หลังจากที่เร่งเดินทางไม่นานขบวนของเจ้าเมืองก็ถึงจวน ตอนนี้ยังไม่ดึกนักแถมตลอดเส้นทางก็ยังมีงานเทศกาลประจำปีที่ทุกคนกำลังฉลองกันอยู่ ตัวเมืองจึงไม่มืดนักกลับสว่างไสวดึงความสนใจของหญิงสาวทั้งสองไปกับร้านค้าข้างทางเสียหมด ถ้าไม่ติดว่าพวกเธอต้องรีบกลับคงกระโจนเข้าหางานเทศกาลเป็นแน่
"ยินดีต้อนรับท่านเจ้าเมืองและคุณหนูทั้งสองกลับบ้านนะขอรับ"
พ่อบ้านตงรีบออกมารับหน้า เขายินดีที่เห็นเจ้านายของเขากลับมาถึงสักที ตอนนี้ที่จวนเกิดเรื่องมากจนเขาไม่อาจรับมือได้ต่อไป
"ท่านพี่ ซีเหมย ซีซี กลับมาแล้วหรือปลอดภัยหรือไม่" เป็นฮูหยินที่รีบออกมาต้อนรับนางคิดถึงทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งบุตรสาวทั้งสองนางยิ่งนึกเป็นห่วงและกังวลเพราะพวกนางนั้นแอบหนีไปเที่ยวเล่นตั้งแต่เมื่อวาน
"ท่านแม่" หญิงสาวทั้งสองร้องเรียกมารดาก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปกอดอย่างประจบพวกนางไม่อยากให้ท่านพ่อถูกตำนิที่ไปรับพวกนางแล้วพากันกลับมาชักช้า
"ข้าคิดถึงฝีมือทำน้ำแกงของท่านแม่ม๊ากมากเจ้าค่ะ ดูสิเจ้าค่ะตอนนี้ท้องของลูกร้องเสียนึกว่ามีกลองอยู่ข้างใน" ซีเหมยรีบเปลี่ยนประเด็นก่อนที่ท่านแม่จะได้ถามสิ่งใดและดูเหมือนได้ผลจริงๆ
"จริงหรือลูกถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าทั้งสองรีบเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียแม่จะได้ให้คนไปจัดเตรียมอาหารให้ ส่วนพวกเรายังมีเรื่องต้องคุยกันทีหลังรวมถึงท่านด้วยนะเจ้าค่ะท่านพี่"
เสียงที่เอ่ยคำว่า ’ท่านพี่’ ของฮูหยินตอนนี้มันเยือกเย็นจนตงโฉรู้สึกหนาวเข้าไปถึงภายในกระดูก ดูเหมือนว่ายังไงก็ไม่พ้นอยู่ดีตอนนี้ภายในจิตใจของท่านเจ้าเมืองกำลังหลั่งน้ำตาให้กับความลำเอียงของฮูหยินตนเพราะถึงอย่างไรฮูหยินที่หลงลูกสาวทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะตำหนิสิ่งใดไม่เหมือนตนที่จะโดนทุกข้อหา
‘สงสัยคืนนี้ข้าอาจต้องใช้ไม้เด็ดเสียแล้ว’ตงโฉได้ส่งสายตาแวววาวให้ฮูหยินของเขาก่อนที่จะเข้าห้องไปอาบน้ำ
เมื่อฮูหยินเห็นกิริยานั้นก็รู้ได้ถึงความนัยจากสายตาของท่านเจ้าเมืองที่ส่งมาให้ก่อนที่แก้มของนางจะมีริ้วสีอ่อนๆพาดผ่านทันที
‘ต่อหน้าลูกๆยังกล้ามาส่งสายตาให้นางไม่อายเลยหรือยังไง’ ฮูหยินเก็บสีหน้าที่เขินอายสามีก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้ให้ทำสำหรับเพื่อที่นางจะไปควบคุมอีกที
ในโลกนี้การเอาชนะที่ยากที่สุดก็คือการเอาชนะใจของตนดั่งเช่นตาเฒ่าหลี่เสี่ยวหลางที่ตอนนี้จิตใจของเขาร้อนรุ่มดั่งไฟเผา
“ทำไมมันถึงยังมีชีวิตอยู่” เขาได้จ้างมือสังหารให้ไปลอบสังหารเจ้าเมืองตงโฉแต่มือสังหารเหล่านั้นกลับทำไม่สำเร็จแล้วเขาจะหาโอกาสได้อีกตอนไหน น้อยครั้งนักที่มันจะเดินทางออกจากตัวเมืองทั้งที่คิดว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีแต่ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้ช่างน่าขันนัก
"เจ้าให้คนไปตามสืบดูหน่อยว่ามือสังหารที่ส่งไปเป็นเช่นไร หากถูกฆ่าก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าถูกจับเจ้าคงจะรู้นะว่าต้องทำอย่างไรต่อไป"
หลี่เสี่ยวหลานสั่งมือขวาของเขาให้ไปเก็บกวาดพวกไม่ได้เรื่องที่ทำให้แผนของเขาต้องถูกเลื่อนออกไปอีก เพราะมันคงจะระวังตัวมากขึ้นและครั้งต่อไปคงลงมือได้ยากกว่าเดิม
"คราวนี้แกรอดไปได้แต่คราวหน้าแกไม่รอดแน่"สายตาของเฒ่าหลี่กำลังมองสิ่งของที่มือขวาของเขาหามาให้และเจ้าสิ่งนี้แหละมันจะเป็นตัวตัดสินในการนำชัยให้เขา
"อ๊า...หอมจังท้องของลูกเริ่มจะร้องอีกแล้วเจ้าค่ะ" สองสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินออกมาที่โต๊ะอาหารเมื่อมาถึงพวกเธอก็เห็นท่านแม่นั่งรออยู่ก่อนแล้วจึงเร่งเดินเข้าไปหา
"น้องเล็กเจ้าก็อย่าพึ่งน้ำลายยืดรอท่านพ่อก่อนซีเหมย" ซีซีได้แต่ขำคนตัวเล็กที่กินจุ ไม่รู้ว่าตัวแค่นี้เอาไปยัดไว้ที่ไหนบ้าง
"พากันนินทาอะไรพ่ออยู่หรือ"ตงโฉเอ่ยทักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของบุตรสาวและฮูหยินของตนดังออกมาถึงหน้าห้องอาหาร
"ท่านพ่อ!!" สองสาวรีบลุกขึ้นก่อนที่ตงโฉจะเดินมาถึงโต๊ะอาหาร แต่สายตาของท่านพ่อกลับไม่ได้สนใจมองบุตรสาวเพราะสายตาของเขาหันไปมองแต่ทางฮูหยินของตนด้วยสายตาที่หวานเยิ้มเหมือนก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ
"อะแฮ่ม ลูกยังอยู่ตรงนี้นะเจ้าค่ะ"
"ลูกยังไม่อยากถูกมดกัดเหมือนกัน
ทั้งซีซีและซีเหมยเอ่ยแซวออกมาถึงจะได้ชื่อว่าเป็นท่านพ่อและท่านแม่ของพวกเธอแต่พวกท่านก็หาได้แก่ตัวไม่ยังดูหนุ่มและดูสาวอยู่เลย
"นี่ๆหลินเออร์ท่านพ่อกับท่านแม่อายุเท่าไหร่แล้ว"
ซีเหมยสะกิดถามสาวใช้ที่อยู่ใกล้นาง
"อ๋อ…ท่านเจ้าเมืองอายุได้ 35 ปีเจ้าค่ะส่วนฮูหยินอายุได้30ปี"
"โอ้ไม่นะ"
"ซีเหมยเจ้าเสียมารยาทเกินไปแล้วนะ..เป็นอะไรไป"ซีซีที่กำลังจะดุน้องสาวตัวแสบก็ชะงักกับท่าทีของนาง
ซีเหมยหันไปทางพี่สาวของตนก่อนที่จะโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู
"ถึงว่าท่านพ่อยังดูหนุ่มหล่อส่วนท่านแม่ยังงดงามเหมือนสาวรุ่นอยู่เลย"
ที่สำคัญยังดูรักกันหวานชื่นไม่สนใจสิ่งใดเลยท่านพ่อช่างเป็นคนคลั่งรักเสียจริง อิอิ
"พวกเจ้าก็อย่ามัวแต่คุยกันรีบกินก่อนกับข้าวมันจะเย็นเถอะ"
ฮูหยินเห็นลูกสาวทั้งสองมัวแต่คุยกันก็หันมาปรามก่อนที่อาหารจะเย็นหมดเสียก่อนและหันกลับไปคีบกับข้าวใส่ชามให้ทุกคนกิน อาหารมื้อนี้ช่างมีความสุขและอบอุ่นที่สุดทุกคนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหล่าข้ารับใช้ที่อยู่รอบข้างยิ้มตาม
เช้านี้ช่างเป็นวันที่สดใสนักหลังจากที่พวกเธอร่วมสำรับกับท่านพ่อท่านแม่ก็พากันขอตัวกลับห้องก่อนที่จะแยกย้ายกันฝึกลมปราณของตัวเอง พวกเธอทั้งสองต่างมุ่งมั่นกับการฝึกเพื่อที่จะควบคุมพลังให้สมบูรณ์และความพยายามของพวกเธอก็เริ่มจะเห็นผล
‘ปัง’
‘ปัง’
เสียงการทะลวงขั้นปราณดังขึ้นข้างในหัวของหญิงสาวทั้งสองก่อนที่พลังปราณรอบตัวจะถูกดูดเข้าสู่ร่างทั้งสองอย่างรวดเร็ว พวกเธอต่างเร่งโคจรลมปราณตามตำราที่ท่านเทพหนี่วาให้มาเมื่อควบแน่นพลังจนคงที่ทั้งสองก็ลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะรู้สึกถึงของเสียที่ถูกขับออกมาตามตัว
“ไปอาบน้ำชำระร่างกายกันเถอะพี่หญิงเดี๋ยวเราค่อยมาตรวจสอบระดับขั้นกัน” ซีเหมยทนกับกลิ่นเหม็นไม่ไหวเลยเอ่ยชวนพี่สาวของตนเองไปอาบน้ำเสียก่อน
เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็พากันมานั่งที่ระเบียงด้านข้างของเรือนนอนเพื่อหาที่ทำการตรวจสอบตันเถียนวัดระดับการบ่มเพาะของพวกตน
“ตามที่เราได้รับความรู้มาจากท่านเทพหนี่วาขั้นพลังบ่มเพาะมีหลายขั้นและแต่ละขั้นมีขั้นแยกอีก5ระดับด้วย”
ขั้นบ่มเพาะพลัง
ขั้นปราณ. มี5ระดับ
ขั้นทะลวงสวรรค์ มี5ระดับ
ขั้นก่อกำเนิดกายเซียน. มี5ระดับ
ขั้นกายเซียนสวรรค์. มี5ระดับ
ขั้นกายเทพอมตะ มี5ระดับ
ระดับแยก 1-2 คือขั้นต่ำ 3-4 กลาง 5 คือสูงสุดของขั้น
เมื่อหญิงสาวทั้งสองได้ทำความเข้าใจกับการแบ่งขั้นพลังของโลกนี้แล้วพวกเธอก็ได้ทำการตรวจสอบตันเถียนทันที
‘วูบ’!!
ซีซีสัมผัสกับพลังปราณของตัวเองก่อนจะรับรู้ถึงพลังที่เอ่อล้นออกมาจากตันเถียน
‘ กายเซียนสวรรค์ ระดับ 4 ’ ซีซีที่พึ่งเคยตรวจการบ่มเพาะก็อดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้เหมือนกับซีเหมยที่กำลังตรวจระดับขั้นบ่มเพาะอยู่ด้านข้างของพี่สาวตน นางอดที่จะตกใจไม่ได้เพราะนางมีขั้นบ่มเพาะที่สูงถึงขั้น‘ กายเซียนสวรรค์ ระดับ 3 ‘
ซีซีและซีเหมยลืมตาขึ้นมาก่อนจะเป็นซีซีที่ได้สติกลับมาก่อน
“ซีเหมย พี่ได้ตรวจสอบตันเถียนแล้วการบ่มเพาะของพี่ไปถึงกายเซียนสวรรค์ระดับ 4”
“พี่หญิงเก่งจังข้าเองก็ขึ้นมาถึงกายเซียนสวรรค์ ระดับ 3 แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนเราต้องไปเตรียมตัวเพื่อร่วมงานวันพรุ่งนี้ตามที่ท่านแม่ได้บอกไว้” ซีซีกล่าวจบก็พาซีเหมยเดินไปหาสาวใช้ทั้งสามที่รอจะจับพวกนางลองชุดที่จะใส่ในงานเทศกาลวันพรุ่งนี้
วันนี้ก็ถึงวันเทศกาลไหว้ศาลหลักเมืองและเป็นวันที่พวกเธอจะถูกแนะนำให้ชาวเมืองและตระกูลใหญ่ที่อาศัยในเมืองนี้ให้รู้จักกับคุณหนูทั้งสองของจวนเจ้าเมือง เมื่อเช้าพวกนางถูกสาวใช้ของท่านแม่จับอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่ขึ้นท้องฟ้าทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับชุดใหม่ที่สวยงามก็นำมาให้พวกเธอสวมใส่
ชุดของซีซีสีแดงสดลายปักก็สวยใส่แล้วดูสง่าแฝงเสน่ห์ของหญิงสาวโฉมงามที่ใครเห็นก็เหมือนต้องมนตร์ส่วนของซีเหมยคือสีฟ้าสดใสแต่ก็ดูอ่อนหวานราวเทพธิดาเหลียนฮวาช่างเหมาะเจาะกับพวกนางเหลือเกิน
เมื่อถึงเวลาเริ่มพิธีกรรมนักบวชและตัวแทนของเทพธิดาประจำเมืองก็เข้าไปทำพิธีบวงสรวงต่อทวยเทพสวดภาวนาขอให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์อยู่กันอย่างสุข สงบ ไม่มีการศึกใด จนเวลาล่วงเลยถึงตอนเที่ยงเป็นอันเสร็จพิธีและตอนไปก็เป็นเวลาที่ท่านพ่อจะได้กล่าวแนะนำพวกเธอต่อชาวเมืองหนายโจ
"พวกเจ้าเดินตามแม่มาอย่าได้กังวลใจทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี"
ฮูหยินจูงมือของบุตรสาวทั้งสองไปที่ระเบียงหอบูชาเทพหน้าศาลหลักเมือง เจ้าเมืองเห็นพวกนางออกมาก็หันไปประกาศกับชาวเมืองถึงเรื่องการรับบุตรีบุญธรรม
"วันนี้ข้าขอแนะนำบุตรีทั้งสองของข้า เหลียนซีซีและเหลียนซีเหมยต่อแต่นี้ไปพวกนางทั้งสองคือบุตรของข้ามีสิทธิ์อันชอบธรรมทุกอย่าง"
ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงในความงามและเสน่ห์ของพวกเธอ ทั้งยังคงยืนนิ่งไม่ขยับทั้งหญิงและชาย
"ข้าแซ่เหลียน นามซีซี ข้าขอคารวะทุกท่านและยินดีที่ได้พบ ข้าจะคอยช่วยเหลืองานของท่านพ่อหากมีใครเดือดร้อนถ้าเห็นข้าก็มาร้องทุกข์ได้นะเจ้าค่ะ"
เสียงใสราวกับระฆังที่เปล่งออกมาจากปากของเธอยิ่งทำให้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายหน้าแดงขึ้นไปอีก
‘นี่พวกนางเป็นเทพธิดาที่แอบลงมาเล่นที่โลกมนุษย์หรือเปล่ารูปโฉมช่างงดงามจนหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองนั้นดูจืดชืดไปเลย’
"ส่วนข้าแซ่เหลียน นามซีเหมยข้าขอคารวะทุกท่าน ข้าจะคอยช่วยท่านพ่อและท่านพี่อีกแรงเพื่อที่ชาวเมืองทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขและมีความเป็นอยู่ในชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม"
ชาวบ้านต่างก็หันหน้ามามองคุณหนูคนเล็กที่ช่างพูดจาแปลกๆถึงจะน่ารักสดใสแต่เรื่องความเป็นอยู่ของชาวเมืองมันก็เหลื่อมล้ำกันทุกที่ความแห้งแล้งอดอยากมันก็มีให้เห็นอยู่ตลอดแล้วจะเอาอะไรมาให้ชีวิตของพวกตนดีขึ้นกว่าเดิม
"คุณหนูคนเล็กของตระกูลเหลียนช่างพูดจาเพ้อฝันยิ่ง ท่านอย่าทำให้ชาวเมืองต้องหัวเราะเยาะท่านเลยปัญหาความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็ขึ้นอยู่กับพืชผลการเกษตรแล้วปัญหาเรื่องความแห้งแล้งนี้มันก็มีมาเนิ่นนานแล้วคงยากที่จะแก้ไข"
หลี่เสี่ยวหลางพูดพลางยิ้มเยาะตอนแรกเขาก็หวั่นใจที่ตงโฉจะแนะนำบุตรสาวให้ชาวเมืองได้รู้จัก ตนก็นึกว่าพวกนางจะใช้มารยาหญิงงามทำให้ชาวบ้านยอมรับและหลงรักในความใสซื่อของพวกนางเสียอีก ที่ไหนได้กลับมาพูดจาเพ้อฝันไร้สาระให้คนอื่นฟังทั้งที่ปัญหาอดอยากที่แม้แต่เด็กห้าขวบยังเข้าใจดีว่าเป็นอย่างไรแต่พวกนางยังถือดีพูดราวกับตนเป็นเทพเสกลมเสกฝนปัดเป่าปัญหาแห้งแล้งได้ ยิ่งเห็นหน้าชาวบ้านแต่ละคนเขาก็ยิ่งสาแก่ใจนึกว่าจะกล่าววาจาได้ดีกว่านี้เสียอีก
‘หึ พวกเจ้ายังเด็กนัก’
ชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกันกับคำพูดของตาเฒ่าหลี่เพราะความอดอยากไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดลอยๆได้ความแห้งแล้งของแต่ละพื้นที่ก็มากเกินกว่าจะปลูกอะไรขึ้น ยังดีที่มีพื้นที่สองในห้าของเมืองนี้ที่สามารถปลูกพืชผลการเกษตรเลี้ยงคนทั้งเมืองอยู่หาไม่แล้วเมืองนี้คงกลายเป็นเมืองร้างเพราะผู้คนไม่ย้ายหนีก็พากันอดตายเสียหมด
"ท่านอย่าเพิ่งพูดไปหากข้าไม่มั่นใจก็คงไม่รับปากออกไปเช่นนั้น"
เมื่อเห็นชาวบ้านเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์พูดไปในแง่ลบซีเหมยก็รีบแสดงสิ่งยืนยันให้กับชาวบ้านได้เห็นว่าที่ตนพูดนั้นหาใช่สิ่งที่พูดอย่างเพ้อฝันไม่ นางได้เรียกพลังปราณออกมาก่อนจะควบแน่นพลังให้เป็นลูกบอลและปล่อยพลังนี้ขึ้นฟ้าก่อนจะร่ายคำเรียกฝนลงมา
การกระทำของเธอนี้อยู่ในสายตาของทุกคน รอไม่ถึงอึดใจฝนก็กระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย ชาวบ้านต่างตกใจเมื่อได้เห็นฝนที่ตกลงมาก่อนจะพากันดีใจโห่ร้องและบางคนถึงกลับดีใจจนร้องไห้ บ้างก็วิ่งหลบฝน บ้างก็วิ่งเล่นท่ามกลางสายฝนก่อนที่ชาวบ้านทุกคนจะนั่งลงคุกเข่าละกล่าวขอบคุณพร้อมสรรเสริญให้กับซีเหมยว่าคุณหนูเล็กเป็นเทพธิดาแห่งสายฝนประจำเมืองหนายโจ
ยามนี้สายตาของคุณหนูตระกูลรองทั้งหลายต่างมองและคิดริษยาพวกนาง ทั้งรูปโฉมที่งดงามแถมยังมีความสามารถที่พิเศษที่ไม่ธรรมดาจนพวกเธอนั้นเทียบไม่ติดเลยสักนิด
ผู้เฒ่าหลี่เริ่มร้อนรนเมื่อผลที่ออกมาต่างจากตนคาดไว้
‘ต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุดไม่งั้นคนที่จะลำบากก็คือคนของตระกูลรองทุกคน’
ที่แต่ก่อนพวกเขานิ่งเฉยก็เพราะว่าเจ้าเมืองไม่มีบุตรสิทธิ์การครองเมืองก็ตกมาที่หลี่หลงบุตรชายอีกคนของตน แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าเมืองตงโฉจะมารับบุตรบุญธรรมแถมยังให้มีสิทธิ์ร่วมดูแลปกครองเมือง มันทำให้หลี่เสี่ยวหลางโกรธจนแทบบ้าเขาอยากจะฆ่ามันนักไอ้ตงโฉคนเจ้าเล่ห์