เสียงหนึ่งก้องเข้ามาในหู ถ้าเขาไม่รักจะไปรั้งเขาเอาไว้ทำไม จู่ ๆ ก็เจ็บแปลบ วันนี้มาถึงจนได้ โกหกอย่างไรก็แค่ได้แต่งงาน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงยื้อให้เขาอยู่กับเธอ เอาเรื่องผู้ใหญ่มาอ้างสารพัดไม่ให้เขาหย่าขาดจากเธอ แต่ตอนนี้เธอชักอ่อนล้าจนไม่อยากยื้อมันอีกต่อไป
“แพรวไม่ผิดหรอก” เขานั่งยอง ๆ ลงใกล้ ๆ เธอ ก่อนจะแตะมือที่ไหล่บอบบาง เธอสะดุ้งก่อนจะสะบัดมือเขาออกห่าง
“อย่ามายุ่งกับแพรว” อิฐชะงัก เขาเห็นว่าเธออยากอยู่คนเดียวเลยไม่คิดจะยุ่งอีก ร่างสูงเดินไปยังประตู ก่อนพูดเสียงอ่อนลง
“สวมเสื้อผ้าซะ ไว้อารมณ์เย็นลงแล้วเราค่อยคุยกัน” เขาถอนใจอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินจากไป เสียงประตูที่ปิดเบา ๆ แต่มันก้องอยู่ในหู แพรวพรรณร้องไห้เบา ๆ ก่อนจะไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ เธอค่อย ๆ จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเชื่องช้า เอาไปแค่บางส่วน พรุ่งนี้จะกลับไร่ของพี่ชาย แล้วค่อยกลับมาเอาส่วนที่เหลือ
เธอร้องไห้เบา ๆ ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้ง นอนไม่หลับก็เลยนั่งพิงตู้เสื้อผ้ากอดเข่าอยู่ตรงนั้น นิตยาเพื่อนของเธออาจจะไม่ผิด
มันผิดที่เธอรักอิฐมาก แต่คนไม่รักอย่างไรก็ไม่รัก เขาพยายามบอกเธอมาตลอดว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว เธอเองต่างหากที่ทู่ซี้อยากจะแต่งงานกับเขาให้ได้ พอกันที เธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีทำอะไรแย่ ๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะ
เธอนั่งจมอยู่กับตัวเองจนสว่าง ก่อนจะลากกระเป๋าออกจากบ้านไป บอกนายปลั่งให้ไปส่งที่ไร่ของพี่ชาย บางทีการได้อยู่ห่างกันอาจจะทำให้เขาและเธอมีเวลาได้คิดตัดสินใจ นายปลั่งมองกระเป๋าเสื้อผ้าของเจ้านายสาวแล้วอึกอัก
“ลุงปลั่งไปส่งหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าแพรวไหว้นะคะ”
“ไม่ต้องไหว้หรอกครับ แล้วนี่คุณอิฐรู้หรือยังครับ”
“รู้แล้วค่ะ เมื่อคืนบอกพี่อิฐแล้ว” เธอโกหกคำโต แต่ช่างเถอะ นายปลั่งจะได้ไปส่งเสียให้เร็ว ๆ
แพรวพรรณมาถึงไร่ เธอเห็นพี่สะใภ้ก็นึกแปลกใจ ได้ยินข่าวว่านิตยาไปเฝ้าย่าที่ป่วย แล้วกลับมาเวลานี้ทำไม เธอเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในไร่
ในขณะที่อิฐกลับมาและรู้ว่าภรรยาหนีกลับบ้านไปแล้ว ตอนแรกเขาจะปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียวแล้วค่อยคุยกัน แต่เมื่อคืนเขาสำรวจใจตัวเองแล้ว คิดว่าเขาอาจจะแค่รำคาญเธอที่เธอตามตื๊อ จนเขาต้องหนีไปเรียนต่างประเทศ แต่ลึก ๆ แล้วเมื่อคิดว่าต้องเสียเธอไป เขาก็ทำใจไม่ได้ ลึก ๆ เขาก็มีใจให้เธออยู่มาก อิฐจึงตามภรรยาไปที่ไร่ คุยกันให้เข้าใจน่าจะดีกว่าหันหน้าหนีกันแบบนี้
แต่พออิฐตามมาก็เห็นภรรยาเดินตามนิตยาเข้าไปในไร่ เขาจึงตามไปด้วย สงสัยว่าสองคนนั่นเข้าไปทำอะไรในไร่
แพรวพรรณตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่านิตยาโดนทำร้าย พี่สะใภ้ของเธอกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งรัดคออยู่ และอีกคนก็กำลังจะเดินเข้าไปทำร้าย เวลานั้นเธอไม่ได้คิดอะไรรีบเอาท่อนไม้ที่อยู่บริเวณนั้นตรงเข้าทุบตีคนร้ายทันที
เธอบอกให้เพื่อนรีบหนี นิตยาวิ่งตามแพรวพรรณมาจนเจอกับน้ำเอก
น้ำเอกนั้นเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกับพี่ชายของเธอ แพรวพรรณดีใจมากที่เจอหล่อน จึงรีบขอความช่วยเหลือบอกว่ามีคนร้ายกำลังตามมาฆ่า
น้ำเอกพาสองสาวไปหลบในกระท่อม ก่อนที่อิฐจะตามมา เขาหลงทางไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมาเจอว่าสองสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงจัดการกับชายฉกรรจ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้ากระท่อม แล้วรีบเข้าไปในกระท่อมทันที
เขาจัดการน้ำเอกจนมีดในมือของอีกฝ่ายหล่นกระเด็นไปกับพื้น แต่น้ำเอกพูดขึ้นมาเสียก่อนว่าแพรวพรรณร่วมมือด้วย อิฐมองภรรยาอย่างผิดหวัง ในขณะที่เธอปฏิเสธ แต่เขาคิดว่าเธอโกรธเกลียดนิตยา คงล่อลวงนิตยามาให้น้ำเอกทำร้าย
น้ำเอกหัวเราะเหมือนคนเสียสติ ดึงมีดอีกด้ามออกมา แพรวพรรณมองอิฐที่ดึงร่างของนิตยาหายลับออกไปจากกระท่อม หน้าซีดเผือด
“พี่น้ำ อย่าทำอะไรแพรวเลยนะคะ” เสียงของแพรวพรรณเบาหวิว หัวใจแทบหยุดเต้น น้ำตาเธอเอ่อไหล อิฐทิ้งเธอ เขาคงเกลียดเธอจับใจ
“แกแส่หาเรื่องเองแท้ ๆ เอานางเพื่อนหน้าสวยมาแนะนำให้พี่ชายแกรู้จัก รู้ทั้งรู้ว่าฉันชอบเขา ตอนแรกคิดว่าจัดการนางนิตยาก่อน แล้วค่อยจัดการแก แต่ตอนนี้จัดการแกก่อนแล้วกัน ค่อยจัดการนางนิตยา”
“พี่น้ำ...” แพรวพรรณครางเสียงโหย มองมีดในมือของน้ำเอกตาไม่กะพริบ
“ผู้ชายเขาไม่รักแก ทิ้งแกไป สมน้ำหน้า แกนี่มันไร้ค่าจริง ๆ” แพรวพรรณแทบปล่อยโฮออกมาแต่เธอยังไม่อยากตาย เธอกัดฟันวิ่งหนี แต่น้ำเอกจ้วงแทงเข้ามาเสียก่อน
ร่างของเธอทรุดลงไปกองกับพื้น เลือดท่วม แพรวพรรณอ้าปากค้างกับความเจ็บปวดที่ได้รับ เสียงด้านนอกพร้อมประตูกระท่อมเปิดออก เธอดีใจที่เห็นพี่ชายมาช่วย
แล้วนิตยารีบเข้ามาประคองเธอเอาไว้ เธอบอกว่าเจ็บเสียงตะกุกตะกัก อย่างน้อยก็ยังมีคนมาช่วยเธอ สติของแพรวพรรณพร่าเลือนไปก่อนที่เธอจะไม่รู้สึกตัว
แพรวพรรณฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล โดยมีพี่ชายและพี่สะใภ้คอยเฝ้าอยู่ เธอกะพริบตาปริบ ๆ ให้ชินกับแสงสว่าง ดวงตาแห้งแล้งหม่นหมอง
“พี่อิฐเขาทิ้งแพรว” เธอพูดเสียงแผ่ว ๆ เจ็บจนน้ำตาไหล แผลที่เกิดจากโดนแทงว่าเจ็บแล้ว แต่หัวใจของเธอเจ็บยิ่งกว่า
“ปล่อยมันไป คนพรรค์นั้น”
“จริง ๆ แพรวหลอกพี่อิฐค่ะ” เธอเล่าทุกอย่างให้พี่ชายและพี่สะใภ้ฟัง นิตยาบีบมือเพื่อนเอาไว้
แพรวพรรณไม่โกรธนิตยาอีก เพราะทุกอย่างอยู่ที่อิฐ เขาไม่รักเธอ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้
“ช่างมัน” พฤทธิ์บอกน้องสาว เขาถอนใจพรืดใหญ่ ไม่โทษใครทั้งนั้น
“แพรวไม่กล้าไปเจอหน้าพี่อิฐแล้วละค่ะ ละอายใจ เขาเกลียดแพรวขนาดนี้ คงอยากหย่า พี่พริกช่วยแพรวด้วยนะคะ” เธอละอายใจนัก ตอนอยากแต่งงานกับอิฐก็ร่ำร้องให้พี่ชายช่วย พอตอนจะหย่าร่ำร้องให้เขาช่วยอีก
“เดี๋ยวจะจัดการให้ เขาไม่รักก็ปล่อยเขาไป เรายังสาวยังสวย ยังมีผู้ชายดี ๆ อีกเยอะ” หลังจากนั้นแพรวพรรณก็ได้เปิดอกคุยกับพี่สะใภ้ ทั้งสองปรับความเข้าใจกัน แท้ที่จริงแล้วนิตยาก็ยังเป็นเพื่อนที่แสนดีและปฏิเสธอิฐมาตลอด เธอเองต่างหากหน้ามืดไม่มองความเป็นจริง
พอรู้ว่าพี่ชายเอาใบหย่าไปให้อิฐ และย้ายโรงพยาบาลไม่ให้อิฐหาเจอ แพรวพรรณก็โล่งใจ เธอรู้ดีว่าอิฐอาจจะลำบากใจที่จะหย่าเพราะเธอบาดเจ็บอยู่ แต่เขาคงอยากหย่าใจจะขาด
ทางด้านอิฐ เขานั่งมองใบหย่าที่ภรรยาเซ็นมาให้ เขาไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเธอเพราะถูกพฤทธิ์กีดกันเอาไว้ พอไปเยี่ยมใหม่เธอก็ย้ายโรงพยาบาลหนีไปแล้ว
เขาให้คนขับรถตามพฤทธิ์ไป แต่คลาดกัน เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเลยแกล้งขับรถวกไปวนมา
เขาไม่ยอมหย่า ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เธอมาทำให้เขารู้ใจตัวเอง แล้วจู่ ๆ จะทิ้งเขาไป ไม่มีทางเสียหรอก
แม้จะลืมอดีตสามีไม่ได้ แต่แพรวพรรณก็พยายามทำงานทุกอย่างให้เยอะเข้าไว้ จะได้ลืมเรื่องราวในอดีตทิ้งไป
แพรวพรรณมาช่วยลุงกับป้าทำงาน ท่านมีไร่องุ่นและไร่สตรอว์เบอร์รีอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ที่นี่อากาศดี งานในไร่ทำให้เธอได้เหงื่อในทุก ๆ วัน และการช่วยท่านดูแลบัญชีทำให้เธอลืมเลือนความเจ็บปวดไปได้บ้าง
ทุกครั้งที่นอนหลับ เธอมักฝันว่าโดนน้ำเอกแทงเลือดสาด และอิฐก็ทิ้งเธอไป ก่อนจะสะดุ้งตื่น เธอเป็นแบบนี้บ่อย ๆ จนบางครั้งต้องพึ่งยานอนหลับ
หลายเดือนผ่านไป เธอคิดถึงพี่ชายขึ้นมา อิฐไม่ได้ตามหาเธอ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเขามีความสุขกับการหย่าขาดในครั้งนี้ ถ้าต้องเผชิญหน้ากันอีก เธอคงทำใจได้ และเข้มแข็งพอ