี่ยนฉากต่อไป เพราะต้องใช้ม้าเป็นตัวประกอบ “ร้อนไหมคะพี่วิท ดูสิเหงื่อชุ่มเลย ไปตากแอร์เย็นๆที่ห้องดีกว่าค่ะ” เรวดีเอ่ยพูดออกไปแล้วเอามือเช็ดเหงื่อให้แฟนหนุ่มของเธออย่างห่วงใยเขา “นิดหน่อยน่ะ เพื่อภาพของเราสองคนจะออกมาสวยๆพี่ทนได้ทั้งนั้นแหละ” วิทวัสพูดตอบไปอย่างหวานๆใส่เธอ แล้วเขาก็เดินจับมือเธอกลับไปที่โรงแรมเพื่อเข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่ลงมาถ่ายฉากต่อไป “เรย์ขอโทษนะคะที่เรย์ทำให้พี่วิทต้องมาทำอะไรที่ยุ่งยากแบบนี้ ทั้งที่เราสองคนจะถ่ายที่กรุงเทพก็ได้ แต่เรย์ก็ยังจะดึงดังพาพี่มาถ่ายที่นี่จนได้ ” เรวดีพูดออกไปอย่างขอโทษเขาที่เธอนั้นเอาแต่ใจจะมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทะเลให้ได้ ทำให้วิทวัสนั้นยอมตามใจและยอมลางานมากับเธอ “ขอโทษอะไรหึ นี่มันงานแต่งของเราสองคนนะเราก็ต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุดสิ ขอแค่เรย์มีความสุขพี่ทำให้ได้หมดทุกอย่างแหละครับ” วิทวัสพูดบอกไปก็ยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับแฟนสาว เพราะอะไรที่เธอทำแล้วมีความสุขเขาก็ทำให้เธอได้หมดแหละ “น่ารักที่สุดเลยค่ะพี่วิท แบบนี้ไม่ให้เรย์รักพี่วิทได้ยังไงล่ะคะเนี่ย” เรวดีเอามือกอดแขนของเขาแล้วพูดไปอย่างออดอ้อน เพราะตลอดสามปีกว่าๆที่ผ่านมานี้วิทวัสนั้นเป็นแฟนที่ดีของเธอมาโดยตลอด ถึงหลังๆเขาจะงานยุ่งบ้างแต่เขาก้ยังใส่ใจเธอเสมอ “พี่ก็รักน้องเรย์เหมือนกันครับ พี่ดีใจนะที่เราสองคนกำลังจะได้แต่งงานกัน พี่ทนรอให้ถึงวันแต่งงานไม่ไหวแล้วเนี่ย อยากจะเข้าหอกับน้องเรย์ไวๆ เอ๊ะ หรือว่าคืนนี้เราสองคนจะลองเข้าหอด้วยกันก่อนดีนะ” วิทวัสพูดออกไปพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ เพราะตั้งแต่คบกับเธอเขาทำได้แค่กอดจูบลูบคลำเท่านั้น ยังไม่เคยมีอะไรกับเธอย่างที่คนเป็นแฟนกันเขาทำกันเลย “รอมาจนจะถึงวันแต่งงานแล้ว พี่วิทก็ทนอีกหน่อยสิคะ อีกไม่นานพี่วิทก็ได้ทำอะไรๆสมใจแล้วล่ะคะ” เรวดีบอกเขาไปอย่างห้ามๆ เพราะเธอจะรอทำเรื่องแบบนี้กับเขาในคืนวันแต่งงานเท่านั้น เธอรักษาพรหมจรรย์ตลอดยี่สิบหกปีก็เพื่อมอบให้กับสามีของเธอในวันแต่งงาน ตามคำที่ยายเธอพูดกรอกหูอยู่ตลอดว่าให้รักนวลสงวนตัวอย่าไปยอมมีอะไรกับผู้ชายง่ายๆหากยังไม่ได้แต่งงานกัน และเธอก็ทำมันจนมาถึงวันนี้ได้อย่างหวุดหวิด “เฮ้อ แต่เราจะแต่งงานกันแล้วนะ ยังไงก็ต้องมีวันนั้นอยู่ดี เรย์ไม่สงสารพี่จริงๆเหรอ” วิทวัสพูดบอกไปแล้วทำหน้าอ้อนออกไป เพราะเขาจะทำอะไรเธอทีไรเธอก็อ้างว่าต้องรอแต่งงานอย่างเดียว นี่ก็จะแต่งกันอยู่แล้วเธอก็ยังไม่ยอมเขาเลย “ไม่ได้ค่ะ รอวันแต่งงานนะคะ ถึงห้องเรย์แล้วงั้นเรย์ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ พี่วิทก็รีบไปเปลี่ยนนะคะ” พอถึงหน้าห้องพักของเธอ เธอก็เอ่ยพูดบอกเขาไปแล้วเธอก็ใช้คีย์การ์ดปลดล็อคประตูแล้วเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันตัวมาโบกมือให้เขา “โอเคๆ งั้นพี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ได้” วิทวัสก็ทำหน้าเซ็งๆออกมาแล้วพูดตอบเธอไป ก่อนจะเดินเลยไปอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องพักของเขาที่อยู่ติดกับเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม