หนึ่งสัปดาห์ต่อมา @บ้านของภูผาและเขียนฟ้า
"ได้ข่าวว่าพี่เมย้ายมาอยู่ที่ไทยถาวรแล้วนี่นา" เขียนฟ้าพูดขึ้นมาขณะที่คิมหันต์กำลังเล่นกับน้องซีลูกสาววัยหนึ่งขวบของภูผากับเขียนฟ้า
"อืมม" คิมหันต์ตอบกลับไปสั้นๆโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะสนใจกับการเล่นกับน้องซี เด็กหญิงอันดามันลูกสาวของภูผาและเขียนฟ้า อยู่
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยที่ทำให้คิมกลับมาอยู่คอนโด" เขียนฟ้ายังมองหน้าเพื่อนรักแล้วตั้งคำถามต่อ
"แล้วไอ้ภูจะกลับวันไหน" คิมหันต์ถามถึงเวลาเดินทางกลับของเพื่อนรักที่ไปประชุมงานที่ต่างประเทศไกลถึงอเมริกา
ซึ่งการเดินทางของภูผาในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไปเพียงลำพังทิ้งให้ภรรยาและลูกอยู่กันเพียงสองคน อันที่จริงแล้วภูผาอยากจะพาภรรยาและลูกสาวตัวน้อยไปด้วย แต่ด้วยเพราะน้องซียังเล็กอยู่ เขียนฟ้าจึงไม่อยากให้นั่งเครื่องไกลๆถึงแม้จะนั่งชั้นเฟิร์สคลาสก็เถอะ แต่ความกดอากาศบนเครื่องบินทำให้เขียนฟ้าเป็นกังวล เขียนฟ้าจึงตัดสินใจให้ภูผาไปเพียงลำพัง
"มะรืนนี้ก็กลับมาแล้ว ตกลงจะไม่ตอบคำถามเขียนเลยใช่มั้ย" เขียนฟ้ามองหน้าเพื่อนรักที่สนใจแต่กับการเล่นกับลูกสาวของเขาโดยไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย
"มีสักคนสิ" คำพูดของเขียนฟ้าทำให้คิมหันต์นึกถึงหน้าเมษาขึ้นมาทันที แล้วชะงักไปแป๊บหนึ่งก่อนที่จะทำตัวเป็นปกติไม่ให้เพื่อนสงสัย
"เมื่อไหร่จะเปิดใจให้ใครสักคนเข้ามาดูแลหัวใจสักที" เขียนฟ้าพูดขึ้นมาอย่างห่วงใยกับคนตรงหน้าที่เวลาผ่านมาสามปีกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เปิดใจรับใครสักคน ทั้งที่มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิตของเขาพร้อมที่จะดูแลเขา
"อยู่แบบนี้ก็สบายดี ไม่เห็นจำเป็นต้องมีใครมาให้เป็นภาระหนิ" คิมหันต์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จนเขียนฟ้าต้องถอนหายใจออกมากับคำพูดของเพื่อนรัก
"ไอ้ภูเคยบ่นว่าเบื่อบ้างมั้ย" คิมหันต์จับน้องซีมานั่งบนตักแล้วหันหน้ามาถามเขียนฟ้าด้วยน้ำเสียงปกติ จนคนฟังอย่างเขียนฟ้าพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อเจอคำถามนั้น
"นี่ ว่าใครน่าเบื่อ" เขียนฟ้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจนน้องซีลูกสาวที่ได้ยินเสียงแม่ถึงกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"โอ๋ อย่าทำหน้าแบบนั้นค่ะคนสวยของแม่ แม่ไม่ได้ว่าหนู" เขียนฟ้ายื่นมือมาอุ้มน้องซีพร้อมกับเปลี่ยนน้ำเสียงทันทีเพราะกลัวลูกสาวจะร้องไห้ จนเด็กหญิงนิ่งกอดแม่แล้วหัวเราะในเวลาต่อมา
"หึหึ" เสียงหัวเราะเบาๆของคิมหันต์ที่เห็นความน่ารักระหว่างแม่ลูก จนทำให้เขาเผลอคิดถึงเมษาขึ้นมา ถ้าเป็นเมษา เธอจะเลี้ยงลูกของเขาและรักลูกของเขาแบบนี้ไหมนะ
"วันนี้ว่างทั้งวันเหรอ" คำถามของเขียนฟ้าทำให้เขาตื่นจากความคิดแล้วมองหน้าเด็กน้อยที่ยิ้มให้เขาอย่างไร้เดียงสา
"อืมม" คิมหันต์ตอบกลับไปแล้วหันมาสนใจเล่นกับน้องซีที่อยู่อ้อมกอดของแม่ต่อ
"แอะ..แอะ" เสียงเด็กน้อยที่ร้องพร้อมกับยื่นมือไปหาคิมหันต์ ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องปล่อยให้เด็กน้อยไปอยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นอาที่เป็นเพื่อนรักแม่
"แล้วคิมเจอวาบ้างมั้ย ช่วงหลังวาเงียบไปเลย แอบเลี้ยงเด็กที่ไหนหรือเปล่า น้องเจนี่ก็มาบ่นให้ฟังว่าวาดูแปลกไป คิมรู้มั้ยว่าช่วงนี้วาทำอะไรอยู่" คำถามของเขียนฟ้าที่ถามถึงเพื่อนรักอีกคน ทำให้ชายหนุ่มพยายามเลี่ยงที่จะไม่ตอบในสิ่งที่รู้มาเพราะอยากให้เจ้าตัวพูดเอง
"ทำงานสิ โรงพยาบาลขยายไปหลายสาขาคงจะยุ่ง" คิมหันต์ตอบแบบขอไปที ทำให้เขียนฟ้าเห็นอาการแบบนั้นของเพื่อนรักก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้รำคาญกัน
"คุณเขียนจะให้ตั้งโต๊ะเลยมั้ยคะ" เด็กรับใช้เดินเข้ามาถามเรื่องการตั้งโต๊ะสำหรับอาหารเที่ยงวันนี้
"ตั้งเลยจ้ะ" เขียนฟ้าบอกกับเด็กรับใช้ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง ทำให้ทุกคนที่นี่รักเขียนฟ้ากันมาก
"อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ" หลังจากที่เด็กรับใช้เดินออกไปแล้ว.เขียนฟ้าก็หันมาบอกกับคิมหันต์ที่ยังเล่นกับน้องซีไม่หยุด
"ไม่หละ เดี๋ยวบ่ายมีนัด" คิมหันต์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งขณะที่อุ้มน้องซีอยู่
"อ้าว.ไหนว่าว่างทั้งวันไง" เขียนฟ้าพูดขึ้นมาอย่างตัดพ้อ
"เราว่างทั้งวัน แต่ต้องอยู่กับเขียนทั้งวันด้วยเหรอ เราไม่ใช่ไอ้ภูนะ"
"นี่ ตั้งแต่พูดเยอะขึ้นมาเนี๊ย ติดเชื้อวามาด้วยหรือไง ชอบจิกกัดซะจริง" เขียนฟ้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่ไม่ได้จริงจังอะไรเมื่อเจอคำพูดของเขาที่หลังๆเริ่มเผยความรู้สึกของตนเองมากขึ้น
"หึหึ ไปหละ อาไปก่อนนะครับน้องซี แล้วจะมาเล่นด้วยใหม่" คิมหันต์ยื่นเด็กน้อยคืนผู้เป็นแม่แล้วหอมแก้มเด็กน้อยฟอดใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
"แอะ..แอะ..จิม" เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อนกอดของผู้เป็นแม่ร้องเรียกชื่อคิมหันต์แต่ยังไม่ชัดนัก ทำให้คนที่ถูกเรียกหันมายิ้มให้บางๆอย่างยินดี
เวลา 13.00 น. @ร้านอาหารริมน้ำ
"สวัสดีครับนายน้อย" ปยุตเอ่ยทักทายนายน้อยของเขาที่เดินเข้ามายังร้านอาหารที่นัดคุยงานกับสถาปนิกที่จะมาดูแลการตกแต่งของโรงแรมใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว
"คุณปลายฟ้ากำลังจะถึงครับ" ปยุตเอ่ยบอกนายน้อยของเขาอย่างรู้งานทำให้อีกฝ่ายนั่งลงรอโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
"สวัสดีค่ะ..คุณคิมหันต์" ปลายฟ้าเดินเข้ามายังร้านและเดินมายืนทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตรที่นั่งรอเธอที่โต๊ะอาหาร
"สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ" คิมหันต์เอ่ยบอกอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าไปทางปยุตที่ยืนอยู่อย่างรู้กัน ทำให้ลูกน้องที่ติดตามมาเดินออกไปจากบริเวณนั้นแล้วมีอาหารเริ่มทยอยมาวางบนโต๊ะอาหาร
"ขอบคุณนะครับที่รับนัดวันนี้" คิมหันต์เอ่ยบอกกับปลายฟ้าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาของเขาที่มองอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่ทำให้ปลายฟ้าที่สบตาคุยกับถึงกับเขินอายจนต้องหลบสายตาของเขา
"ค่ะ ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันว่างเพิ่งกลับมายังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย งานคุณเป็นงานแรกหลังจากที่ฉันเรียนจบมาจากเมกาเลยค่ะ" ปลายฟ้าบอกกับอีกฝ่ายพยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่เกร็งกับการเผชิญหน้ากับเขา
"ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสกับบริษัทเรา" คิมหันต์ตอบกลับพร้อมยิ้มบางๆ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายประหม่าขึ้นมาอีก
"ฉันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น" ปลายฟ้ายิ้มตอบอย่างจริงใจ ทำให้คิมหันต์เผลอยิ้มตาม
"ทานอาหารก่อนดีกว่าครับแล้วคุยงานไปด้วย วันนี้ที่ผมนัดคุณมานั้นอยากจะคุยแบบสบายๆไม่ได้เป็นทางการอะไรมาก เหมือนทำความรู้จักกันเบื้องต้นเพื่อจะได้ทำงานกันไปทางเดียวกัน" ขณะที่คิมหันต์กำลังนั่งอธิบายสาเหตุของการนัดหมายครั้งนี้
ปลายฟ้าที่สบตาระหว่างที่ฟังเขาพูดอยู่นั้น เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อนเลย ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนที่นิ่ง พูดน้อย เย็นชา แต่การกระทำและคำพูดของเขาในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคุ้นเคยกันมานานทั้งๆที่เพิ่งเจอกันเพียงสามครั้งเท่านั้น
เวลาต่อมา @ร้านอาหารริมน้ำ
"จากที่ฟังคอนเซ็ปแล้วไม่น่าจะยากค่ะ ไว้ฉันจะร่างแบบให้คุณดูคร่าวๆก่อนว่าความคิดของเราตรงกันหรือเปล่า แบบนี้ดีมั้ยคะ" ปลายฟ้าสรุปบทสนทนาเรื่องการตกแต่งโรงแรมที่จะเปิดตัวของคิมหันต์ให้เขาฟังอีกรอบ
"ได้ครับ" คิมหันต์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่าย
"เรื่องงานคุยจบแล้ว เราสามารถคุยเรื่องอื่นกันได้มั้ย" ปลายฟ้าเปิดประเด็นการคุยกับอีกฝ่ายอย่างหยั่งเชิง
"ได้ครับ" คิมหันต์สบตากับอีกฝ่ายหนึ่งอยู่สักพักก่อนจะตอบเธอออกไป
"คุณเป็นยังไงบ้างหลังจากที่เราแยกกันในวันนั้น ตกลงว่าคุณได้ไปบอกเธอคนนั้นมั้ย" ปลายฟ้าถามออกไปอย่างอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย เหมือนความรู้สึกของเพื่อนที่ห่วงใยกันทั้งที่เธอกับเขาเป็นเพียงแค่คนที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น
"บอกครับ" คิมหันต์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ตกลงพวกคุณ.." ปลายฟ้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกแย่เมื่อคิดว่าเขามีคนรักแล้ว
"เธอแต่งงานกับเพื่อนรักของผม ตอนนี้มีลูกด้วยกันคนนึงครับ" คิมหันต์บอกกับอีกฝ่ายเมื่อเห็นเธอนิ่งไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เอ่อ ค่ะ คุณโอเคใช่มั้ย" คำถามที่แสดงถึงความห่วงใย แต่หัวใจกลับรู้สึกมีความสุขเมื่อรู้ว่าเขากับผู้หญิงคนที่เคยเล่าให้ฟังไม่ได้ลงเอยกันอย่างที่เธอคิดไว้
"ผมโอเคนะ เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว" คิมหันต์ตอบกลับพร้อมกับยิ้มบางๆให้เธอเหมือนกำลังบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร
"แล้ว..คุณ..เอ่อ..จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะถามว่าคุณมีแฟนหรือยัง" ปลายฟ้าตัดสินใจถามเขาไปตรงๆเพื่อจะได้ไม่ต้องมาคาดเดาเอาเอง
"ผมยังโสดครับ" คำตอบสั้นๆของคิมหันต์ที่ไม่ได้แฝงความหมายอะไร แต่คำตอบของเขากลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
"อ้อ เหรอคะ" ปลายฟ้าพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย
"คำตอบของผมทำคุณดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ" คิมหันต์เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย
"ปะเปล่าค่ะ แค่ดีใจที่มีเพื่อนร่วมชะตากรรม" คำพูดติดตลกของเธอทำเอาคิมหันต์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
"ยินดีที่รู้จักอีกครั้งอย่างเป็นทางการนะคะ..คุณคิมหันต์" ปลายฟ้าพูดหลังจากที่ชายหนุ่มหัวเราะคำพูดติดตลกของเธอ
"ครับ ยินดีที่รู้จัก" คิมหันต์เอ่ยทักทายกลับอย่างจริงใจอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
"นายน้อยครับ" ปยุตเดินเข้ามาหาคิมหันต์ที่โต๊ะอาหารเพื่อรายงานในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย
"อืมม ขอตัวสักครู่นะครับ" คิมหันต์ลุกจากเก้าอี้เดินไปยังระเบียงร้านอาหารโดยมีปยุตเดินตามหลังไปด้วย
"คุณหนูใหญ่ออกไปกับผู้ชายที่เจอกันในงานเลี้ยงเปิดตัวควีนส์ปาร์คครับ ดูท่าทางจะสนิทสนมพอควร นายน้อยจะให้ผมสีบประวัติผู้ชายคนนั้นมั้ยครับ" ปยุตรายงานในสิ่งที่ทำเป็นประจำตั้งแต่ครั้งที่คิมหันต์ได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเมษา เขาก็ให้ปยุตสั่งลูกน้องตามรายงานความเป็นไปของเมษามาตลอดสามปั พร้อมกับคำถามอย่างรู้ใจนายของตนหากว่ามีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้หญิงสาว
"ไปสืบมาว่ามันเป็นใคร?"