“คุณเนย์จะกลับคืนนี้นะครับคุณหญิง เดี๋ยวผมจะบอกสองป้าให้กลับไปนอนห้องนะครับ แต่ตอนหัวค่ำจะให้มากินข้าวเป็นเพื่อน ดูหนังดูละครจบก่อนค่อยไปครับ”
แต่พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างเชลยไถ่ถอนอย่างเธอเลยสักครั้ง เมื่อทรงไชยบอกตอนมาส่งถึงบ้านในวันที่สามเท่านั้น
“ค่ะ”
เลยรับคำแบบเซ็งๆ กินมื้อเช้าในยามสายแบบเซ็งๆ แล้วกล่าวลาสองป้าแบบเซ็งๆ และเข้านอนแบบเซ็งๆ เท่านั้น แล้วก็ต้องงัวเงียลุกไปเปิดประตูแบบเซ็งๆ เมื่อเขาโทรปลุก
“หิวจังมีอะไรให้กินบ้าง”
คนถูกถามมองนาฬิกาที่บอกเวลาจะเที่ยงคืนแล้วอย่างเซ็งๆ และก็ต้องเดินเข้าครัวจัดหาของมาถวายเขาแบบเซ็งๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนเขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าอยากอาบน้ำให้เนื้อตัวสบาย เพราะเหนื่อยกับงานและการเดินทางหลายร้อยกิโลเมตร จากกรุงเทพฯ บึ่งมาแม้จะค่ำมืดแล้วก็ตาม แต่ด้วยความคิดถึงในเรือนกายสาวสูงศักดิ์นั้นมีมากมาย จนไม่อาจจะทนนอนคนเดียวได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
“ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บ”
เขารีบวาดวงแขนช้อนเอาร่างอรชรเดินเข้าห้องนอนทันที เมื่อข้าวต้มในชามหมดเกลี้ยง เพราะกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้วถ้าไม่ได้ปลดปล่อยในอีกไม่กี่อึดใจลงไปหาเรือนร่างอันเปล่าเปลือยเชื้อเชิญโดยที่เจ้าของไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้
‘คิดถึงคุณที่สุดเลย’
อยากจะบอกออกไปดังๆ แต่เขาก็เลือกเปล่งเสียงนั้นอยู่ภายใน ขณะขยับกายไปหาอีกกายอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา แล้วเปลี่ยนเป็นเร่งเร้าจนคนอยู่เบื้องล่างหลงลืมตัว
“อ่าส์!!!”
ปล่อยเสียงคร่ำครวญออกมา ตามติดด้วยอาการกระดากอายไม่เสื่อมคลายไปจากใจ แม้จะถูกเขาหยิบยื่นความสุขให้แทบไม่มีเว้นตลอดเวลาเกือบเดือนครึ่งแล้ว และแม้จะยังมีความเอียงอาย แต่กายสาวก็แอ่นโค้งขึ้นรับการรุกรานจากเขาอย่างไม่ย่อท้อ
เอวคอดถูกสองมือช้อนขึ้นขณะที่กายกำลังเคลื่อนไหวเป็นจังหวะจะโคนอย่างลงตัวกับการตอบรับของอีกคน เขาเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า อาการอัดอั้นหมักหมมมาถึงสามวันสามคืนนั้นเป็นสุขมากเพียงใดเมื่อได้รับการปลดปล่อย
แรงกายทั้งหมดที่มีถูกเรียกใช้จนแทบจะสิ้นใจ เมื่อพาเธอไปถึงฝั่งฝันอันแสนหอมหวานซาบซ่านทรวง และต่างนอนหอบเหนื่อยอิงแอบกันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อย จนลืมบอกเธอไว้ว่าเขาปรารถนาจะนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ไปจนถึงเช้า ห้ามหนีหายไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว
กัญญาวีร์ตื่นขึ้นตอนตีสามพอดิบพอดี เพราะจะครบสองอาทิตย์วันนี้ที่ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ เลยเกิดความเคยชินโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกให้รบกวนอีกคนที่เพิ่งจะหลับไปตอนตีหนึ่งกว่าๆ ในสภาพคนหมดแรง ไม่รู้ด้วยเรื่องอะไรหรือจากใครมาก่อนหน้าบ้างไหม แต่ก็ไม่คิดจะให้ความสนใจมากไปกว่ารีบใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปรอทรงไชยตรงหน้าบันไดตามเคย
สิบนาทีผ่านไปก็ไม่เห็นวี่แววของเขา บรรดาป้าๆ ก็ไม่รู้ปั่นจักรยานไปกันหรือยัง อยากจะโทรไปถามก็ไม่มีเบอร์และมือถือก็อยู่ในห้องขี้เกียจขึ้นไปเอา นั่งรออีกสิบห้านาทีเมื่อไม่เห็นรถมา เลยตัดสินใจปั่นจักรยานไปเอง เพราะชินทาง ชินพื้นที่โดยรอบแล้ว
แต่ที่ไม่ชินก็เห็นจะเป็นร่างตะคุ่มๆ ที่ไฟหน้ารถจักรยาน กับไฟคาดหน้าผากส่องไปเห็นเท่านั้น กัญญาวีร์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเห็นชายสองคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ไม่อยากจะคิดให้เสียเวลาเลยดีดกริ่งเตือนให้หลบไป
“ว้าย!!!”
แทนที่สองคนจะหลบกลับใช้เท้าถีบจักรยานจนเสียหลักล้ม หัวเข่ากระแทกถนนลูกรังอย่างแรง ดีที่ใส่กางเกงยีนไม่งั้นคงได้ถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นตั้งหลักด้วยซ้ำ ก็ถูกสองชายวิ่งเข้ามาช่วยกันล็อกแขนล็อกขาไว้แล้ว
“นังคนใช้ขี้ฟ้อง! มาอยู่ใหม่แล้วยังเสือกซ่ากับกูเหรอ มึงไม่รู้ว่ากูใหญ่แค่ไหนหรือไง! กูไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสเอาคืนเลย วันนี้ล่ะกูจะเป็นผัวมึงให้ดู”
เที่ยงกระหยิ่มยิ้มย่องขณะมองร่างเล็กๆ ที่ดิ้นรนเอาตัวรอด ใจก็อยากจะขอบคุณอีนังเก่งปากมากที่อุตส่าห์โทรไปส่งข่าวว่าสบโอกาสเหมาะๆ เข้าให้แล้ว ไม่งั้นคงได้แต่นั่งเจ็บใจนังขี้ฟ้องอยู่ฝ่ายเดียวแน่
“พวกแกเป็นใคร ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!”
กัญญาวีร์ทั้งร้องทั้งดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดขณะถูกสองคนช่วยกันลาก ช่วยกันหามออกจากถนนเล็กๆ ด้วยความทุลักทุเลเข้าไปยังแนวต้นลองกอง
“ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!!”
ปากก็ส่งเสียงร้องลั่นสวนด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เที่ยงเห็นท่าไม่ดีรีบปล่อยมือจากสองข้อเท้าที่กำลังหามนังขี้ฟ้องไป
“พี่ชายช่วยหญิงด้วย!!! คุณเนย์ช่วยด้วย!!! คุณ...”
‘ปั้ก ปั้ก’
“อึ๊ก... อึ๊ก...”
มันทั้งเจ็บทั้งจุกเมื่อถูกหมัดชัดลงไปท้องหนักๆ สองหมัดรวด จนตัวงองุ้ม ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ ไร้เสียงที่จะป่าวร้องหาคนมาช่วยใดๆ ได้อีก และรู้ดีว่าวินาทีต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง คิดได้แค่นี้น้ำตาก็ไหลพรากออกมา ด้วยจนปัญญาจะร้องเรียกใครได้อีกแล้ว
“คุณหญิง!!!”
กระนั้นคนที่นอนหลับสนิทอยู่ในห้องก็สะดุ้งตื่น เมื่อกำลังหลับฝันถึงน้องสาว บวกกับหูเหมือนแว่วเสียงร้องอย่างเจ็บปวด และไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือตัวเองฝันกันแน่ หันไปมองคนข้างๆ ก็พบแต่ความว่างเปล่า
และไม่รู้อะไรสั่งให้เขารีบลุกขึ้นคว้ากางเกงมาใส่เพียงตัวเดียว แล้วรีบเปิดลิ้นชักควักซิกเซาเออร์จุดสามแปดออกมาพร้อมมือถือ
“ไชย! ได้มารับคุณหญิงไปสวนยางหรือเปล่า”
แล้วกดไปถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันที ขณะคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งลงบันไดบ้านอย่างรีบเร่ง
‘ไม่ได้ไปครับ ก็คุณเนย์บอกว่าไม่ต้อง’
“...”
เขาตกใจกับคำตอบจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง