2

1140 คำ
2 สิรินยาถูกเลี้ยงดูต่างจากพี่สาวที่ได้แต่ของใหม่ๆ ส่วนหล่อนได้ของเก่า ของใช้แล้วจากคนเป็นพี่หรือของบุคคลอื่นที่ให้มา และถูกเลี้ยงดูจากน้าอ้อย น้องสาวของมารดาที่มาอาศัยอยู่ด้วย น้าอ้อยเลี้ยงดูสิรินยาแลกข้าวแลกน้ำและที่อยู่อาศัย ได้รับเงินค่าจ้างเล็กน้อยตามสมควร ด้านความรักไม่ต้องพูดถึง หล่อนแทบจะไม่ได้ไออุ่นจากพ่อและแม่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อ้อมกอดของทั้งคู่เป็นอย่างไร อบอุ่นมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นฝาแฝดกัน สิริยากรให้ความรักต่อน้องสาว หล่อนแบ่งปันสิ่งของให้เสมอ มักออกปากบอกบุพการีให้ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ของเล่นหรืออุปกรณ์การเรียนให้สิรินยา หากแฝดพี่ไม่พูดแฝดน้องก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ไม่มีใครรู้ว่า ฃความรักของแฝดพี่ มักทำให้แฝดน้องโชคร้ายเสมอ เป็นเพราะสิรินยาจะถูกมารดาตีทุกครั้งที่ได้ของเหล่านั้น หาว่าหล่อนไปพูดข่มขู่ บังคับให้สิริยากรบอกให้พ่อแม่ซื้อของให้ ซึ่งในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย สิรินยาจึงไม่อยากได้อะไรจากพ่อและแม่ หล่อนจะเก็บเงินจากเศษเงินที่ชาติชายและสาวินีเจียดให้ เพื่อซื้อของที่ตัวเองอยากได้ และหารายได้พิเศษด้วยการทำงานหลังเลิกเรียน “แกจะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไรหนักหนา อยากจะตายตามย่าแกไปหรือไง” สาวินีมองสิรินยาด้วยสายตาไม่พอใจ ยิ่งนานวันเข้า นางยิ่งขัดหูขัดตาลูกคนนี้มากขึ้น “ไป ไปขึ้นรถ เราต้องไปบ้านสวนของย่ากัน” “ไปทำไมคะแม่” สิรินยาปาดน้ำตาราวกับเด็กน้อย ช้อนตามองมารดาด้วยประกายตาเศร้าสร้อย “เปิดพินัยกกรรมย่าแกน่ะสิ” เสียงเกรี้ยวกราดของมารดาตอบกลับ “ย่ามีพินัยกรรมด้วยหรือคะ” หล่อนถามคนเป็นแม่ด้วยความสงสัย จำเนียรเป็นอดีตครู หลังจากเกษียณการทำงาน นางก็พักอาศัยในบ้านสวนแถวจังหวัดนครปฐมจนสิ้นอายุขัย ฐานะจำเนียรไม่ใช่คนร่ำรวย ไม่มีสมบัติมากมาย อยู่อย่างพอมีพอกิน สิรินยาจึงไม่คิดว่าจำเนียรจะมีพินัยกรรม “ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก หลานลุงมีที่อยู่บ้านติดกับย่าแกเดินมาบอก แกรีบไปเถอะ รอแกอยู่คนเดียวนี่แหละ” สาวินีไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน นางรู้พร้อมญาติพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกับสามีเมื่อครู่นี้ ทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการตกใจ ไม่คาดคิดว่าจำเนียรจะมีพินัยกรรม พากันสงสัยว่าจำเนียรมีทรัพย์สินอื่นด้วยหรือนอกจากบ้านสวน “รีบตามมา ถ้าช้าฉันจะหวดแก” สิรินยาทำตามที่มารดาสั่ง หล่อนลุกขึ้นยืน ประนมมือไหว้เมรุอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามสาวินีไปที่รถยนต์ของบิดา แล้วเมื่อหล่อนนั่งประจำที่ รถยนต์ก็ขับเคลื่อนออกไปยังจุดหมายทันที บ้านไม้ชั้นเดียวกลางสวนคือสถานที่เปิดพินัยกรรม บุตรธิดาทั้งสามของจำเนียรเดินทางมาพร้อมครอบครัว ทุกคนที่ก้าวขึ้นไปบนบ้านต่างเคลือบแคลงสงสัยเรื่องพินัยกรรม แต่ละครอบครัวพูดคุยกันมาตลอดทางเรื่องนี้ เท่าที่พวกเขารู้จำเนียรมีทรัพย์สินเพียงบ้านสวน และสวนผลไม้เนื้อที่เจ็ดไร่ ซึ่งลูกทั้งสามมีความเห็นตรงกันว่าจะขายทั้งหมดเพราะไม่มีลูกคนไหนอยากอยู่ที่นี่ แล้วนำเงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินมาแบ่งเท่าๆ กัน ถึงแม้ว่าในพินัยกรรมจะระบุให้ใครคนหนึ่งก็ตาม “อย่าลืมที่เราคุยกันไว้นะ ถ้าแม่ให้บ้านและที่ดินกับใคร ก็ต้องขายเอาเงินมาแบ่งเท่าๆ กัน” เกรียงศักดิ์ลูกชายคนโตของจำเนียรบอกจำรูญและชาติชาย น้องสาวและน้องชายเมื่อมาถึงบ้าน “รู้แล้วน่า” จำรูญตอบกลับ “พี่ก็อย่าลืมก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าได้แล้วไม่แบ่งฉันกับชายล่ะ” ความที่รู้นิสัยพี่ชายดีว่า ขี้เหนียว ขี้งกและเห็นแก่ตัว ทำให้หล่อนไม่มั่นใจว่าหากมารดายกสมบัติให้เกรียงศักดิ์ ข้อตกลงยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ “ฉันไม่ลืมหรอก ตกลงกันยังไงก็อย่างนั้น” เกรียงศักดิ์คิดทำตรงข้ามกับปากพูด หากพินัยกรรมระบุว่าเขาได้ครอบครองที่ดินผืนนี้ นั่นเท่ากับว่าชอบด้วยกฎหมาย มีหรือที่เขาจะแบ่งเงินให้น้องทั้งสองคน จบคำพูดของเกรียงศักดิ์ ทนายจักรกฤตญ์ที่เดินทางมาถึงบ้านสวนของจำเนียรหลังสุดก็ก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับตามี เขาประนมมือไหว้ลูกทั้งสามของจำเนียร ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายตัวเดียวกันกับที่ลุงมีนั่ง เปิดกระเป๋าที่ตนถือมา หยิบซองสีน้ำตาลที่ปิดผนึกออกมาโชว์ให้ลูกหลานจำเนียรดู “นี่คือพินัยกรรมของยายจำเนียรครับ ผมในฐานะทนาย และตามีในฐานะพยาน ทำตามคำสั่งของยายเนียรว่าวันเผาศพของยายเนียรคือวันเปิดพินัยกรรม ผมจึงบอกให้พวกคุณมาที่นี่ครับ” ทนายหนุ่มเกริ่น ก่อนจะเปิดซองที่ปิดผนึกออก หยิบพินัยกรรมออกมา “เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผมขอเปิดพินัยกรรมนะครับ” ลูกหลานของจำเนียรต่างพากันตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าบ้านสวนพร้อมที่ดินแห่งนี้จะตกอยู่ในมือใคร หรือถูกแบ่งสรรปันส่วนให้กับลูกทั้งสามเท่ากัน จักรกฤตญ์อ่านข้อความในพินัยกรรมจนถึงแก่นสำคัญ ที่ทุกคนพากันตั้งใจฟัง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดขัดจังหวะ “บ้านสวนและที่ดินจังหวัดนครปฐม เงินสดในบัญชีธนาคารสามแห่งรวมทั้งสิ้นเจ็ดล้านแปดแสนเก้าหมื่นสามพันสี่ร้อยบาท และที่ดินในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 70 ไร่ จังหวัดอยุธยา 80 ไร่ จังหวัดราชบุรี 35 ไร่ จังหวัดเชียงใหม่ 62 ไร่ และอุบลราชธานี 55 ไร่ ยกให้เป็นสมบัติของ นางสาวสิรินยา นาควลัยแต่เพียงผู้เดียว พินัยกรรมของคุณยายเนียรมีแค่นี้ครับ” จำเนียรมีมรดกเป็นร้อยล้าน! หลังกจากเสียงจักรกฤตญ์เงียบลง ทุกคนที่อยู่ในอาการตกใจต่างหันมามองสิรินยาเป็นตาเดียว ด้วยความคาดไม่ถึงว่าจำเนียรจะมีสมบัติมากขนาดนี้ มูลค่าของทรัพย์สินที่จักกฤตญ์กล่าวมามีมูลค่าไม่น้อยเลยทีเดียว แค่ที่ดินในจังหวัดภูเก็ตก็ปาเข้าไปหนึ่งร้อยล้านกว่าบาทแล้ว ยังไม่นับรวมกับส่วนอื่นๆ อีก มูลค่าที่มากมายมหาศาลทำให้ความโลภเข้าครอบงำจิตใจพวกเขาทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม