ตอนที่ 7
คำสัญญา
ตั้งแต่วันที่หลิวอวี่หนิงเกือบถูกม้าคลั่งเหยียบที่ถนนวันนั้น กู่เหว่ยหยวนก็โทษตนเองมาตลอด เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่านางจะจากเขาไป กลัวว่านางจะไม่อยู่เคียงข้างเขาอีก ความสิ้นหวังเหล่านั้น เขาไม่อยากจะรับมันอีกแล้ว
ในทุก ๆ วัน เขาต้องมานั่งเฝ้ารอให้นางฟื้นอยู่ที่จวนสกุลหลิว ถึงแม้ว่าการกระทำของเขาจะถูกฮ่องเต้เรียกเข้าไปตำหนิ แต่เขาก็ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อนางได้ เขาเป็นเพียงแค่องค์ชายผู้หนึ่งเท่านั้น หากจะพูดถึงเรื่องแย่งบัลลังก์มังกรก็ยังมีพี่ใหญ่ของเขามิใช่หรือ ขุนนางเหล่านี้คงว่างมากกระมัง ถึงได้ถวายฎีกาไร้สาระเช่นนี้
“อาเหวินเหตุใดหนิงหนิงยังไม่ฟื้นอีกเล่า”
อาเหวินอย่างนั้นหรือ แม่ทัพหลิวอวี่เหวินคิ้วกระตุกขึ้นมา เขาและองค์ชายสี่สนิทกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เหตุใดจึงเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมเช่นนี้ แล้วไหนจะหนิงหนิงอีกเล่า พูดจาเช่นนี้ต้องการจะสร้างปัญหาให้สกุลหลิวใช่หรือไม่
“กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็เฝ้ารอนางเช่นกัน ท่านหมอก็บอกว่าหนิงหนิงไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร แต่ทำไมยังไม่ฟื้นก็ไม่อาจรู้” กู่เหว่ยหยวนตวัดสายตาไปมอง ใบหน้าเขียวคล้ำ ตอบเช่นนี้อย่าตอบเสียจะดีกว่า
หลิวอวี่เหวินชะงักค้าง เหตุใดองค์ชายสี่ถึงได้มองเขาเช่นนั้น เขาก็ตอบไปตามความเป็นจริง และเขาที่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของนาง เขาจะไม่ห่วงนางได้อย่างไร
“ฉีกงกงเจ้าจงเร่งเข้าวังและถ่ายทอดคำสั่งข้า เรียกตัวหมอหลวงโจวมารักษาคุณหนูหลิว!!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฉีกงกงค้อมกายรับคำสั่ง ก่อนจะยืดตัวปัดแส้และรีบเดินออกจากจวนสกุลหลิวอย่างเร่งด่วน
หลิวอวี่เหวินขมวดคิ้วมององค์ชายสี่ด้วยความแปลกใจ หลายวันที่ผ่านมาองค์ชายสี่ปฏิบัติต่อน้องสาวเขาดีเป็นอย่างมาก ผิดกับก่อนหน้านี้ราวคนละคน ตั้งแต่เขาและน้องสาวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง วันนั้นเขาพาหลิวอวี่หนิงเข้าไปในงานเลี้ยงฉลองในวัง ฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับกองทัพที่ชนะศึกกลับมา เขาซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่แน่นอนว่าจะต้องไม่พลาด ถึงจะบอกว่างานเลี้ยงเพื่อขอบคุณเหล่าทหาร แต่ใคร ๆ ต่างก็รับรู้ว่างานนี้จัดเพื่อเขาโดยเฉพาะ
วันนั้นแม่ทัพหลิวพาครอบครัวเพียงคนเดียวเข้าไปในวังด้วย เขาไม่ทันได้ดูแลนางให้ดี รู้ตัวอีกทีนางก็หายไปเสียแล้ว ความจริงเขาก็อยากจะออกไปตามหา แต่ก็จนใจเพราะไม่อาจปลีกตัวออกไป
ทว่าผ่านไปหนึ่งชั่วยาม องค์ชายสี่ก็พานางกลับเข้ามา หลังจากนั้นน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาก็มอบหัวใจให้องค์ชายสี่ไปจนหมดสิ้น นางคอยตามฝากรักเขาไปทั่วทั้ง เมืองหลวง หากได้ข่าวว่าองค์ชายสี่เสด็จไปที่ใด นางก็จะตามไปแอบดูทุกครั้ง หลิวอวี่เหวินถูกขุนนางฝ่ายบุ๋นถวายฎีกาไม่รู้กี่ฉบับ ถูกเรียกไปต่อว่าไม่รู้กี่ครั้ง และแม้แต่องค์ชายสี่เองก็เหน็บแนมอยู่เป็นประจำกลางท้องพระโรงบ้าง หรือหากเจอเขาที่ใดก็มักจะมีคำพูดให้เขาได้เกิดโทสะตลอด แต่เขาก็ไม่เคยห้ามน้องสาวอย่างจริงจังเลยสักครั้ง แต่ช่วงนี้องค์ชายผู้นี้กลับมาเอาใจใส่หนิงหนิงของเขา จะไม่ให้หวาดระแวงได้อย่างไร แต่ดูเหมือนกู่เหว่ยหยวนจะรู้ทันความคิดนั้น
“อาเหวินเป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า ผิดต่อหนิงหนิง ก่อนหน้านั้นข้าโง่เขลา คิดเพียงแต่ว่าหนิงหนิงไร้มารยาท แต่ข้าไม่ได้มองให้ลึกลงไป นางไม่ได้ไร้มารยาทแต่นางจริงใจ ทั้งจริงใจและตรงไปตรงมา นางน่ารักยิ่งนักบนโลกใบนี้นอกจากเสด็จแม่แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้ใดจริงใจต่อข้าอีกหรือไม่ เจ้าต้องเข้าใจข้า ข้าเติบโตมาท่ามกลางการวางเล่ห์อุบายเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานของเสด็จพ่อ ข้าย่อมไม่อาจไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลิวอวี่เหวินไม่เคยคิดถึงจุดที่องค์ชายผู้สูงศักดิ์ยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย คำพูดของเขามิได้ผิดเลย ผู้ที่ยืนอยู่ริมหน้าผาจะไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน แต่ก็นั่นเถอะ ถึงอย่างไร เขาก็ไม่อาจชอบใจในสิ่งที่พระองค์กระทำต่อน้องสาวเขาได้เลย
“เรื่องที่ผ่านมาข้ากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ในวันข้างหน้าข้างกายข้าจะไม่มีผู้ใด อาเหวินนอกจากหนิงหนิงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะเป็นชายาของข้าอีกแล้ว” แม่ทัพหนุ่มเบิกตาขึ้น เขาจ้องมององค์ชายสี่อย่างตกตะลึง นี่คือคำสัญญาเขารับรู้ได้ แววตาพระองค์ที่จ้องมองออกมาทั้งมั่นคงและจริงใจ หลิวอวี่เหวินหลับตาลงช้า ๆ เขาถอนหายใจออกมา
“กระหม่อมมีนางเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว เพื่อความสุขของนางแม้แต่ชีวิตกระหม่อมก็หาได้สำคัญไม่ ตำหนักองค์ชายสูงเกินกว่าน้องสาวกระหม่อมจะปีนป่ายได้ถึง แต่ในเมื่อพระองค์ให้คำมั่น กระหม่อมก็ไม่มีสิ่งใดจะคัดค้าน ขอเพียงพระองค์ดีต่อนางเช่นนี้ก็เป็นพระกรุณาแล้ว”
“ข้าให้สัญญา อาเหวินเรื่องม้าตัวนั้นข้าให้คนไปสืบมาแล้ว เป็นม้าที่จะนำไปขายที่ตลาดมืด มีคนผสมหญ้าอูโถวปนเข้าไป แต่แปลกที่มีเพียงตัวเดียวที่กิน” กู่เหว่ยหยวนและหลิวอวี่เหวินต่างก็สบตากัน หากหญ้าอูโถวปะปนอยู่ในหญ้าของม้าจริง เช่นนั้นม้าทุกตัวย่อมต้องได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่นี่มีเพียงตัวเดียวที่กินเข้าไป นับว่าแปลกนัก
“กระหม่อมจะให้คนไปสืบพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม อาเหวินข้าสั่งให้อาฝานไปสืบอย่างละเอียดแล้ว หากพบว่าเป็นการเจตนาข้าจะไม่ปล่อยมันเอาไว้” แววตาองค์ชายสี่พวยพุ่งด้วยจิตสังหาร หลิวอวี่เหวินรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“แต่เรื่องที่ข้าพาหนิงหนิงออกไปแล้วเกิดเรื่อง ข้าก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย เป็นความผิดของข้าที่ไม่ดูแลนางให้ดี ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้ อาเหวินข้าผิดไปแล้ว”
“กระหม่อมไม่อาจรับคำขอโทษของพระองค์ได้ อย่าทรงตรัสเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะโทษพระองค์ได้อย่างไร หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุย่อมต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง หากไม่ใช่ศัตรูของพระองค์ก็เป็นศัตรูของสกุลหลิว”
ในใจหลิวอวี่เหวินรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก พระองค์สูงศักดิ์ถึงเพียงนั้นจำเป็นจะต้องมากล่าวคำขอโทษกับขุนนางเช่นเขาด้วยหรือ เห็นได้ชัดว่าน้องสาวเขามีน้ำหนักในใจของพระองค์มากเหลือเกิน แน่นอนว่าคนเป็นพี่เช่นเขาย่อมดีใจ