เขาหยอดคำหวานไม่เว้นแม้กระทั่งกับพี่สาวหรือแม่ และนั่นทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน เพราะเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่ายเก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่ง ถ้าทุกคนได้รู้ว่าเขาแอบเอาสร้อยประจำวงศ์สกุลไปจำนำไว้ ความรักทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้เขา คงจะหมดลงไปในพริบตาเป็นแน่
“ท่านแม่มาแล้ว”
ยังไม่ทันที่พี่สาวจะได้เอ่ยอะไรต่อ ผู้แม่ก็ถูกมะลิพยุงเดินเข้าห้องอาหารมาแล้ว กันต์กวีรีบลุกไปช่วยพยุงแขนอีกข้างของแม่อย่างรู้งาน
“มีผัดโหง่วก้วยด้วยเหรอหญิงฟ้า”
“ยำกุ้งสดก้านคะน้าด้วยค่ะท่านแม่ ส่วนใบหญิงเอามาผัดน้ำมันหอย ทานเลยนะคะไม่ต้องรอหญิงฟางค่ะ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึก คงจะลงมาช้าหรือไม่ก็อาจจะยังไม่ตื่นค่ะ”
กัญญ์รวีพยักหน้าให้ปรุงแม่ครัวใหญ่และเป็นคนเก่าแก่ตักข้าวต้มได้ กลิ่นใบเตยหอมโชยไปเตะจมูกคนรอบโต๊ะทันที เมื่อหม้อกระเบื้องเคลือบถูกเปิดฝาออก
“ข้าวต้มกำลังพอดีเลย นี่หญิงใช้ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องและข้าวเหนียวเหมือนเดิมหรือเปล่าจ๊ะ”
ท่านหญิงมะเฟืองเอ่ยเสียงเรียบนุ่มอย่างพึงพอใจ เมื่อลูกสาวใหญ่ผู้รับช่วงเรื่องอาหารการกินจากตัวเองไปได้อย่างครบถ้วนไม่มีที่ติ หรือพัฒนาฝีมือดียิ่งๆ ขึ้นไปตามสมัยนิยม
“ค่ะ แต่วันนี้ลดข้าวเหนียวลงหน่อย เพราะข้าวใหม่ญาติของปรุงเอามาฝากจากอีสานค่ะ หญิงเลยรีบทำข้าวต้มขึ้นโต๊ะให้ท่านแม่ไงคะ จะได้คล่องๆ คอ ปลาช่อนก็ด้วยนะคะ หอบมาเป็นลังเลย หญิงไม่รู้จะเอาอะไรตอบแทนดี เมื่อวานทำครองแครงกรอบกับกรอบเค็มไว้พอดี เลยฝากให้เอากลับไปกินหมดเลยค่ะ”
“จนไม่เหลือให้หญิงเอาไปฝากเพื่อนที่วิท’ลัย เลยค่ะท่านแม่”
กัญญาวีร์รีบฟ้องแม่ตั้งแต่ตัวยังเดินไม่มาไม่ถึงห้องอาหารด้วยซ้ำ ทุกคนเลยหันไปหาเจ้าของร่างสูงร้อยเจ็ดสิบที่ทั้งผอมและเพรียวในชุดเดรสสีน้ำเงินแขนสี่ส่วนชายกระโปรงยาวคลุมเข่าพอดิบพอดี และเดินด้วยท่าทีสง่างามไปนั่งข้างพี่สาว
“พี่คิดว่าหญิงจะลงมาช้าซะอีก”
“ช้านิดหน่อยค่ะพี่หญิง หิวจังเลยค่ะป้าปรุง ขอข้าวเต็มถ้วยเลยนะคะ”
ดวงตาคู่สวยจ้องมองชามของตัวเองอย่างใจจดจ่อ ส่วนมือขาวๆ เรียวๆ ก็ถือช้อนรอเรียบร้อยแล้ว ทำเอาคนในบ้านต่างมองด้วยความสงสัย
“ไปตายอดตายอยากที่ไหนมาล่ะเรา” พี่ชายเลยแซวให้ แม่เองก็อดไม่ได้ เลยเอ็ดน้อยๆ
“นั่นสิหญิงฟาง ทำกิริยาแบบนี้ไม่งามเลยนะ หญิงฟ้าต้องสอนน้องให้ดีกว่านี้นะจ๊ะ เดี๋ยวเผลอไปหลุดที่ไหนจะเสียชื่อมาถึงแม่ได้ โดยเฉพาะต่อหน้าพวกญาติๆ ของเรา”
“ค่ะ แล้วนั่นหญิงจะรีบกินไปไหนจ๊ะ ค่อยๆ ก็ได้”
พี่ยังรับคำไม่ทันเสร็จ หันมาทีก็เห็นน้องรีบตักอาหารใส่ชามแล้วตักเข้าปากอย่างเร่งรีบ
“เพื่อนจะมารับไปติวหนังสือกันค่ะพี่หญิง วันนี้ขอหญิงมูมมามสักวันนะคะ รีบจริงๆ ค่ะเดี๋ยวไม่ทัน ใกล้จะสอบแล้วหญิงต้องเร่งอ่านหนังสือ ถ้าไม่ได้เกียรตินิยมมาฝากท่านแม่จะถูกเอ็ดยิ่งกว่านี้อีก”
“ไม่ต้องเอามาอ้างแม่เลย แล้วที่จะไปด้วยกันนี่ เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะหญิง อย่าทำให้แม่ผิดหวังนะ เป็นผู้หญิงต้องระวังตัวเองให้มากๆ ความเป็นกุลสตรีอย่าละเลยเดี๋ยวจะหมดค่าในสายตาคนอื่น”
แม้จะรู้ดีว่าลูกสาวไม่มีทางทำให้เสื่อมเสียเกียรติวงศ์สกุลแน่ แต่ท่านหญิงเฟืองก็มักจะเตือนเสมอๆ ให้ลูกสาวเป็นกุลสตรี รักนวลสงวนตัว จะได้มีค่าคู่ควรแก่ชายผู้เหมาะสมทั้งทางด้านชาติกำเนิดและฐานะ
“ค่ะท่านแม่! เพื่อนโทรมาแล้วหญิงไปนะคะ เย็นๆ จะกลับค่ะ”
สายตาทั้งสามคู่จ้องมองแผ่นหลังระหงที่เดินแกมวิ่งออกไป ขณะกดโทรศัพท์รับไปด้วย กัญญ์รวีได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความระอาปนเอ็นดูน้องสาวคนเล็กที่หลงมาเกิดตอนแม่อายุตั้งสี่สิบสามเข้าไปแล้ว ส่วนตัวเองก็เข้าเรียนมัธยมปลาย
น้องชายคนกลางก็แปดขวบแล้ว แม้พ่อไม่ใคร่อยากจะมีเพราะแม่สุขภาพไม่แข็งแรงเจ็ดออดๆ แอดๆ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะกำจัดน้องคนเล็กเลย หมอประจำตัวของแม่ก็ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดที่แม่ตั้งครรภ์และคลอดน้องมาได้อย่างปลอดภัย
พ่อรีบทำหมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะห่วงสุขภาพแม่ และกลัวจะมีลูกหลงมาให้อีกคน อีกทั้งหวาดเกรงว่าจะเลี้ยงลูกๆ ให้ได้รับความสุขสบายในทุกๆ ด้านไม่ดีเท่าที่ควร แม้จะเป็นถึงหม่อมเจ้า แต่พ่อก็เป็นทหารที่ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คิดคด โกงกินบ้านเมืองเพื่อให้ตัวเองมีฐานะร่ำรวยขึ้นมา
“อ้าว! นั่นอิ่มแล้วเหรอจ๊ะชาย แล้วจะไปไหนล่ะ ยังเช้าอยู่เลย”
ผู้แม่เอ่ยเมื่อเห็นลูกชายลุกขึ้น ไล่หลังน้องที่ออกไปได้ยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะหวาดหวั่นในใจ แต่ก็เก็บอาการไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะหันไปหาแม่กับพี่
“วันนี้ที่กองกำลังเตรียมงานเลี้ยงเกษียณให้ท่านนายพลครับท่านแม่ ชายจะไปช่วยดูแลความเรียบร้อยหน่อย และอาจจะค้างที่กองเลย อาทิตย์หน้าถึงจะกลับนะครับ สวัสดีครับ”
แล้วเขาก็รีบออกจากห้องไป สองแม่ลูกได้แต่หันไปมองหน้ากัน แล้วต่างก็ยิ้มน้อยๆ อย่างอิ่มอกอิ่มใจ ในความเป็นคนเอาการเอางานของผู้ที่จะสืบทอดนามสกุล ‘รัตนนาวี’ เป็นรุ่นต่อไป ไม่เสียแรงที่ยอมขายที่ดินแปลงสุดท้ายส่งไปร่ำเรียนจนจบปริญญาตรีที่อเมริกา ในความคิดของหม่อมเจ้ากัญญาพรที่ภาคภูมิใจเสมอๆ กับลูกๆ ทั้งสามคน
“สามสิบ! กับที่ติดครั้งก่อนสิบเป็นสี่สิบล้านนะครับคุณชาย ถ้ารวมกับค่าสร้อยยี่สิบล้านก็จะเป็นเงินทั้งหมด หกสิบล้าน เวลาแค่สองเดือนจะหาเงินทันเหรอครับ”
จักรวาลทวนให้ลูกค้าชั้นสูงได้คิด ขณะหันไปมองเพื่อนที่มาพร้อมกับเงินสดสามสิบล้านในกระเป๋าหนังใบใหญ่ ตามด้วยบอดี้การ์ดร่างล่ำถึงสองคน รวมกับของเพื่อนในห้องอีกสี่เป็นหก นั่นทำให้กันต์กวีร้อนๆ หนาวๆ ไม่น้อย แต่เพราะความหน้ามืดตามัว และมาดมั่นในทีว่าจะพิชิตเงินหลายสิบล้านจากบ่อนกลับเข้ากระเป๋าให้จงได้