“น้องวิวชอบทานอะไรคะ วันนี้อยู่ทานข้าวกับมี้ก่อนนะ พี่ทิวน่ะชอบไม่กลับบ้าน ชอบปล่อยให้มี้กับป๊าเสือทานข้าวกันสองคน” เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกถามนั่นถามนี่ได้สักพัก มี้ของพี่ทิวเริ่มเอ่ยชวนทานข้าว ซึ่งฉันยิ้มและหันมองหน้าพี่ทิว เรื่องนี้พี่ทิวควรตัดสินใจเอง
“คือ…” พี่ทิวกำลังจะอ้าปากพูด
แต่ว่าโดนป๊าเสือพูดสวนขึ้นมาก่อน “วันนี้นอนที่นี่เลยสิ ป๊าให้คนจัดการทำความสะอาดห้องไว้ให้ทิวกับวิวแล้ว ไม่ได้นอนบ้านตั้งนาน นอนซะที่นี่คงไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็จะแต่งกันแล้วนอนห้องเดียวกันคงไม่แปลกอะไร ใช่ไหมพี่ทิว?”
เอ่อ ฉันคาดว่าป๊าเสือจะต้องยังมีความสงสัยอยู่แน่เลย ฉันหันมองหน้าพี่ทิวค่ะ โยนเรื่องนี้ให้เขาตัดสินใจเองแล้วกัน
“น้องต้องกลับบ้านครับป๊า เอาไว้วันหลังค่อยค้างดีกว่า” เป็นข้ออ้างที่ดีค่ะ
“ทำไมต้องรีบกลับ ค้างคืนที่นี่จะเป็นไรไป”
“ทิวมีธุระ และน้องต้องรีบกลับบ้าน”
“แค่นอนค้างบ้าน ทิ้งธุระสักวันจะเป็นไรไป ป๊าบอกแม่บ้านให้เตรียมของไว้แล้ว วันนี้ป๊าจะเข้าครัวเอง ทิวอยู่กินข้าวนะ ป๊าสั่ง” เสียงป๊าเสือดุจัง
“ฮะ” อ่า สรุปพี่ทิวแพ้ค่ะยกนี้ “แต่น้องไม่ได้เอาชุดมา”
“สั่งซื้อสิ ไม่เห็นยาก อย่าทำให้มันยุ่งยากน่าธีรวัฒน์” ป๊าเสือสวนขึ้นอีกรอบค่ะ นี่บ้านนี้เขาพูดคุยกันแบบนี้เป็นปกติใช่ไหม “อ่อ คงนอนห้องเดียวกันได้นะ เพราะถ้านอนไม่ได้แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติ”
“นอนได้ค่ะ” ฉันรีบตอบทันที พี่ทิวก็หันมาตาขวางใส่ฉัน
ไรง่ะ ฉันทำไรผิดเหรอ ฉันแค่ไม่อยากให้ป๊าเสือสงสัยเองนะ ทำไมพี่ทิวต้องทำเหมือนฉันผิดด้วยล่ะ
“ดี ๆ หนูวิวนี่พูดง่ายดี ไม่เหมือนลูกชายป๊า รายนี้สั่งให้กลับบ้านทีลำบากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา” ป๊าเสือพูดอย่างพึงพอใจ “อืม ที่รักเราเข้าครัวกันเถอะครับ ปล่อยให้เด็ก ๆ คุยกัน”
ป๊าเสือเอ่ยชวนมี้ของพี่ทิว ปล่อยฉันอยู่กับพี่ทิวสองคนฉันโดนเละแน่
“โอเคค่ะ เอ้อ พี่ทิวพาน้องวิวขึ้นห้องก่อนก็ได้นะคะ”
“อ้อ งานแต่งป๊าว่าจะจัดต้นเดือนที่จะถึงนะ ครอบครัวน้องวิวคงไม่ติดอะไรใช่มั้ยครับ” ป๊าเสือเหมือนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ต้นเดือนหน้าก็อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ จะเตรียมงานทันงั้นเหรอ?
“ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดงานนะคะน้องวิว มี้จัดการได้ค่ะ ลูกชายคนเดียวของมี้จะแต่งงานทั้งทีมี้ทุ่มสุดตัวค่ะ” ทำไมมี้ของพี่ทิวถึงคิดว่าฉันกำลังสงสัยอะไร มี้กับป๊านี่ฉลาดจริง ๆ แล้วแบบนี้ฉันจะโดนจับได้ไหมนะ
“ค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลยน้องวิวของมี้” มี้ของพี่ทิวเดินมาจับสองแก้มของฉันค่ะ
“ขึ้นห้องเถอะหนูวิว” พี่ทิวขัดจังหวะและเดินนำออกไปแล้วค่ะ
“งั้นวิวขอตัวนะคะ” ฉันยิ้มให้ป๊าและมี้ของพี่ทิว และรีบเดินตามพี่ทิว ชักช้าจะโดนหนัก เสี้ยวหนึ่งฉันเห็นป๊าเสือบิดยิ้มร้ายเหมือนกำลังสนุกกับเรื่องที่เจออยู่ตอนนี้ อืม ฉันคงคิดมากไปเอง
“รอวิวด้วยค่ะพี่ทิว” ฉันรีบร้องเรียกเพราะพี่ทิวเดินไม่รอ
“ก็เดินให้มันเร็ว ๆ สิ” จะดุทำไมเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่าป๊าเสือกับมี้อ้ายมองอยู่
“งื้อ จะดุน้องทำไมคะ” รีบตีเนียนเหมือนอ้อนค่ะ ส่วนพี่ทิวก็ชะงักเท้า ฉันจึงรีบวิ่งไปเกาะแขนพี่ทิวและกระซิบเบา ๆ ไม่งั้นพี่ทิวจะทำผิดแผน “ป๊ามองอยู่ค่ะ”
พี่ทิวปรายตามองฉัน และก้าวเดินฉันจึงเดินตามอย่างรวดเร็ว
ชัวร์เลย วันนี้ฉันโดนด่าเละแน่เลย แตะตัวตั้งหลายรอบแล้วด้วยอะ เตรียมตัวหูชาได้เลย พี่ทิวเดินขึ้นบันไดเหมือนจะพ้นสายตาของป๊าเสือ ฉันจึงค่อย ๆ เอามือออกจากแขนพี่ทิวดีกว่าค่ะ เผื่อโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา
ปึง!!!
อ่า ตอนนี้เข้าห้องมาแล้วค่ะ เสียงปิดประตูเสียงดังจนหัวใจของฉันแทบหล่นลงพื้นเลยล่ะ ห้องนอนของพี่ทิวโทนสีเทา มีกระจกบานใหญ่ติดตั้งอยู่หลายมุมของห้อง ฉันมองรอบห้องแล้วก็มาสะดุดที่ร่างสูงใหญ่ของพี่ทิว ตอนนี้เขากำลังจ้องเหมือนอยากจะฆ่าฉันเลย
“คือวิวไม่ได้ตั้งใจจะหอมคุณนะคะ วิวแค่คิดว่าควรทำยังไงให้ป๊าของคุณไม่สงสัย ป๊าของคุณเขาเหมือนสงสัยมาก ๆ วิวกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อก็เลย... หอมแก้มคุณ” ฉันยืนก้มหน้าเหมือนสารภาพบาปเลยค่ะ ทั้งที่ไม่น่าจะอะไรขนาดนี้นะ จะยืนทำหน้าโหดใส่ฉันทำไมไม่รู้
“ใครบอกให้เธอรับคำว่าจะนอนห้องเดียวกับฉัน”
“อ้าว? ก็ป๊าของคุณเขาทำท่าเหมือนสงสัย แล้ววิวก็เห็นคุณเงียบ วิวกลัวผิดสังเกตวิวก็รีบตอบสิคะ อะไรกันอะ พอตอบก็ว่า พอทำไม่ถูกใจก็ว่า วิวตามคุณไม่ทันนะคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นและทำหน้าเหมือนเด็กที่พยายามแก้ตัวว่าฉันน่ะไม่ผิด เป็นเขาต่างหากที่ผิด
“เธอจะว่าฉันผิดหรือไง”
ก็ใช่น่ะสิ
“ใครจะกล้าว่านายจ้างละคะ คุณน่ะถูกทุกอย่าง… แก้มก็นุ้มนุ่ม” คำหลังฉันพูดเบา ๆ นะคะ แก้มเขาน่ะมันนุ่มจริง ๆ หอมมากด้วย ชวนให้คิดถึงเมื่อก่อน
“เธอ...” พี่ทิวเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน อันนี้เริ่มไม่ค่อยจะตลกแล้วนะ เขาน่ากลัวจัง “รู้ตัวก็ดีว่าฉันน่ะถูกทุกอย่าง แล้วถึงแก้มฉันจะนุ่มแค่ไหนเธอก็ไม่ควรพูดออกมา เพราะมันแสดงถึงนิสัยของเธอว่าเธอน่ะใจง่าย ใจร่าน ใกล้ผู้ชายคนอื่นหน่อยไม่ได้ ต้องอ่อยจนเป็นนิสัย ทีหลังอย่าคิดมาแตะต้องเนื้อตัวของฉันเกินความจำเป็นอีก ฉันไม่ชอบ”
“ค่ะ” ปากร้ายเกินไปแล้วนะ ใจร่านที่ไหนกันล่ะ เขาคนเดียวไหมที่ฉันเคยหอมแก้ม นั่นปากหรืออะไรน่ะ ทำไมหยาบคายแบบนี้ เมื่อก่อนน่ะแสนดีจะตายไป
ชิ อย่างน้อยฉันก็เป็นคนที่เขาเคยรักมาก ๆ นะ เขาควรให้เกียรติฉันบ้างสิ
“อย่ามาทำหน้าเหมือนฉันใจร้าย” อ้าว นี่ฉันเผลอสบตากับเขาอยู่เหรอ “เพราะฉันไม่ใจร้ายเท่าคนอย่างเธอ ยัยผู้หญิงชั่ว”
จ้ะ นายประสาทแดก นายคนดี นายถูกต้อง
คิดในใจไงคะ ด่าออกมาตรง ๆ ได้ที่ไหนกัน เกิดทวงเงินคืนฉันก็แย่น่ะสิ
“ฉันรู้นะว่าเธอกำลังด่าฉันในใจ ทางที่ดีเธอไม่ควรด่าฉันทั้งในใจและนอกใจ ฉันไม่ชอบ ฉันเป็นนายจ้าง เพราะงั้นฉันขอสั่งห้ามเธอด่าฉันไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม”
“ค่ะ” คนบ้าอะไรขี้สั่งจัง สั่งนั่นสั่งนี่ ถ้าฉันจะด่าในใจแล้วคุณจะทำไมไม่ทราบ จะควักหัวใจฉันหรือไง ชิ ก็ควักไปสิ เมื่อฉันแต่งงานแล้ว ฉันเป็นของคุณอยู่แล้วนั่นแหละน่า จะทำอะไรก็ทำเถอะ
ชีวิตของฉันมันจบตั้งแต่ที่ฉันตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้แม่ และชีวิตของฉันหมดความหมายตั้งแต่วันที่พ่อเสียแล้ว
ถ้าเปรียบเป็นสัตว์ฉันก็คงเหมือนแมวที่ต้องมีเจ้าของ และโดนเปลี่ยนเจ้าของไปเรื่อยเพื่อความจำเป็น
แต่บางทีฉันก็รู้สึกหมั่นไส้เจ้าของคนใหม่คนนี้นะ คนอะไรตามกลั่นแกล้งฉันมาตั้งหลายปี ถ้าเขาไม่มาขวางฉันทุกรอบ ป่านนี้ฉันมีลูก และได้ออกจากการดูแลของแม่ไปนานละ
ฉันว่า ฉันหาทางแกล้งเขาบ้างดีกว่า อย่างเขาน่ะจับตัวนิดจับตัวหน่อยต่อหน้าคนที่สำคัญอย่างป๊ากับมี้ของเขา เขาก็คงไม่กล้าด่าฉันต่อหน้าคนอื่นหรอก อย่างมากก็ด่าตอนอยู่กันสองคน ถึงตอนนั้นฉันก็ก้มหน้าแล้วพูดว่า ค่ะ ค่ะ ค่ะ ขอโทษค่ะ แค่นี้ก็น่าจะรอดนะ
“เตียงเป็นของฉัน เธอหาที่นอนเองนะ ฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษกับหญิงชั่ว”
“ค่ะ” คำก็หญิงชั่ว สองคำก็หญิงชั่ว เดี๋ยวก็ยั่วให้ตกหลุมรักเลยนี่
แต่จะว่าไปในห้องนี้ทำไมกระจกเยอะจัง เขาเอามาทำอะไรขนาดนี้นะ
[END VIEW]