ชายหนุ่มยืนคิดอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนตัดสินใจเดินตามลงไปด้านล่างที่ห้องครัว เขาเยี่ยมหน้าเข้าไปดูเห็นว่าคู่หมั้นสาวกำลังเตรียมของที่จะทำอาหารมื้อเที่ยงให้เขาอย่างตั้งใจ พรรษวัฒน์มองดูหญิงสาวร่างเล็กจากทางด้านหลัง
เรือนผมยาวดำขลับที่ถูกปล่อยสยายตอนแรกถูกมุ่นขึ้นไปเก็บไว้บนศีรษะทุยทำให้เห็นต้นคอที่นวลเนื้อขาวผ่องโผล่พ้นคอเสื้อของเธอขึ้นมา มันทำให้เขาใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก พรรษวัฒน์เดินเข้าไปดูก่อนจะหยิบไข่ไก่ขึ้นมาไว้ในมือ
“อุ๊ย! พี่วัฒน์ เข้ามาตอนไหนคะนี่”
ธัญญากล่าวขึ้นและแก้มของเธอเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความร้อนจากไฟบนเตาที่หล่อนจุดเอาไว้เพื่อรอให้น้ำมันในกระทะเดือดเต็มที่
“เดี๋ยวพี่จะตอกไข่ให้นะ...หมี่...เอ้อ...จะทำไข่เจียวใช่ไหม?”
เขาเรียกหล่อนด้วยชื่อสั้น ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาชอบเรียกยัยแว่นหนาเตอะว่า ซินหมี่ และมันทำให้ธัญญารู้สึกว่าเขากำลังทำความคุ้นเคยกับหล่อนมากขึ้น
“ค่ะ...พี่วัฒน์”
ชายหนุ่มบรรจงตอกไข่ไก่ใส่ในถ้วย กลิ่นน้ำมันที่เดือดเต็มที่ลอยขึ้นมาจากกระทะร้อน ธัญญาตีรีบไข่สามฟองให้เข้ากันก่อนปรุงรสเล็กน้อยแล้วเทใส่กระทะได้ยินเสียงไข่ฟูอยู่ในน้ำมันร้อนจัด พรรษวัฒน์รู้สึกว่าเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ กำลังผุดขึ้นมาตามลำคอ
เขาลูบคอตัวเองก็รู้สึกถึงความชื้น แต่สายตาคมปลาบคู่นั้นก็เหลือบไปเห็นเหงื่อหยดเล็ก ๆ บนใบหน้าสวยหวานและลำคอระหงของธัญญาขณะที่หญิงสาวช้อนไข่เจียวหอมกรุ่นขึ้นมาจากกระทะใส่จานและปิดเตาอย่างระมัดระวัง
“อืม..ไข่เจียวเสร็จแล้วนะคะพี่วัฒน์...”
หญิงสาวกล่าวไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงักเมื่อปลายนิ้วแกร่งของพรรษวัฒน์แตะอยู่บนสันกรามเล็ก ทุกอย่างเหมือนหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่ลมหายใจของธัญญา เขากำลังปาดเหงื่อหยดเล็ก ๆ บนใบหน้าให้หล่อน
“เอ้อ...พี่วัฒน์คะ...”
“ร้อนเหรอ...หมี่”
“ก็...นิดหน่อยค่ะ”
“ไม่นิดหรอก ดูซี...เหงื่อออกเยอะเลยล่ะ”
เขาว่าแล้วหยิบกระดาษทิชชูในกล่องก่อนบรรจงซับเหงื่อบนใบหน้าและลำคอให้คู่หมั้นสาว ธัญญายืนตัวแข็งไปชั่วขณะ มือไม้ของหล่อนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี ดูมันจะกลายเป็นอุปสรรคบนร่างกายไปชั่ววินาทีก่อนที่หล่อนจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ด้วยการจับข้อมือของชายหนุ่มเบา ๆ
“พี่วัฒน์คะ...หมี่ไม่ร้อนมากหรอกค่ะ”
“แต่ทิชชูก็เปียกหมดเลยนะ”
เขาชูกระดาษทิชชูที่ชุ่มด้วยรอยเหงื่อของหล่อนให้ดู ธัญญาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ดูเขาจะใส่ใจหล่อนมากขึ้นกว่าตอนแรก เพราะก่อนขึ้นรถหล่อนเห็นพรรษวัฒน์หน้าตาบอกบุญไม่ค่อยรับและหล่อนก็กลัวจะแย่ว่าเขาอาจเหนื่อยหน่ายกับการขับรถทางไกล
“ไข่เจียวเสร็จแล้วนะคะ หมี่ว่าพี่วัฒน์กินข้าวดีกว่าค่ะ คงหิวแย่แล้วซีเนี่ย”
ธัญญาแกล้งเบี่ยงเบนความสนใจของชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มนิด ๆ ในอกไปพร้อมกัน
“เดี๋ยวหมี่จะใส่ซอสให้นะคะ พี่วัฒน์ชอบแบบไหนคะ มะเขือเทศหรือซอสพริก”
“อะไรก็ได้จ้ะ”
เกลียดคำนี้ที่ตัวเองพูดออกไปชะมัด...พรรษวัฒน์ไม่แคยใช้คำพูดแบบนี้มาก่อนเลยให้ตาย เขาเป็นคนตัดสินใจอะไรเด็ดขาดเสมอและไม่ค่อยทำตัวตามน้ำ แต่กลายเป็นว่าปากเขากำลังเป็นนายความรู้สึกของตัวเอง
“ซอสมะเขือเทศนะคะ”
ธัญญายิ้มหวานแล้วหยิบขวดซอสมะเขือเทศมาเหยาะลงบนไข่เจียว
“หมี่เคยอ่านหนังสือนะคะ เขาบอกว่าการกินมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์มากที่สุดเราต้องกินมันแบบผ่านความร้อน...อืม...อุ๊ย!”
ธัญญาอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเผลทำซอสหกใส่ปลายนิ้ว หญิงสาววางขวดซอสลงและกำลังจะหยิบกระดาษทิชชูในกล่องขึ้นมาแต่กลับถูกมือหนากุมข้องมือของหล่อนไว้
“เดี๋ยวพี่จะเช็ดให้หมี่เอง”
“พี่วัฒน์...”
ธัญญาเบิกตาโตเล็กน้อยเมื่อพรรษวัฒน์ยกปลายนิ้วของหล่อนขึ้นไปจรดบนริมฝีปาก หญิงสาวร้อนผ่าวไปหมดเมื่อเขาไล้เลียรอยซอสมะเขือเทศบนปลายนิ้วของหล่อน ดูดนิ้วเรียวเบา ๆ จนรอยสีแดงหายเข้าไปในปากกของเขาจนหมด
“พี่วัฒน์”
หญิงสาวครางชื่อเขาเบา ๆ หล่อนไม่เคยอยู่ในโมเม็นต์แบบนี้มาก่อน มันเป็นอารมณ์วาบหวิวแบบแปลก ๆ ที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต พรรษวัฒน์ไม่ได้แค่ช่วยลบรอยซอสบนปลายนิ้วของหล่อนแต่สายตาของเขายังหวานฉ่ำจนธัญญาผ่าวร้อนไปหมด
©©©©©©©©
บทที่ 4
จริง ๆ แล้วเขาชอบซอสพริกมากกว่าซอสมะเขือเทศ แต่กลับรู้สึกว่ารสชาติของซอสสีแดงเข้มที่เขาไม่ได้ชื่นชอบบนปลายนิ้วเรียวราวลำเทียนของธัญญากลับมีรสชาติยวนใจอย่างน่าประหลาด
“พี่วัฒน์คะ..หมี่ว่า...พี่วัฒน์กินข้าวได้แล้วนะคะ”
ธัญญารีบเบี่ยงเบนความสนใจของพรรษวัฒน์ที่ตอนนี้เขาจับมือของหล่อนไว้และปลายนิ้วเรียวก็ยังอยู่บนริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มดึงสติกลับคืนมาแล้วยิ้มให้
“จ้ะ...เอ้อ...พี่ว่าพี่ก็หิวแล้วล่ะ”
เขาปล่อยมือของหล่อนเป็นอิสระแต่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังดวงตาคู่สวยที่เป็นประกายระยิบระยับตอนที่สบตากับเขาพอดี เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าตอนที่ธัญญาไม่สวมแว่นตาหล่อนดูสวยใส ใบหน้ารูปไข่นั้นสวยหวานจนขานึกตำหนิตัวเองว่ามองข้ามความงดงามที่ปราศจากการเติมแต่งหลังแว่นหนาเตอะไปได้อย่างไร