“ปณิธานแน่วแน่ดีนี่ ถ้าผมไม่รับคุณผมคงดูเป็นหมอใจร้ายมากใช่ไหม” ธามไทพูดขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มขึ้นมา เขาจ้องหน้าเขมมิกาอย่างหาคำตอบ
“เอ่อ หมอธามคะ ถ้าไม่อยากรับเค้กจริงๆ เดี๋ยวพิมไปลองคุยกับหมอวินดูก็ได้ค่ะว่าอยากได้เลขาฯ ไหม” พิมอรพยายามคลี่คลายสถานการณ์อีกครั้ง
“พี่พิม แต่…”
“อย่าดื้อสิเค้ก” พิมอรหันไปดุเขมมิกา เพราะรู้ดีว่าหมอธามไทไม่ชอบคนเถียง และไม่ชอบคนแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่
“หมอวินมันงานเยอะถึงขั้นต้องมีเลขาฯ เลยหรือไง” ธามไทหันไปถามพิมอรอย่างต้องการคำยืนยัน เขารู้ว่ามาวินเป็นหมออายุรกรรม และโดยปกติแล้วมาวินไม่ได้ยุ่งถึงขั้นต้องมีเลขาฯ เสียด้วยซ้ำ
“พอดีว่าเมื่อตอนกลางวันเจอหมอมาวินเข้าน่ะค่ะ ท่าทางหมอจะถูกชะตากับน้องเค้ก พิมเลยคิดว่าอาจจะให้น้องเค้กไปเป็นเลขาฯ หมอวินน่าจะโอเค” ฝ่ายพิมอรพูดไปก็ก้มหน้าไป เพราะเดาใจหมอธามไทไม่ถูก
“จะจับคู่ให้หมอกับเด็กฝึกงานหรือไง แน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนั้น”
คนเป็นเจ้าของห้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาพิมอรและเขมมิกา ก่อนเอ่ยต่อ
“ขอดูประวัติเด็กคนนี้หน่อย” พูดพร้อมกับยื่นมือไปขอเอกสารที่พิมอร แวบหนึ่งเขาเหลือบไปเห็นแววตาดีใจของเด็กสาว
“นี่ค่ะหมอ” พิมอรรีบยื่นเอกสารให้คุณหมอหนุ่มทันที
“เรียนดีนี่ มีแฟนหรือยัง”
เจ้าของร่างสูงโปร่งอย่างคนสุขภาพดีเอ่ยถามเสียงนิ่ง หารู้ไม่ว่าคำถามของเขาเล่นเอาเด็กสาวเขินจนตอบแทบไม่ถูก
“เอ่อ ไม่มีค่ะ” เขมมิกาตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าเขาจะถามเธอเรื่องนี้
“งั้นก็รีบหาแฟนล่ะ จะได้ไม่ต้องมาชอบฉัน” ธามไทพูดนิ่งๆ อีกเช่นเคย ใครจะว่าหลงตัวเองก็ได้ แต่เขาพูดเรื่องจริง และไม่อยากวุ่นวายเรื่องชู้สาวอีก
“เค้กไม่ได้อยากมีใครนี่คะ” เขมมิกาพูดสวนขึ้นทันที พิมอรต้องตีแขนเตือนเด็กดื้อเบาๆ
“เดี๋ยวก็มี”
คุณหมอหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่เดิม พร้อมกับใช้ความคิดอีกครั้ง เด็กคนนี้ดูท่าทางแน่วแน่ จริงจัง และอยากจะทำงานกับเขาจริงๆ หากจะปฏิเสธก็คงใจร้ายเกินไป
“เอ่อ สรุปหมอธามจะรับน้องเค้กเป็นเด็กฝึกงานของหมอไหมคะ” พิมอรหาจังหวะเอ่ยถามหมอธามไทอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาลังเล
“ฝึกงานสองเดือนใช่ไหม ถ้าสองเดือน ผมน่าจะพอทนความอึดอัดนี้ได้”
ธามไทพูดอย่างใช้ความคิด ก็ดีเหมือนกัน หากมีเด็กฝึกงานมาช่วยจัดแจงตารางงานให้ อีกอย่าง เธอก็อยู่เพียงแค่สองเดือนคงจะไม่มีปัญหาอะไรตามมา
“ใช่ค่ะ สองเดือนเท่านั้น งั้นแปลว่า...นี่หมอรับน้องเค้กแล้วใช่ไหมคะ” พิมอรเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หมอหนุ่มไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าเบาๆ
“เย่! ขอบคุณหมอธามมากนะคะ เค้กสัญญาค่ะว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” เขมมิกาดีใจจนเผลอร้องออกมา ชายหนุ่มถึงกับหันมาจ้องพฤติกรรมของเด็กสาวทันที
“ฉันตกลงรับเธอก็จริง แต่เมื่อไหร่ที่เธอสร้างปัญหา ฉันก็จะเซ็นให้ไม่ผ่านฝึกงานทันที ไม่ต้องรอให้ครบสองเดือน รับได้ไหม” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง และแน่นอนว่าหากเขมมิการับไม่ได้เขาก็ไม่แคร์
“ได้ค่ะ เค้กไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น” เขมมิกาตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ว่า หมอธามไทจะมีเงื่อนไขอะไร เธอก็ไม่ขัดข้องทั้งนั้น ขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดเขา แม้จะเป็นสถานะที่ชายหนุ่มไม่ได้อยากจะให้เข้าใกล้ก็ตามที...
‘อย่างน้อยก็ได้แอบมองเงียบๆ ไม่ให้รู้หมอรู้ เพราะรู้ว่ายังไงหมอก็ไม่มีทางมอง...’
ธามไทขับรถไปยังบาร์ลับของเพื่อนสนิท ‘ว่าน’ เวทัส นายแพทย์ศัลกรรมชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้เป็นเสือซุ่มเหยื่อ และเพิ่งกลายเป็นแมวตัวน้อยๆ ไปไม่นาน เขาอยากมีเพื่อนระบายความอึดอัดในใจ แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนรักมีพันธะต้องคอยห่วง แต่ก็คงต้องขอรบกวนเวลามันจริงๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาแทบไม่คบหาใคร อาจจะเป็นเพราะไลฟ์สไตล์ที่ตรงกัน และต่างฝ่ายต่างไม่หวังอะไรต่อกัน แม้จะมีบางครั้งที่พูดจากัดกันไปมาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครถือสาอะไร
“ไงมึง เป็นไรมาวะ” เวทัสเดินเข้ามาทักทายเพื่อนรักที่นั่งอยู่ในบาร์คนเดียว เขารับโทรศัพท์จากธามไทตอนเวลาเกือบห้าทุ่มให้ออกมาพบด่วน ปกติเพื่อนไม่ค่อยขอเจอด่วนเช่นนี้ จึงต้องวอนขอ ‘เมรีญา’ ภรรยาแสนดีของเขา และเธอก็แสนดีเสียจริงจึงยอมปล่อยให้มาที่นี่
“มาแล้วเหรอมึง กูคิดว่าจะติดเมียไม่ยอมมาแล้วซะอีก ไอ้คนติดเมีย” ธามไทพูดพร้อมกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก ราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าเสียอย่างนั้น
“เฮ้ย เบาเว้ยๆ มึงไม่คิดว่าเมียกูจะหวงกูจนไม่อยากให้กูมาบ้างเหรอวะไม่ใช่กูติดเมียคนเดียว เมียกูก็อยากติดกู แปลกตรงไหน ผัวเมียเขารักกัน” เวทัสเอ่ยถามพร้อมกับนั่งเก้าอี้บาร์ข้างๆเพื่อน
“กูรู้ว่าคุณข้าวฟ่างเขาไม่งี่เง่าไม่ติดมืงเท่ามึงติดเขาหรอก คนที่ติดเมียอะคือมึง ห่างนิดห่างหน่อยไม่ได้” ธามไทได้ทีแซวทันที ใครๆ ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เวทัสไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร แต่กลับแพ้ให้กับเมรีญาอย่างราบคาบ
“พูดแบบนี้ กูกลับดีไหมครับ นี่ก็สละเวลาอันมีค่าในการนอนกอดเมียมาหามึงแล้วไงครับเพื่อน” เวทัสพูดอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะยกแก้วเหล้ากระดกเช่นกัน
“เออ ขอบใจที่มึงมา ถึงมึงไม่มา กูก็จะตามจนกว่ามึงจะมา” ธามไทยักไหล่อย่างไม่สนใจ คิดจะทำอย่างที่พูดจริงและหากเวทัสไม่รับสาย เขาคงตามบุกถึงคอนโดฯ แน่
“เออ กูรู้ ก็มึงแม่งไม่มีใครคบไง”
“หรือมึงมี?” ธามไทเหยียดยิ้มสวนขึ้นทันที
“มี แต่กูไม่อยากคบ กูหวงพื้นที่ส่วนตัวโว้ย มีอะไรไหม”