กลุ่มสถาปนิกมือดีของบริษัทนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่ภายในห้องมาร่วมหลายชั่วโมงแล้ว เสียงถอนหายใจดังขึ้นถี่เมื่อเพ่งมองตัวอักษรสีแดงที่ลูกค้ากำกับมา
“เมื่อไหร่ซินแสจะหมดโลกไปสักที”
‘น้ำเหนือ’ สบถออกมาด้วยความหัวเสีย แปลนบ้านที่เธอและเพื่อนร่วมที่อดหลับอดนอนทำมาเป็นอาทิตย์ถูกรื้อแก้ไขเสียจนหมดเพียงเพราะคำว่าฮวงจุ้ย
“มีปัญหากับพวกกูยันประตูเลยนะมึง”
‘เปรมชัย’ หนุ่มนักเรียนนอกอนาคตไกลพูดขึ้นด้วยความเอือมระอา ดวงตาคู่คมหรี่มองข้อความที่อธิบายความเชื่อตามหลักศาสนาไว้เต็มหน้ากระดาษ การจะสร้างบ้านมันควรจะดูความเหมาะสมไม่ใช่ตำราที่พิสูจน์ไม่ได้แบบนี้
“บอกลูกค้าว่าเราแก้ไขได้เฉพาะบางส่วน”
“แม่งถ้าเรื่องมาก ก็ให้ไอ้ซินแสมันทำเอง!”
“เอาไงดีเหนือ”
ร่างสูงของ ‘สนธิ’ ทรุดนั่งบนเก้าอี้ด้วยศีรษะที่หนักอึ้งเกินจะบรรยาย ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่มีไหวพริบในการแก้ปัญหามากที่สุดในทีม บางคราก็สามารถปราบซินแสได้อยู่หมัดหากได้ปะทะกัน
“ปรับเท่าที่เราปรับได้ ส่วนที่เหลือก็ไปสู้รบกันอีกที”
“เอางั้นเหรอ แต่ลูกค้าแม่งเชื่องมงายจัดๆ เลยนะเว้ย”
เปรมชัยยังคงกังวลเมื่อได้เห็นนิสัยใจคอของลูกค้า ขนาดวันที่นัดพวกเขาคุยเรื่องแปลนบ้านอีกครั้งยังไปดูวันมงคลทำเอาทั้งทีมแทบเอาเท้าเกยหน้าผาก
“เชื่อมือฉัน คอยดูนะซินแสก็ซินแสเถอะเจอแม่น้ำเหนือเข้าไป เดี๋ยวจะได้รู้สึก”
“พวกฉันเชื่อมือแกนะเว้ยเหนือ ห้ามพลาดเด็ดขาด”
คนตัวเล็กยกมือขึ้นกอดอกด้วยความมั่นใจพร้อมริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นมา มือเรียวรีบแก้ไขแปลงบ้านใหม่อีกครั้งเพื่อเตรียมนำเสนอให้ลูกค้าในวันพรุ่งนี้
“ใกล้เลิกงานแล้ว แกกลับยังไงเหนือ”
“ขอติดรถกลับด้วย ไม่มีเงินเติมน้ำมัน”
น้ำเหนือเงยหน้าจากกองงานที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง พร้อมส่งสายตาออดอ้อนเพื่อนสนิทให้เห็นใจเธอ หลายวันมานี้หญิงสาวต้องนั่งรถเมล์มาทำงานอย่างยากลำบาก แถมจะทานข้าวแต่ล่ะมื้อยังต้องบังคับให้สองหนุ่มผลัดกันเลี้ยง
“แกเป็นลูกคุณหนูที่โคตรรันทดฉิบหายเลยว่ะ”
สนธิอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยความขบขัน คนตรงหน้าเขาใช่ว่ายากจนข้นแค้นทว่าเป็นถึงลูกสาวคนเล็กของตระกูลรัตนะฉัตรชัย เจ้าของบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
เหตุผลที่มาอยู่ในสภาพนี้เพียงเพราะไม่ยอมเข้าไปรับตำแหน่งในบริษัทของตัวเอง และขัดคำสั่งบิดาผู้บังเกิดเกล้าจนถูกตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยอย่างที่เห็น
“รีบไหม ขอไปขโมยทิชชูบริษัทกลับห้องก่อน”
“แม่ง โคตรน่าอับอายเลยเหนือ!”
เปรมชัยส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นร่างบอบบางรีบหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองไปห้องน้ำอย่างไว ยอมรับในความอดทนของหญิงสาวเสียเหลือเกินที่ไม่ยอมกลับไปขอความช่วยเหลือจากใครในขณะที่ลำบากแบบนี้
น้ำเหนือยกแขนดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ คิ้วสวยขมวดเข้าด้วยกันอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเวลาล่วงเลยมานานหลายนาทีแล้ว ทั้งๆ ที่พวกเธออุตส่าห์มาถึงก่อนเวลาเพื่อเตรียมนำเสนองานให้กับลูกค้า
“มาแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีมาสายนิดหน่อย”
ครึ่งชั่วโมง นิดหน่อย?
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หญิงสาวกัดฟันพูดออกมาพร้อมคลี่รอยยิ้มหวานใส่ ใบหน้าสวยเอียงมองซินแสตัวดีที่เดินมาทรุดนั่งข้างๆ เห็นแววตาคมกริบจ้องกลับมาก็ทำเอามือเท้ากระตุกไม่หยุด
“เดี๋ยวน้ำเหนือจะให้คุณเปรมชัยอธิบายบริเวณภายในของตัวบ้านก่อนนะคะ”
เปรมชัยยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท้ายาวก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะเริ่มเข้าสู่โหมดทำงานจริงจัง อธิบายบริเวณภายในของบ้านรวมไปถึงการจัดวางหน้าต่าง ประตู
“อั๊วคิดว่าเราคุยกันแล้วนะ เรื่องเสาบ้าน”
ซินแสเอ่ยทักขึ้นมากกลางปล้องทำเอาชายหนุ่มด้านหน้าหยุดชะงัก มือหนากำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์จนน้ำเหนือรีบหันสายตาปรามเพื่อนสนิทให้ใจเย็นลง
“เราไม่สามารถเอาเสาออกจากตรงหลังคาที่มันต่อกันได้ค่ะ”
“อั๊วบอกแล้วไงครับว่าหากมีเสาตรงนั้นมันจะบดบังช่องทางการเข้าของเงิน”
“ก่อนที่จะรวยมีหวังหลังคาพังทุบหัวเจ้าบ้านก่อนนะสิคะ” หญิงสาวกระแทกเสียงตอบซินแสอายุราวคราวเดียวกับพ่อตัวเอง ก่อนจะเอ่ยสำทับเหตุผลเพิ่มเข้าไปอีกครั้ง
“เสาบ้านเป็นรากฐานหลักที่ทำหน้าที่สำคัญในการรองรับน้ำหนักทุกชั้นของบ้าน โดยเฉพาะน้ำหนักจากหลังคา”
มือเล็กชี้ไปยังโครงสร้างแปลนบ้านจำลองในระบบ3D ซูมขยายเข้าไปดูโครงสร้างภายในของบ้านที่ได้มีการออกแบบเอาไว้อย่างรัดกุมและรอบคอบมากที่สุด
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การมีเสาอยู่ตรงนั้นจะทำให้เทพเจ้าไม่สามารถเดินเข้าออกบ้านได้”
“แล้วเทพเจ้าจะมาเดินสะเหล่ออยู่ในบ้านคนทำไมวะ”
ดูเหมือนความอดทนของสนธิจะสิ้นสุดลง เขาลอยหน้าลอยตาพูดตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว และไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเทพเจ้าห่าเหวอะไรจะเข้าออกบ้านไม่ได้
“อย่ามาพูดลบหลู่แบบนี้!”
ซินแสมีอายุยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มแทบจะในทันที เดือดร้อนน้ำเหนือที่ต้องห้ามปรามเพื่อนสนิทไม่ให้ตอบโต้ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้
“เรื่องเสาช่างมัน แต่ประตูแบบนี้ไม่เอาๆ”
เปรมชัยที่กำลังจะอ้าปากนำเสนองานต่อต้องเงียบปากอีกครั้ง เขานับหนึ่งถึงสิบในใจพร้อมๆ กับลิสต์รายการจุดที่ต้องแก้ไขเมื่อเจ้าของบ้านเห็นดีเห็นงามด้วย
“ต่อไปจะเป็นเรื่องบริเวณภายนอกของบ้านนะคะ”
เพียงเห็นแปลนที่วางไว้ของบริเวณภายนอกตัวบ้านบุคคลที่ทีมสถาปนิกเกลียดเข้ากระดูกดำก็แผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเหนือเหลือบสายตามองคนตรงหน้าวิจารณ์งานของเธออย่างไม่มีมารยาท
“สระน้ำแบบนี้ไม่เอา บอกแล้วไงว่าให้ทำสระน้ำกลางบ้าน”
หัวจะปวด!
“โดยภาพรวมบ้านตัวอย่างที่ลูกค้าอยากได้ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการสร้างสระน้ำไว้กลางบ้าน”
กลายเป็นว่าหญิงสาวต้องมานั่งร่ายยาวข้อเสียร้อยพันแปดของการสร้างสระน้ำไว้กลางบ้าน เธอไม่เล็งเห็นถึงความจำเป็นเลยสักนิดแถมยังสร้างความยุ่งยากเป็นเท่าตัวอีก
“ไม่ฟังๆ หากไม่ทำสระน้ำกลางบ้านเงินทองจะไหลมาเทมาได้ยังไง”
“ทำก็ได้ค่ะ”
ซินแสยิ้มเย้ยอย่างสะใจเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะหันไปเป่าหูเจ้าของบ้านให้คล้อยตามตามความคิดของตน
“หากจะทำสระน้ำกลางบ้านลูกค้าจะต้องเตรียมงบสำหรับเจาะพื้นกระเบื้อง ทำระบบติดตั้งน้ำ ฝังท่อกันน้ำซึม รวมๆ แล้วหลายแสนอยู่นะคะ”
ลูกค้านั่งลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะรีบปฏิเสธและเห็นด้วยกับทีมสถาปนิกในเรื่องสระน้ำไว้ข้างบ้านแทน
“อั๊วตรวจเช็กดวงชะตาครอบครัวของพวกลื้อแล้ว ไม่ถูกโฉลกกับทีมสถาปนิกชุดนี้”
“อ้าว! อยู่ๆ มาพูดแบบนี้ได้ไงลุง”
สนธิถกแขนเสื้อเพื่อเตรียมวางมวยกับซินแสเมื่ออยู่ๆ ก็มาพูดจาหาเรื่องกันแบบนี้ และที่สำคัญลูกค้าก็ต่างพากันวิตกกังวลจนเกินเหตุ
“ลื้อเห็นไหมว่าคนพวกนี้มันขัดอั๊วทุกอย่าง”
“ก็ที่ลุงพูดมามันปัญญาอ่อนทั้งนั้น!” เปรมชัยลุกขึ้นจากเก้าอี้พูดสำทับขึ้นมาอีกคน
“กล้าดียังไงมาว่าอั๊ว!”
“เงียบ!”
เสียงหวานตวาดลั่นออกมาทำเอาห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ ภาพหญิงสาวก้มหน้านั่งตัวสั่นเทาทำเอาสองชายหนุ่มทีมสถาปนิกขมวดคิ้วสงสัย
“เป็นอะไรวะไอ้เหนือ”
“อาหมวยหลิน นี่อาม่าเอง”
ลูกค้าต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดหลังมีผู้หญิงเอาชื่อคนเป็นยายที่เพิ่งล่วงลับไปแล้วมาอ้างถึง ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยตักเตือนก็ต้องหยุดชะงัก
“ขนมกุ้ยฮวาฝีมือลื้ออร่อยมาก ปีหน้าทำให้อาม่าอีกนะ”
“ฮือ อาม่าขา”
หญิงสาวก้มหน้าร้องไห้ออกมาแทบจะในทันที เธอรีบลุกขึ้นไปกอดคนตรงหน้าที่เชื่อมั่นว่าเป็นอาม่าเพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอเพิ่งทำขนมของโปรดไปไหว้ที่สุสาน
“ที่อั๊วมาหาลื้อก็เพราะเป็นห่วง บอกแล้วไงว่าอย่างมงายให้มากนัก เดี๋ยวจะเจอดี”
มือเล็กชี้หน้าอย่างคาดโทษก่อนจะขยับใบหน้าจ้องเขม็งซินแสมีอายุ แววตากลมโตแข็งกร้าวฉายชัดความน่ากลัวออกมาทำเอาสองหนุ่มนั่งกอดกันกลม
ไอ้เหนือผีเข้า!
“เชื่อคนมีความรู้ ฟังคำของอาม่าให้ขึ้นใจ”
“ค่ะอาม่า หมวยหลินจะเชื่อคำของอาม่า”
คนเป็นหลานที่คอยเชื่อฟังญาติผู้ใหญ่มาโดยตลอดเอ่ยตอบกลับอย่างหนักแน่น ไม่ทันจะได้พูดคุยให้หายคิดถึงร่างเล็กก็สั่นเทาอย่างหนักก่อนจะหมดสติไป
“ไอ้เหนือ!”
เปรมชัยรีบวิ่งไปประคองเพื่อนสนิทที่อยู่ๆ ก็เป็นลม พร้อมหันหน้ามองลูกค้าที่มีท่าทางแปลกไป พวกเขายืนครุ่นคิดไม่นานก็เห็นเจ้าตัวพยักหน้าตกลงเซ็นสัญญาอย่างไม่อิดออด
“ฉันไม่ปรับแก้ตรงไหนแล้วค่ะ”
“เออ ที่ซินแสบอกเมื่อกี้ก็ไม่ปรับเหรอครับ”
“ค่ะ เอาตามที่พวกคุณเสนอมาได้เลย”
เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ทันทีที่ลูกค้าและซินแสตัวดีก้าวเดินออกไปจากห้องสองหนุ่มก็ส่งเสียงด้วยความดีใจสุดขีด
“ไปแล้วเหรอ”
เสียงหวานเอ่ยถามเป็นจังหวะเดียวกันที่ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นทีละนิด น้ำเหนือผละออกจากคนเป็นเพื่อนพร้อมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว เมื่อกี้แกโดนผีเข้าไม่ใช่เหรอไอ้เหนือ”
“ผีอาม่าใช่ไหม” เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อย่าบอกนะว่า”
สนธิและเปรมชัยอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อเห็นคนตรงหน้าไหวไหล่ตอบ พวกเขาก็นึกว่าหญิงสาวมีอาการผีเข้าจริงๆ
“พอดีเข้าไปสืบข้อมูลมา ฉันเห็นลูกค้าเพิ่งจะลงภาพไปไหว้อาม่าที่สุสาน” และก็ได้รู้ว่าอาม่าของลูกค้าโปรดปรานขนมกุ้ยฮวามากแค่ไหน
“ไอ้เหนือแม่ง! ไม่กลัวผีอาม่ามาหักคอเรื่องไปหลอกลูกหลานเขาแบบนั้นเหรอวะ”
“ฉันไม่ได้ประสงค์ร้ายสักหน่อย”
น้ำเหนือตอบกลับอย่างลอยหน้าลอยตา อันที่จริงเธอไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนี้ก็ได้หากไม่เห็นความมีพิรุธจากไอ้ซินแสปลอม เธอเจอคนมาเยอะและก็รู้ทันว่าใครพูดความจริงใครตอแหล
“ไอ้ซินแสนั่นมันมิจฉาชีพ ดูก็รู้ว่าไม่มีความรู้ห่าเหวอะไรเลย”
“ข้าน้อยขอคารวะ”
สองหนุ่มแกล้งโค้งคำนับเพื่อนสาวคนสนิทที่ไหวพริบดีเลิศ แถมยังแสดงละครตบตาเก่งเสียจนอย่างจะมอบรางวัลตุ๊กตาทองให้
.
.
.