ภาพทิวทัศน์ทั้งสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากสีสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่คนที่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาตัวเองสักเท่าไหร่อย่างปภาวรินทร์เป็นอย่างมาก หญิงสาวแทบจะโยนทิ้งความเศร้าหมองลงในทันทีเมื่อได้มาเห็นบ้านหลังใหม่ของตัวเอง ที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็มีแต่ความร่มรื่นเต็มไปหมด
“ชอบรึเปล่าหนูริน ที่นี่เรามีทั้งฟาร์มม้า ฟาร์มวัว ส่วนตัวเหมืองนั้นอยู่ท้ายๆ เลย เอาไว้พักผ่อนให้หายเหนื่อยลุงจะให้คนพาหนูไปเที่ยวชมก็แล้วกันนะ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างมีความสุข แค่ฟังที่คุณลุงมานพเล่าให้ฟังมาตลอดการเดินทางเธอก็ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ หากลองได้เที่ยวชมจริงๆ อย่างที่ท่านว่าคงจะดีไม่น้อย
กระทั่งเมื่อรถยนตร์ที่นั่งมานานร่วมชั่วโมงค่อยๆ ชะลอลงตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวถึงเดินลงจากรถตามหลังเจ้าบ้านไปติดๆ เพราะเธอไม่รู้จักใครนอกจากท่าน และก็ไม่รู้ด้วยว่าทุกๆ คนที่นี่นั้นจะยินดีต่อการมาเยือนของเธอมากแค่ไหน ไม่อาจจะรู้ได้จริงๆ ทั้งคู่เดินขึ้นเข้ามาในตัวบ้านก่อนจะพบร่างอ้วนท้วมของหญิงชราคนหนึ่งที่เดินออกมาต้อนรับ รอยยิ้มดีใจที่ได้เห็นเจ้านายใหญ่กลับบ้านโดยสวัสดิภาพค่อยๆ เลือนหายไปในทันชั่วพริบตาเมื่อเห็นแจ้งแก่ใจว่าหนนี้ท่านไม่ได้กลับมาตามลำพัง แต่พาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้กลับมาด้วยอีกคน ความสงสัยนั้นมากจนต้องถามออกไป
“ใครคะพ่อเลี้ยง!”
นางน้อมถามเสียงแข็งด้วยคิดไปไกลว่านายท่านของนางจะพาเมียใหม่วัยลูกเข้ามาแทนที่นายหญิงของตัวเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงนางคนหนึ่งล่ะไม่มีวันยอมรับแม่หน้าสวยตรงหน้าคนนี้แน่ ไม่ว่าอย่างไรจะต้องรีบกำจัดหล่อนไปให้พ้นๆ อย่างเร่งด่วน เพื่อนายผู้หญิงที่นางทั้งรักและเคารพจะได้ตายตาหลับ
“นี่หนูปภาวรินทร์ แม่น้อมมาก็ดีแล้วเดี๋ยวให้เด็กช่วยไปจัดห้องให้หนูรินเขาหน่อยนะ เอาห้องที่อยู่ข้างๆ เจ้าราชเลยก็ได้เพราะว่านับจากวันนี้ไปหนูรินจะย้ายเข้ามาอยู่กับเราที่นี่ในฐานะ…ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน!” สิ้นคำตอบที่ชัดเจนจนไม่ต้องถามเพิ่มหญิงสาวก็ถึงกลับเบิกตากว้าง ตกใจเสียยิ่งกว่าตอนที่ตนคิดเอาไว้เสียอีก
“มะ…เมียของคุณราชเหรอคะ!”นางน้อมย้อนถามเสียงหลง รู้สึกได้ถึงลางร้ายที่กำลังใกล้เข้ามาในตัวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ กับความจริงที่เพิ่งได้ยิน ความจริงที่นางรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ใช่! สวยไหมล่ะ แล้วนี่ไอ้ตัวดีมันหายหัวไปไหน”
“คุณท่านบอกคุณราชเรื่องนี้แล้วหรือยังคะ คะ..คุณราชต้องไม่ยอมแน่ๆ ค่ะที่จู่ๆ คุณท่านจะให้เธอคนนี้…” หญิงชราไม่ตอบคำถามนั้น เลือกที่จะถามอีกเรื่องที่ต้องการจะรู้มากกว่า นางเลี้ยงคุณหนูของนายมาตั้งแต่เกิด มีหรือจะไม่รู้ว่าเหมราชเกลียดการคลุมฝูงชนมากขนาดไหน ไม่ว่าผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่นายท่านเสาะหามาให้นั้นแทบไม่เคยมีใครคนไหนถูกใจนายน้อยของนางเลยสักคน จะมีก็แค่เป็นคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หากจะให้มาแต่งงานยกย่องให้เป็นเมียออกหน้าออกตาไปตลอดทั้งชีวิตของเขานี่ลืมไปกันได้เลย
เพราะมันไม่มีเกิดขึ้นแน่!!
ถึงแม้ว่านังหนูหน้าหวานตรงหน้านี้จะสวยกว่าทุกๆ คนก็เถอะแต่ก็ใช่ว่าแค่ความสวยอย่างเดียวมันจะมัดนายน้อยของนางได้
“บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ แล้วก็เลิกทำหน้าเหมือนมีใครตายเสียที หนูรินลุงจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือป้าน้อมแกเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่แถมยังเป็นแม่นมเหมราช ลูกชายของลุงด้วย” ปภาวรินทร์เริ่มต้นทักทายหญิงชราตรงหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะพนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมตามนิสัยที่ไม่ว่าใครจะอยู่ในฐานะไหน หากคนๆ นั้นอาวุโสกว่าก็จำต้องไหว้เอาไว้ ตามมารยาที่ควรมีติดตัว
“สวัสดีค่ะป้าน้อม” ภาพนั้นทำเอานางน้อมนิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่บ่อยนักที่แขกจะเที่ยวยกมือไหวนางทั้งที่นางเป็นแค่คนใช้ในบ้าน
หญิงชราจำต้องตอบรับการไหว้นั้นด้วยรอยยิ้มแข็งๆ ก่อนนางจะหันไปร้องเรียกให้สาวใช้ ไปจัดห้องให้แขกของนายตามคำสั่ง
“แม่น้อมแกก็เป็นแบบนี้แหละหนู เห็นใจร้ายแบบนั้นเอาเข้าจริงๆ ใจดี แต่หนูรินคงต้องให้เวลาแกหน่อยนะ” ปภาวรินทร์ยิ้มรับด้วยความเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้คาดฝันว่าการมาเหยียบที่นี่วันแรกจะได้รับความรักจากทุกๆ คนมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีบางคนไม่ชอบเธอซึ่งเธอเองก็รู้และหวังว่าความดีที่เธอพกติดตัวมาด้วยมันจะเปลี่ยนอคติภายในใจของคน อย่างน้อยขอเป็นแค่ป้าน้อมเป็นคนแรกก็ยังดี
หญิงสาวได้รับอนุญาตให้เข้าไปพักผ่อนภายในห้องนอนที่ถูกจัดขึ้นมาให้ในเวลาอันรวดเร็ว แม้ตอนแรกเธอจะค้านเพราะมันใหญ่เกินไปสำหรับตัวเองแต่คุณลุงมานพกลับยืนยันว่าห้องนั้นคือห้องที่คู่ควรกับเธอมากที่สุดหญิงสาวจึงไม่กล้าขัดใจอะไรท่านไปอีก
“คุณราชบอกว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์จะค้างที่กระท่อมค่ะ!” นางน้อมเอ่ยขึ้นระหว่างที่เจ้านายกับแขกของท่านกำลังนั่งรอการกลับมาของเหมราชที่โกรธจนแทบคลั้งเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดที่นางส่งข่าวไปบอก ฝ่ายนั้นถึงกลับลั่นวาจาว่าจะไม่กลับบ้านจนกว่าบิดาจะยอมไล่ผู้หญิงที่สรรหามาให้ทำเมียออกไปให้พ้นๆ บริเวณตัวบ้าน
“ก็ตามใจมัน ถ้างั้นเรามาทานข้าวกันเถอะหนูริน ที่นี่เราทำแต่อาหารพื้นเมืองกันเสียส่วนใหญ่ หวังว่าหนูคงพอทานได้นะ” คุณมานพไม่ได้ดูแปลกใจเลยสักนิดที่ไอ้ลูกชายตัวแสบมันจะเล่นแง่กับตนเอง เขาคาดการณ์ทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี ครั้งนี้ไม่มีพลาดแน่ๆ
“ได้ค่ะคุณลุง รินทานอะไรก็ได้ค่ะ” ปภาวรินทร์ขานรับพร้อมๆ กับความรู้สึกโล่งอกไม่น้อยที่เธอยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับว่าที่สามีที่ดูท่าเขาคงไม่ได้เต็มใจอยากที่จะแต่งงานกับเธอสักเท่าไหร่เลย
“ตอนนี้หนูต้องหัดเรียกฉันว่าพ่อได้แล้วนะ ไหนลองเรียกสิ”
“ค่ะ…คุณพ่อ” หญิงสาวไม่คิดที่จะขัดใจคนตรงหน้าที่ท่านดูแลเธอดีตลอดทั้งวันที่ผ่านมาก่อนที่คนทั้งคู่จะเริ่มต้นรับประทานอาหารเย็นร่วมกันแค่สองคน ไร้เงาของอีกคนที่กำลังโกรธบิดาจนแทบจะควมคุมสติเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้รู้ถึงจุดประสงค์ของท่านที่หอบสังขารตัวเองขึ้นกรุงเทพทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดที่จะออกไปไหน
ที่แท้ก็ออกไปตามหาว่าที่เมียมานำเสนอลูกชายนี่เอง!