เสียงเจื้อยแจ้วของหมู่มวลวิหคที่ต่างโบกโบยบินมาเกี่ยวตามลูกกรงตรงระเบียงห้อง เรียกร้องให้เจ้าของกายสูงใหญ่ลืมตาขึ้นในเวลาหกโมงเช้า แต่ก็ดูเหมือนจะสายกว่าวันอื่นๆ ที่ผ่านมาของเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าความเหนื่อยอ่อนจากการตักตวงความสาวทำให้เขาต้องตื่นสาย
เสียงสืบน้ำมูกดังแว่วเข้าหู บอกให้รู้ว่าสาวข้างกายตื่นมาร้องห่มร้องไห้อยู่นานแล้ว หรืออาจจะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหล่อนจะต้องเสียอกเสียใจมากมายนัก กับแค่การตกเป็นของเขาเพียงสองครั้ง
นอกจากไม่ได้เกิดมามีเชื้อสายเป็นลูกท่านหลานเธอแล้ว เขาก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะด้อยกว่าชายไหนเลยสักนิด ไม่ว่าจะด้วยหน้าตา การศึกษาหรือฐานะทางการเงิน
ทำไมแม่สาวที่มากไปด้วยเกียรติศักดิ์ศรีแต่แทบไม่มีศักยภาพทางการเงินจะต้องฟูมฟายขนาดนี้ด้วย และเขาก็ไม่คิดสนใจจะนอนฟังเสียงสะอึกสะอื้นไห้เลยสักนิด ผ้าเช็ดตัวในตู้ถูกคว้าขึ้นมาพันกาย แล้วออกไปจากห้องชนิดไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองคนบนเตียงอีกเลย
กระนั้น พอออกจากห้องตัวเองในสภาพเตรียมพร้อมจะไปทำงานแล้ว เขาก็ไม่วายเดินไปแง้มประตูดูอยู่ดี ภาพเดิมที่เห็นก่อนออกไป เรียกร้องให้เขาปิดประตูไว้แล้วเดินไปยังโต๊ะอาหารตรงระเบียงบ้าน ที่มองออกไปเห็นต้นไม้เขียวขจีไปทั่วบริเวณ
“วันนี้ป้าทำอาหารฝรั่ง!” เขาแซวเจ้าของร่างอวบอ้วนที่จัดโต๊ะเสร็จพอดี
“ค่ะ ป้าเห็นคุณเนย์บ่นว่าเบื่อข้าวต้มเมื่อวานนี้ไงคะ”
ผินยิ้มให้ แล้วรีบถือถาดเปล่าเดินเข้าครัวไป ทิ้งให้เจ้านายหนุ่มหล่อจ้องมองของในจานอย่างละเหี่ยใจ กับความนัยที่บอกว่าเบื่อข้าวต้ม แต่ไม่ได้หมายถึงต้องทดแทนด้วยอาหารฝรั่งที่เบื่อยิ่งกว่าอีก เพราะอยู่กรุงเทพฯ จะเจอะเจอแทบทุกเช้าก็ว่าได้ เมื่อนี่คือเมนูโปรดของลูกสาวแก่แดด
หนังสือพิมพ์ทั้งไทยและเทศคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเขาในทุกๆ เช้าจะต้องให้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง ควบคู่กับการจิบกาแฟดำกับตักอาหารเข้าปากไปด้วยอย่างไม่รีบร้อนนัก นี่คือสิ่งที่เขาชอบในทุกครั้งที่มาอยู่ ‘บ้านวิมานสอยดาว’
แต่จะชื่นชอบมากกว่านี้ถ้าในบ้านจะมี พ่อแม่และน้องมาอยู่ด้วย ถ้ามีหลานเพิ่มเติมมาเขาก็ปรารถนาจะให้มีพ่อของหลานรวมอยู่ในครอบครัวด้วย คงจะเป็นสุขไม่น้อย ‘นายจะฝันหาทำไม ในเมื่อไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว’
“คุณเนย์จะให้ป้ายกมื้อเช้าไปให้คุณในห้องหรือเปล่าคะ”
ผินที่กลับขึ้นมาเก็บจานชามเห็นอาหารอีกที่ยังไม่พร่องไปไหน เลยเอ่ยถามด้วยท่าทีนอบน้อม แต่คนที่ยังคงก้มหน้าอยู่กับข่าวกลับตอบเสียงแข็งว่า
“ไม่ต้องครับ! ยกไปเก็บได้เลย ใครไม่ลุกออกมาก็ไม่ต้องกิน คงจะรอให้ข้าทาสบริวารเอาไปประเคนให้ถึงห้องเหมือนอยู่บ้านล่ะสิ! ฝันไปเถอะ!”
ด้วยเดาได้ไม่ยากว่าป่านนี้สาวผู้สูงศักดิ์ก็คงจะยังนอนร้องห่มร้องไห้เพราะเสียใจที่ได้เขาเป็นผัวอยู่แน่ และก็เป็นจริงเมื่อเขาแง้มประตูดูอีกครั้ง จะแปดโมงแล้วเมื่อดูนาฬิกาข้อมือ เลยรีบเดินลงเรือนไปหากระบะคู่ใจ บึ่งออกไปไซด์งานที่กำลังยุ่งวุ่นวาย และรอให้เขาไปแก้ไขอยู่ และงานก็ทำให้เขาลืมเลือนที่จะระมัดระวังใดๆ ไป
จนสิบโมงนิดๆ ขณะยืนดูช่างกำลังคุมคนงานวัดระยะเสาอยู่กลางแดด เห็นคนงานชี้ไปทางถนนเล็กๆ เลยหันไปบ้าง ปรากฏว่าผู้หญิงที่เขานอนกอดมาทั้งคืนกำลังสะพายกระเป๋าเดินแกมวิ่งโดยไม่สนใจใครเลย เขารีบวิ่งไปหารถแล้วบึ่งตามอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกคนที่เริ่มเหนื่อยหอบจากการวิ่งสลับเดินมาเป็นกิโลเมตรนับตั้งแต่ลงบันไดได้แล้วก็ถึงกับยืนหอบหายใจแรงๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยสักนิด หูก็ได้ยินเสียงรถดังกระหึ่มจากเบื้องหลังเลยรีบหันไปดู
‘นั่นรถของเขาแน่’
เลยรีบสั่งขาให้ออกวิ่งอีกครั้งทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ และแรงก็เหลือน้อยเต็มทีเมื่ออาหารเย็นกับเช้าไม่ตกถึงท้อง เลยทำให้หนีไปได้อีกไม่กี่สิบเมตรก็ถูกเขากดแตรใส่แล้วขับโฉบไปดักหน้าไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณจะขึ้นรถดีๆ หรือจะให้ลากขึ้นเอง”
เสียงเต็มไปด้วยอำนาจ กับใบหน้าดุดันของเขาที่ลงจากรถไปยืนเอาแขนเท้าสะเอวจ้องมองมาหาอย่างเอาเรื่อง
“ฉันจะกลับบ้าน หลบไปให้พ้น”
กัญญาวีร์วิ่งเข้าแนวสวนเงาะเพื่ออ้อมหน้ารถเขาไป แต่เขาก็วิ่งตามอย่างรวดเร็วแล้วรวบตัวเองไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“ปล่อยฉันนะ!!! ฉันจะกลับบ้าน!!! บอกให้ปล่อย!!! ปล่อย!!! ปล่อย!!!”
แม้จะทั้งร้อง ทั้งลากเท้าไว้กับพื้นดิน มือก็พยายามสลัดออกจากมือใหญ่ของเขา แต่ก็ไม่วายถูกกระชาก ลาก ถู ให้กลับไปหารถอยู่ดี สิงหรัฐเปิดประตูอีกฟากแล้วจับร่างเล็กยัดเข้าไป ตามด้วยกระเป๋าสะพายโยนใส่เจ้าของอย่างไม่สนใจใดๆ
“ถ้าคุณขืนออกมาจากรถ!!! ผมจะปล้ำคุณต่อหน้าคนงานที่กำลังมองพวกเราอยู่!!! ถ้าไม่อายก็เชิญ!!!”
เขาชี้หน้าพร้อมสายตาเอาเรื่อง เมื่อเห็นมือบางกำลังจะเปิดประตู แล้วรีบอ้อมไปฝั่งคนขับส่วนอีกมือเทียวกดรีโมตคอนโทรลล็อกไว้ เมื่ออีกคนไม่คิดจะเชื่อฟัง และนั่นทำให้เขาโกรธจนขับรถกระชากอย่างรุนแรง เบรกกึกเพื่อจะถอย แล้วกระชากออกและเบรกอีก จนอีกคนหัวคะมำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก่อนจะขับตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว และเบรกกึกอย่างรวดเร็วจนเกือบจะชนบันไดบ้าน กัญญาวีร์หันไปจ้องมองเขาด้วยสายตาชิงชังพฤติกรรมนั้นอย่างที่สุด เกิดมาก็ไม่เคยพบเห็นใครที่มีมารยาททรามเท่านี้มาก่อน
“มานี่!!!”
และยิ่งทรามขึ้นอีกสิบเท่า เมื่อเขาเปิดประตูได้ก็คว้าแขนเล็กแล้วแทบจะกระชากออกจากรถให้ตรงไปหาบันได โดยมีป้าอวบอ้วนยืนมองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
“โอ๊ย!!! ฉันเจ็บนะ!!! ปล่อย!!!”