[VIEW TALK]
ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายที่นั่งจ้องฉันอยู่ที่โซฟาตอนนี้เขาคือใคร แต่รับรู้จากสายตาของเขาได้ว่าเขากำลังอยากจะขย้ำจับนู่นจับนี่ตามตัวฉัน เขามองฉันเหมือนกับฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่เขาชื่นชอบ
ก่อนหน้านี้ที่พี่ทิวเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวของเขา ฉันเดินวนอยู่หน้ากระจกเพราะเห็นพี่ทิวเขายืนยิ้มให้กระจก
ฉันจึงลองยิ้มบ้าง แต่ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย นอกจากคิดว่าตัวฉันท่าจะบ้าที่ยืนยิ้มให้ตัวเอง เมื่อคิดว่าตัวเองท่าจะบ้าฉันจึงผละออกจากกระจกและเดินสำรวจรอบ ๆ ห้องก่อนจะมาหยุดนั่งอยู่ที่เตียง
ก็แค่อยากลองนั่งดูว่ามันนุ่มไหม และเมื่ออยากพิสูจน์ความนุ่มฉันจึงเด้งตัวบนฟูกนอน ซึ่งมันนุ่มจริง ๆ แต่ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดและมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขามองฉัน และฉันก็มองเขา
ฉันเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน คนที่มาใหม่เหมือนตั้งสติอะไรได้บางอย่างเขารีบถลาตัวมาหาฉัน แววตาเปล่งประกายมาก ๆ
และมันเหมือนกับการป้องกันตัวโดยอัตโนมัติฉันจึงรีบเบี่ยงตัวหลบก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวฉัน
“ที่จะแต่งงานกับเฮียทิวใช่มั้ยครับ” เขาเอ่ยถาม ฉันจึงให้คำตอบด้วยการพยักหน้าสองที
“ว้าว พยักหน้าเฉย ๆ ก็น่ารัก ขอจับได้มั้ยครับ” เขาถลาเข้าหาฉันอีก ฉันจึงถอยหลังหนี
บ้าหรือเปล่า จู่ ๆ จะมาขอจับ ขอจับอะไรล่ะ
“นาฟชอบพี่สะใภ้ ชอบมาก ๆ เลย” เขาเดินมาทางฉันอีกแล้ว
ฉันจึงรีบหนีไปที่หน้าประตูห้องน้ำ หวังจะเคาะประตูเรียกพี่ทิวออกมา แต่ยังไม่ทันเคาะพี่ทิวก็ออกมาพอที นั่นจะเป็นเหตุให้ฉันรีบไปแอบด้านหลังของพี่ทิว
แล้วจากนั้นสองคนนี้ก็เหมือนคุยกัน และจบลงที่ผู้ชายที่แทนตัวว่านาฟนั่งที่โซฟาและกำลังมองฉันอยู่ในตอนนี้
“ลงไปรอข้างล่าง วิวจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” พี่ทิวเขาเอ่ยซึ่งฉันก็ยืนเกาะที่หลังของพี่ทิวอยู่ แล้วก็คอยชะโงกหน้ามองผู้ชายคนนั้นจากด้านหลังของพี่ทิว
“ก็เปลี่ยนไปสิ คิดซะว่าไม่มีนาฟ” เขาคนนั้นพูดพร้อมกับมองมาที่ฉันเป็นระยะ
“ไอ้คุณนาฟครับ”
“ตาหลอดเลย เสียงเข้มตาหลอดเลย” นาฟทำหน้าเหมือนกับว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ เมื่อน้ำเสียงของพี่ทิวจริงจังมาก ๆ แต่ทำไมน้ำเสียงจริงจังถึงดูพูดไพเราะล่ะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ทว่าฉันก็ต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ถลาตัวพุ่งเข้ามาใกล้ฉันมาก ๆ และเป็นพี่ทิวที่เอามือดันหัวเขาคนนั้นไว้ไม่ให้ใกล้กว่าเดิม
“เจอกันข้างล่างนะครับพี่สะใภ้” เขาส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับ “หื้ม น่ารักว่ะ”
“พอ! ไปได้แล้ว” พี่ทิวส่งเสียงดุ
“หวงจริงนะ เฮอะ เดี๋ยวเสียค่าปิดปากเยอะนะเราอะ นาฟยิ่งปากเบาอยู่ด้วย ต้องมีอะไรมาถ่วงให้หนักหน่อยน้า” เขาพูดและโบกมือให้ฉันก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เฮ้อ…” เสียงผ่อนลมหายใจของฉันเองค่ะ
“จะปล่อยได้ยัง” เสียงของพี่ทิวดังขึ้น ฉันจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวฉันเองเกาะกำชุดคลุมของเขาไว้แน่น และยังเผลอซบแผ่นหลังของเขาตอนที่ถอนลมหายใจเมื่อครู่อีก
“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบผละออกอย่างไว
นี่ฉันทำเขาโมโหอีกแล้วแน่ ๆ วันนี้ฉันโดนตัวของเขากี่รอบแล้วเนี่ย
“นั่นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เป็นน้องชายคนรองสุดท้าย ชื่อนาฟ มันค่อนข้างคลั่งไคล้อะไรที่ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ถ้าเธอไม่อยากโดนมันจู่โจมก็อย่าทำตัวเซ่อซ่าให้มากนัก” พี่ทิวบอกพร้อมกับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
ส่วนฉันยังยืนอยู่ที่เดิม ก็แค่กำลังคิดน่ะ ว่าเขากำลังชมฉันว่าน่ารัก ก็คงน่ารักจริงแหละน่า ก็เขายังเคยรักฉันเลย
“หยุดความคิดเพ้อเจ้อแล้วไปอาบน้ำ ฉันแค่แปลความหมายว่าน้องชายของฉันชอบลักษณะแบบเธอ ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ และเธอควรละเว้นน้องชายฉันบ้าง อย่างน้อยก็ระหว่างที่ฉันเป็นนายจ้างเธอ” สิ้นเสียงบ่นที่ยาวเหยียดผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมอาบน้ำก็ตกใส่หัวฉัน “ฉันจะลงไปดูเสื้อผ้าให้ ช่วยรีบหน่อยก็ดี”
และเขาก็เดินออกจากห้องนอนไปแล้ว
“ถ้าทนปากร้าย ๆ นั่นได้ ก็ดีกว่าอยู่กับแม่แหละเนอะวิววิว อย่างน้อยอยู่กับพี่เขาก็อบอุ่นใจกว่าอยู่กับแม่ เพราะโลกนี้คงไม่มีใครใจร้ายเท่าแม่อีกแล้ว” วิววิวคือเพื่อนในจินตนาการของฉันเองค่ะ เป็นการปลอบใจตัวเองโดยคนที่เข้าใจตัวเราเองมากที่สุดไงคะ เพราะบางทีเพื่อนก็ไม่เข้าใจเราเสมอไป และบางทีเพื่อนก็มักหักหลังเราเสมอ การไว้ใจตัวเองจึงดีกว่าไว้ใจใครอื่น
“แล้วนี่จะให้ป๊ากับมี้ไปคุยกับครอบครัวหนูวิวเมื่อไหร่ลูก” เกิดคำถามขึ้นมาระหว่างทานของหวานหลังจากทานของคาวเรียบร้อย มี้ของพี่ทิวเอ่ยถามและฉันคิดว่าผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องไปด้วยซ้ำ แค่พี่ทิวที่เป็นเจ้าบ่าวคนเดียวก็พอ เพราะแม่ของฉันน่ะไม่ใส่ใจตรงนั้นสักนิด เปรียบง่าย ๆ ฉันก็เหมือนสินค้า ต่อรองราคาได้ดีฉันก็ถูกขายโดยที่ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรให้มากมาย
และที่สำคัญจะให้แม่รู้ไม่ได้ว่าพี่ทิวคือคนฉันเคยรัก เพราะถ้าแม่รู้ ต่อให้เพิ่มเงินอีกมากมายแม่ก็ไม่ให้แต่ง
“เดี๋ยวทิวจะไปหาแม่ของน้องก่อนฮะ ดูก่อนว่าแม่น้องจะว่ายังไง” ขอบคุณที่เข้าใจสายตาที่ฉันส่งไป
“ยังไม่เคยเจอครอบครัวกันหรือไง” ป๊าเสือทำหน้าสงสัยอีกแล้ว
“พี่ทิวเคยเจอพ่อของวิวค่ะ แต่ไม่เคยเจอแม่ แม่ของวิวท่านงานยุ่ง” ฉันไม่ได้โกหกนะ ตอนนั้นพี่ทิวกับพ่อสนิทกันมาก ๆ เลยล่ะ
“แล้วตอนนี้พ่อหนูวิว…”
“พ่อเสียหลายปีแล้วค่ะ”
“อ้าว เสียใจด้วยนะลูก” มี้ของพี่ทิวพูด “แล้วตอนนั้นหนูกับทิว”
“ตอนนั้นวิวกับพี่ทิวเลิกกันค่ะ เราเพิ่งกลับมาคบกันได้สักพัก” ฉันยังจำที่พี่ทิวบอกได้ ว่าให้บอกไปว่าเรากลับมาคบกัน
“พี่สะใภ้อย่าเสียใจไปเลยครับ เพราะจากนี้นาฟจะดูแลและคอยอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้เอง” น้องชายของพี่ทิวเขาร่วมทานอาหารด้วยค่ะ และเขาก็พูดคล้ายจะปลอบฉันรึเปล่านะ
“น้อย ๆ หน่อยครับนาฟ” พี่ทิวหันไปว่าน้องชายของเขา
“เฮียหวงกับน้องครับอา แบบนี้นาฟไม่ยอมนะครับ มาหวงกับน้องได้ไง”
“รู้ว่าพี่เขาหวงก็อย่าไปแหย่สิ” ป๊าของพี่ทิวบอก
“อะไรกัน อาสองเข้าข้างเฮียทิว แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยครับ เฮียทิวหลอกนาฟว่าพี่สะใภ้ตัวสูงหน้าโหด ไม่สวย แต่ที่ไหนได้ตรงข้ามหมดเลย เฮียทิวโกหกนาฟอาสองยังไม่จัดการเรื่องนี้เลยนะครับ” ทำไมเหมือนเด็กจัง
“ก็ถ้าบอกความจริงนาฟก็จะเป็นอย่างนี้ไง” ป๊าพี่ทิวตอบ
“เป็นอย่างไหนครับ”
“อิ่มยัง” พี่ทิวหันมาถามฉัน ฉันจึงเลิกสนใจนาฟที่ร้องเอาแต่ใจเหมือนเด็ก
“อิ่มแล้วค่ะ”
“งั้นปะ รำคาญนาฟมัน” พี่ทิวคว้ามือของฉันแล้วกึ่งลากเสมือนว่าฉันจะต้องลุกเดินตาม เขาใช้สายตามองมาแบบที่ว่าไม่ลุกโดนแน่
โดนอะไรน่ะเหรอ ก็โดนด่าไงล่ะ
“นั่นน่ะ เฮียมึงหนีน้อง” นาฟพูดตามหลัง
“พูดไม่เพราะ อาจะบอกแม่พีช”
“อาอ้ายลำเอียง”
แล้วเสียงสนทนาก็ค่อย ๆ เบาลงเมื่อฉันและพี่ทิวเดินไกลออกมา และเมื่อลับสายตาพี่ทิวจึงปล่อยมือฉัน และล้วงกระเป๋ากางเกงเอาเจลล้างมือแบบพกพามาถู ๆ ใส่มือตัวเอง
รังเกียจจนออกหน้าออกตา เห็นแบบนี้แล้วอยากเอาตัวไปแตะไปทำให้เขารังเกียจเลยอะ
[END VIEW]