นวลเนื้อหอมมีเวลาพักตอนกษิรามีสายเรียกเข้าจากลูกค้ารายหนึ่ง เลยต้องใช้ห้องทำงานของเขาต้อนรับ กษิราให้เธอเข้ามานอนพักยังห้องสูท มันอยู่ถัดจากชั้นทำงานขึ้นมาหนึ่งชั้น หรือเรียกว่าชั้นลอย...
พอมีเวลาเป็นของตัวเอง นวลเนื้อหอมจึงโทรกลับไปหาน้ำฟ้า พูดขอโทษขอโพยรายนั้นก็ใจดีบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะกดวางสาย...
หญิงสาวเดินสำรวจห้องสวยจนทั่ว เป็นการฆ่าเวลาไปพลางๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มปั่นป่วน หญิงสาวจึงเงยหน้าดูเวลา เข็มนาฬิกาข้างฝาผนังบอกว่ากำลังจะเลยบ่ายสอง ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารสักอย่างตกถึงท้อง ตอนนี้เธอรู้สึกแสบท้องจนคล้ายจะหน้ามืดขึ้นมาได้ตลอดเวลา ขืนแขวนท้องรอกษิรายังไม่รู้ว่าเขาจะเสร็จธุระตอนกี่โมง และไม่รู้ว่าจะได้กินข้าวเมื่อไร อีกอย่างเธอไม่รู้จักใครในออฟฟิศแห่งนี้พอจะไหว้วานซื้อของกินขึ้นมาฝาก จึงตัดสินใจเดินลงไปซื้อด้วยตัวเอง...
ด้วยความหิว นวลเนื้อหอมจึงตัดสินใจว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอกออฟฟิศ อิ่มท้องแล้วค่อยกลับขึ้นมารอกษิราในห้องนี้ต่อ เธอจึงหันไปฉวยกระเป๋าเงิน แล้วก็ตรงดิ่งไปยังลิฟต์ด้านนอก กดเรียกให้ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด รอจนลิฟต์มาถึงเธอจึงเดินเข้าไป...
ในขณะนั้นเอง ตอนประตูลิฟต์เลื่อนเปิดเพื่อรับผู้โดยสาร นวลเนื้อหอมเหลือบมองออกไปข้างนอกตามสัญชาตญาณ เธอจึงพบกับชายและหญิงหน้าตาดีคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเธอคุ้นเคยกับเขาดีเชียวแหละ ส่วนฝ่ายหญิงนวลเนื้อหอมเพิ่งเคยเห็นหน้า เจ้าหล่อนเป็นลูกครึ่งผิวขาว กำลังพูดจายิ้มแย้มกับฝ่ายชาย โดยมือข้างหนึ่งเกาะติดอยู่กับลำแขนแข็งแรงอย่างแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ...
นวลเนื้อหอมชะงัก ใจเธอตกไปถึงตาตุ่ม อารมณ์เศร้าผุดขึ้นกลางใจ นอกจากสาวิตรีกษิรายังคบหาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยหรือนี่...
ทำไมเขาถึงได้เป็นคนเจ้าชู้นัก นวลเนื้อหอมแอบนึกตำหนิเขาในใจ
ทว่าตอนเผลอเลื่อนสายตาขึ้นไปมองคนเจ้าชู้ กษิรากลับยืนจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาวาวโรจน์
เขาโกรธอะไรเธออีกแล้วก็ไม่รู้...
สายตาคู่ดุนั้นทำเอานวลเนื้อหอมใจคอไม่สู้ดี เธอรีบก้มหน้าหลบสายตาคมดุของเขาพัลวัน ขยับถอยหลังไปยืนชิดติดกับมุมหนึ่งภายในลิฟต์ขนาดกว้าง พยายามเบียดตัวเองเข้าหาผนังให้มากที่สุด ทำตัวให้เล็กเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้เขาโกรธหรอก เพราะเวลากษิราโกรธ เขามักมาลงกับเธอทุกครั้ง ...
ภาพตอนเธอถูกเขาจับกระแทกไม่ลืมหูลืมตายังตามหลอกหลอนเธออยู่เลย เขาเอาดุจนเธอปวดร้าวแทบยืนไม่ไหว กลีบอวบเธอเพิ่งได้พักไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ให้เธอลองรับอารมณ์เขาอีกมีหวังเธอต้องตายแน่ๆ...
สาวงามกับหนุ่มหล่อเดินประคองกันเข้ามายืนภายในลิฟต์ นวลเนื้อหอมแทบจะหยุดหายใจ ตอนลิฟต์เคลื่อนตัวเธอได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ชัดเจน ที่แท้สองคนนี้เคยรู้จักกันมานานแล้วนี่เอง...
นัยน์ตาหม่นแสงแอบเหลือบมองผู้หญิงข้างกายของกษิรา ไม่ว่าจะเป็นสาวิตรีหรือผู้หญิงคนนี้ ดูช่างเหมาะสมกับเจ้านายหนุ่มด้วยกันทั้งคู่
ตัดมามองที่ตัวเองสิ...ไม่มีสิ่งใดสามารถผลักดันเธอให้ไปยืนเทียบเคียงเขาได้สักอย่าง นอกจากความรักอัดแน่นอยู่ตรงนี้ ซึ่งดูมันไม่ค่อยจะมีความหมายสำหรับเขาเลยด้วยซ้ำ...
“โรสมาแสดงความยินดีกับกษิค่ะ ไม่คิดว่าจะเข้ารับตำแหน่งรองประธานเร็วขนาดนี้ เพิ่งคิดว่าเราเรียนจบกันมาไม่กี่วันนี้เองด้วยซ้ำ”
โรสิตาเอียงใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์มองชายหนุ่ม กลีบปากอิ่มระบายสีด้วยลิปสติกยี่ห้อแพงฉีกกว้าง อวดซี่ฟันเล็กดูน่ารัก กษิรายิ้มตอบหญิงสาว เป็นรอยยิ้มที่นวลเนื้อหอมนึกอิจฉาครามครัน...
“ขอบคุณครับโรส...คุณเองก็เก่งใช่เล่น เผลอแป๊บเดียว ทำงานแทนคุณลุงได้แล้ว”
กษิราเอ่ยชื่นชมจากใจจริง โรสิตา เป็นลูกสาวของลูกค้ารายสำคัญของบริษัท แถมยังเคยร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศด้วยกันกับเขาตั้งแต่ปีแรก จะเรียกว่าเป็นนักเรียนไทยที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็ว่าได้
ทั้งเขากับเจ้าหล่อน ต่างมีความสนิทคุ้นเคยกันในฐานะเพื่อน ทั้งเพื่อนเที่ยวแล้วก็เพื่อนในยามคลายเหงาได้อยู่พักใหญ่ๆ ก่อนต่างคนต่างต้องแยกย้ายบินกลับมาใช้ชีวิตของใครของมันยังบ้านเกิด ช่วงเวลาตอนนี้แหละทำให้ทั้งเธอกับเขาขาดการติดต่อระหว่างกัน
เพราะต่างก็มุ่งมั่นอุทิศตัวเข้ารับช่วงต่อของบริษัทครอบครัว ตอนโรสิตาเรียนอยู่ที่อเมริกา เจ้าหล่อนมีคู่รักเป็นชาวต่างชาติ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเฟิร์สเลิฟ ระหว่างกันและกันอีกด้วย ถึงจะเป็นรักแรก แต่เขาก็ยังได้เป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับเจ้าหล่อนเป็นพักๆ จะเรียกว่าเป็นที่ปรึกษายามเจ้าหล่อนทะเลาะกับคนรักมานั่นเอง...
“โรสมีร้านอาหารจะแนะนำกษิค่ะ รับรองว่าอร่อยจนต้องติดใจแน่ๆ”
คนอวดอ้างซบศีรษะเข้าหาลำแขนของชายหนุ่ม กษิราก้มมองด้วยหัวใจสั่นคลอน เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวย จะบอกว่าเขาลืมตัวก็อาจจะใช่ ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกของผู้หญิงอีกคน เจ้าหล่อนคนนั้นกำลังพยายามกะพริบตาขับไล่ละอองน้ำที่มันกำลังจะกลบม่านตาดำ...
มันคือความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา ให้ถึงอย่างไรดาวบนฟ้าก็ไม่มีวันล่วงลงมาบนพื้นดินได้หรอก...
-----------------------------------------------