“ถึงแล้ว”
คำพูดของเขาทำให้รู้ว่ารถจอดสนิท รีบปลดเข็มขัดนิรภัย แต่เพราะไม่ค่อยจะเคยใช้เข็มขัดแบบนี้ก็เลยงกๆเงิ่นๆ แกะไม่ออก หล่อนได้ยินเสียงถอนใจดังมาอีก ก่อนมือแข็งแรงจะปัดมือหล่อน แล้วเขาก็ถอดเข็มขัดออกให้อย่างง่ายดาย
ปูริดาหน้าแดง เพราะขณะพัวพันกับเข็มขัดด้วยแรงกดค่อนข้างหนัก มือหนาแตะต้นขาหล่อนอย่างถนัดถนี่ ซึ่งคงจะไม่ตั้งใจ แต่หล่อนเองแก้มร้อนผ่าวและคงจะแดงจัด
“เอาละ เรียบร้อย ทีนี้ก็ลงจากรถได้แล้ว”
ผู้หญิงหลายคนคงคิดว่านี่เป็นฝันดีขณะถูกนำเข้าร้านใหญ่โต แต่สำหรับปูริดาไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง ทำให้ออกหวาด เหมือนกำลังตกอยู่ในฝันที่ไม่รู้จุดจบเสียมากกว่า
ทั้งสองถูกเชิญเข้าไปยังห้องชั้นใน คงมีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพี จากนั้นผู้จัดการร้านก็เรียกลูกน้องให้หยิบแหวนต่างๆ มาให้ชม หลังจากทราบราเมศวร์ต้องการแหวนหมั้นสำหรับคู่หมั้นสาวของเขา
ปูริดาลืมความกลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ละลานตาอัญมณีเป็นประกายวางมาในถาด
“ชอบวงไหนเป็นพิเศษหยิบได้เลย”
เสียงบอกกึ่งบัญชาดังอยู่ใกล้หู หล่อนเหลือบองเขา ทันสบตาเข้มคม ถามเบาๆว่า
“จำเป็นหรือคะ”
“จำเป็นมาก คนอย่างฉันจะแต่งเมียทั้งทีจะกระจอกขนาดหาแหวนให้เจ้าสาวสักวงไม่ได้ก็เกินไปละ ไหน ส่งมือมาซิ”
เมื่อเขาออกคำสั่ง หล่อนก็จำต้องทำตาม แล้วก็เกิดความรู้สึกแปลกที่ไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงเกิดความรู้สึกชอบกลแล่นเป็นริ้วขึ้นมาตามลำแขน ระหว่างที่มือเล็กเรียวของหล่อนวางอยู่บนฝ่ามืออบอุ่นของชายหนุ่ม
เขามองมือหล่อน แล้วมองแหวน สลับกันไปมา
เห็นเขาสนใจแต่แหวนกับมือก็ฉวยโอกาสแอบมองเขา เห็นสันคิ้วเข้มหนา ขนตายาวดกหนาพอกันบังนัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มจัด ผมของเขาดำ ซอยเข้ารูปศีรษะ หล่อนรู้ว่าเขาอายุมากกว่าหล่อนสิบกว่าปี แต่เขาก็ยังไม่ดูแก่สักนิดเดียว ท่าทางเขาดูแข็งแรงและทรงพลัง จนหล่อนนึกหวาดขึ้นมาอีกเพียงนึกไปถึงช่วงเวลาที่หล่อนต้องอยู่กับเขาตามลำพังในที่รโหฐานหลังแต่งงานกันแล้ว
เขาอาจจะยังไม่ได้พูดชัด แต่หล่อนไม่คิดว่าเขาจะให้การแต่งงานที่จะมีขึ้นเป็นเพียงการแต่งในนาม
เนื้อตัวหล่อนวูบวาบเมื่อบอกตัวเองว่า ลักษณะว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนออกจะดูเป็นผู้ชายที่มีความเรียกร้องเชิงเพศสูง พูดง่ายๆก็คือชอบเรื่องเซ็กส์
“วงนี้สวย ดูเหมาะสำหรับหนูดา”
ปูริดาตื่นจากภวังค์ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มนวลฟังเซ็กซี่ชวนใจสั่นด้วยความไหวพูดขึ้น พร้อมกันนั้นก็รู้สึกถึงความเย็นของวงแหวนแตะเข้ากับนิ้วเรียว หล่อนกระพริบตา พบว่าราเมศวร์กำลังสวมแหวนให้
หล่อนมองเขาแล้วมองแหวนก่อนหายใจเข้าแรง
จะอยากได้หรือไม่อยาก ความรักสวยรักงามประสาเพศหญิง ก็ทำเอาหัวใจหล่อนก็เต้นแรงขึ้นอัตโนมัติ เมื่อพบว่าแหวนที่ถูกสวมเข้าที่นิ้วนางของตนนั้นสวยเหลือเกิน สวยจนบอกไม่ถูก
“ชอบมั้ย” เขาถาม
“สวยเหลือเกินค่ะ” หล่อนตอบ แทบจะฟังเป็นเสียงกระซิบ
เขายิ้มนิดหนึ่ง สีหน้าส่อแววพึงพอใจ แต่ปูริดาก็ไม่แน่ใจนัก เพราะมองอีกที หน้าคมสันยังดูสงบราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ
ได้แหวนหมั้นแล้ว เขาก็ถามถึงแหวนแต่งงานเช้าชุดกัน เป็นแหวนคู่ สำหรับเจ้าบ่าววงหนึ่ง เจ้าสาววงหนึ่ง สวยน่ารักไม่แพ้แหวนหมั้น
“แหวนแต่งงานเก็บไว้ก่อน ถึงวันแต่งค่อยใส่”
เขาบอกหลังจากเซ็นเช็คจ่ายไปด้วยจำนวนเงินที่เห็นแล้วหล่อนได้แต่กลืนน้ำลายเพราะแพงราคาสมกับความสวยงาม
“อยากไปไหนอีก วันนี้ฉันมีเวลาให้เธอทั้งวัน”
ราเมศวร์ถามขึ้นด้วยเสียงเฉยๆหลังออกจากร้านเพชร จนปูริดาไม่อยากเชื่อว่าเป็นเสียงของคนคนเดียวกับที่สวมแหวนหมั้นราคาแพงแก่หล่อนอย่างนุ่มนวล สีหน้าติดจะอ่อนโยน สัมผัสชวนให้เกิดความอบอุ่นหวานหวามขึ้นในหัวใจ
“ไม่อยาก...”
“งั้นก็ไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
“ดิฉันไม่หิว แล้วก็สามารถหาทางกลับบ้านเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยใครไปส่ง”
“บอกแล้วนะว่าอย่าอวดเก่ง”
ราเมศวร์เตือนกลายๆ ใครเลยจะรู้ดีไปกว่าเขา ว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้ก็ตรงที่หล่อนไม่กรีดกราด ไม่คอยพูดจาหวานหยดย้อยเพียงต้องการเอาใจเขาเพราะหวังสิ่งตอบแทน ซึ่งก็หนีไม่พ้นความสะดวกสบายที่เขาอำนวยให้ได้ รวมถึงข้าวของเงินทองเพราะเขาไม่เคยเหนียวกับเพื่อนหญิงไม่ว่าจะแค่คู่ควงหรือคู่นอน
ชีวิตที่ผ่านมาของเขา จากความพร้อมสรรพทั้งในด้านรูปร่างหน้าตารวมถึงหน้าที่การงาน บวกกับฐานะที่เป็นปึกแผ่นแถมยังมีความโสดเป็นสิ่งการันตีให้สาวๆ และไม่สาว สบายใจได้ว่ายังมีโอกาสก้าวไปสู่ตำแหน่งคุณผู้หญิงของบ้านวัศธรโดยไม่ถูกน้ำกรดจากมือเมียเขาสาดหน้าเอาเสียก่อน ทำให้เขายิ่งเป็นที่กล่าวขวัญ ชวนให้หมายปองยิ่งขึ้น
“ดิฉันไม่ได้อวดเก่ง”
เสียงตอบฟังอวดดีทำเอาราเมศวร์ถอนใจเฮือก
ปูริดาอาจจะน่ารักมากกว่าสาวใดในสายตาเขา แม้เมื่อเทียบกับพี่สาว หล่อนก็เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ที่เผลอเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงหงส์ แต่เป็ดตัวที่ว่าย่อมมีบางอย่างน่าสนใจไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาหรือจะสนใจหล่อน แต่การที่หล่อนทำกระด้างกระเดื่องกับเขาเช่นนี้ ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าหล่อนยังน่ารัก เพราะถึงเขาจะเอือมการเอาอกเอาใจจากสตรี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการเมียที่ไม่ยอมลดราวาศอก เถียงคำไม่ตกฟากไม่ว่าตัวเองจะผิดหรือถูก
“ดิฉันก็เป็นตัวของดิฉัน ถ้าคุณไม่พอใจ...”
“พอแล้ว” เขาห้ามเสียงห้วน “ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอหรอกนะ ยิ่งกำลังโมโหหิวอย่างนี้ไม่แน่ว่าอาจลุแก่อารมณ์ทำอะไรลงไปที่ทั้งเธอและฉันจะต้องเสียใจภายหลัง”
เห็นสีหน้าจริงจังประกอบคำพูดเอาจริง ไม่ขู่ก็เหมือนขู่ ปูริดาก็ได้แต่เม้มปาก หลุบตาฉายแววขุ่นเคืองลงมองมือตัวเองที่วางประสานกันบนตัก