“จะกลับแล้วจริงๆเหรอพี่” ทูไนท์กล่าวเมื่อเราสามพี่น้องมาถึงสนามบิน ซึ่งผมก็ได้จัดการคืนรถไปก่อนกำหนด เพราะผมต้องรีบกลับไปรับของจากคุณเบนซ์
“ก็กลับจริงๆน่ะสิ…มาถึงนี่แล้ว” ผมกล่าว ซึ่งผมก็ได้จองตั๋วแบบเร่งด่วนไปตั้งแต่เมื่อวาน และก็เป็นโชคดีของผมที่เครื่องบินยังมีที่นั่งเหลือหนึ่งที่พอดิบพอดี
“ว่างๆก็ขึ้นมาหาเราบ้างนะ” ทูไนท์กล่าวก่อนจะเดินมากอดผม
“อือ…พี่จัดการธุระอะไรที่นั่นเสร็จก็จะกลับมาดำเนินเรื่องที่นี่ต่อ” ผมกล่าว ซึ่งในวันนี้แม่ก็บอกว่าจะไปยื่นใบลาออก แต่ถึงยังไงก็ยังต้องใช้เวลาอีกสองเดือนเพื่อจัดการอะไรหลายๆอย่างในบริษัทให้เรียบร้อยและหาคนมาแทน มันก็น่าจะพอดีกับเวลาที่ผมสร้างตัวเสร็จ
“ไว้เจอกันครับ” ไทม์กล่าวพร้อมกับเดินมากอดผม ซึ่งผมก็กอดตอบ
“อย่าลืมล่ะ…ดูแลน้องดีๆ” ผมกระซิบข้างหูไทม์เพื่อย้ำให้เขาคิดอะไรให้มากขึ้น
“พี่ไม่บอกไทม์ก็ทำอยู่แล้วครับ” ไทม์กล่าวก่อนที่เราทั้งสามจะโบกมือลากันและผมก็เข้าไปในเกท
ณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
“เดี๋ยวจัดการอะไรเสร็จแล้วจะโทรหานะครับ” ผมกล่าวกับปลายสายซึ่งก็คือพี่ส้ม โดยที่ในตอนนี้ผมได้มาถึงหอพักของผมแล้ว
ตื๊ด ตื๊ด
“สวัสดีครับ” ผมวางสายยังไม่ทันไรก็มีอีกสายโทรเข้าหาผมทันที
“ทีหรือเปล่าครับ?…ลุงรันเอง” ปลายสายกล่าว
“ครับสวัสดีครับ” ผมตอบกลับและรอให้อีกฝ่ายกล่าวธุระออกมา เพราะผมเชื่อว่าลุงแกไม่โทรหาผมแบบนี้หรอก
“ตอนนี้ว่างหรือเปล่า…มากินข้าวกันไหม?” ลุงรันกล่าวถาม ซึ่งทำให้ผมมั่นใจไปอีกว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องงานแน่ๆ
“สะดวกครับ…เป็นที่ไหนดีครับลุงรัน?" ผมกล่าวถามกลับไปอย่างสุภาพ
“ใบไม้ก็ได้…เด็กๆอย่างเธอน่าจะชอบ” ลุงรันกล่าว ซึ่งผมก็ตอบรับทันทีเพราะร้านใบไม้ก็อยู่ก่อนถึงซอยที่ผมอยู่พอดี ผมขับรถมอเตอร์ไซต์ไปก็ได้ แล้วยิ่งเวลาในตอนนี้ก็ราวๆ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ไปจิบชากินโรตีก่อนนอนสักหน่อยคงจะดี
22 : 10
ในตอนนี้ผมกำลังยืนรออยู่หน้าร้านลานชา ซึ่งตรงข้ามกับร้านเหล้าชื่อเคลิ้ม ในร้านนั้นคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์หรรษา แถมยังเป็นช่วงที่เด็กปีหนึ่งกำลังร่าเริง แต่ละคนที่อยู่ในร้านส่วนใหญ่จะเป็นเฟรชชี่ที่รุ่นพี่พามาเที่ยวทั้งนั้น
“ไอโดมไอสัส” ผมกล่าวเมื่อมีชายคนหนึ่งเดินผ่านผมไป
“อ่าว” ไอโดมหันกลับมามองผม ซึ่งดูเหมือนมันกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“กูให้มึงไปศึกษางานมาทำเหี้ยไรที่นี่” ผมกล่าวถามก่อนมันจะดึงแขนผมไปทางเดินห้องน้ำ
“ค่อยด่ากู ไปด้วยกันก่อน” มันกล่าวก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำและจัดการธุระจนเสร็จและเดินออกมาหาผม พร้อมกับเดินพาผมเข้าไปในเคลิ้ม
“มึงไปทำอะไรใครไว้ไหม?” โดมกล่าวถามผมก่อนที่จะถึงโต๊ะ ซึ่งโต๊ะที่มันนั่งดื่มด้วยก็คือเพื่อนๆของพวกเราที่มาจากมัธยมเดียวกันนั่นเอง
“ทำไม?” ผมกล่าวถามและยิ้มทักทายเพื่อนๆ ซึ่งด้วยออร่าของผม ความสูงและสีตา ทำให้หลายคนในร้านจับจ้องผมเป็นพิเศษ โดยที่โต๊ะของพวกเราก็อยู่หน้าเวทีอีกซะด้วย
“มีนักเลงถามหามึงอะดิ…นั่งอยู่ข้างหลังสุดมันมองกูไม่หยุดเลย” โดมกล่าว ทำให้ผมเริ่มหันไปมองรอบๆและก็ได้สบตาไปหลายคน จนสะดุดไปที่ชายคนที่ผมมีเรื่องด้วย เกี่ยวกับเรื่องของพี่เอม และโต๊ะนั้นส่วนใหญ่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมกันไปหมด โดยที่พวกมันก็กำลังจ้องมองผมอยู่เช่นกัน
“เออ…ไม่ต้องกลัว” ผมกล่าวและขอสลับที่นั่งกับไอโดมเพื่อสายตาของผมจะได้จ้องมองมันกลับจังๆ และผมก็มองพวกมันอยู่อย่างนั้น จนพวกมันเริ่มหันหน้าคุยกันและชี้หน้าผมออกไปข้างนอก ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมยังคงนั่งจ้องมองพวกมันเฉยๆ
วึบ
จนสักพักไฟในร้านกลายเป็นสีแดง น่าจะเป็นสัญญาณว่ามีตำรวจมา ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ออกไปจากร้าน แต่มันไม่ทันแล้วนี่สิ เพราะพวกตำรวจก็เดินมาถึงหน้าร้านแล้ว และผ่านไปเพียงครู่เดียวรถตำรวจก็เข้ามาจอดในซอยมากมาย ทำให้ไม่มีใครสามารถหนีออกไปได้ แต่ละคนหน้าเสียกันไปหมด ยิ่งมีรถทหารมาพวกเขาก็ยิ่งกลัวมากกว่าเดิม และคิดว่าคงไปไหนไม่ได้แล้ว
“ขออนุญาติตรวจบัตรประชาชนด้วยนะครับ” ตำรวจคนหนึ่งกล่าวเสียงดังหน้าร้าน และทำให้เจ้าของร้านต้องออกไปรับหน้า แต่เขาก็ไม่สามารถจัดการเรื่องได้ นี่ถ้าหากตรวจเจอ ซึ่งเจอแน่ๆ เด็กอายุต่ำกว่ากำหนด ร้านอาจจะถูกปิด
โดยที่เจ้าของร้านก็พยายามอย่างสุดความสามารถ ทั้งเดินบังทางเข้า และพยายามเจรจาต่อรอง แต่ดูเหมือนตำรวจยศใหญ่นั้นจะไม่สนใจ และพยายามผลักเขาออกเพื่อต้องการเดินเข้ามาในร้าน
ตื๊ด ตื๊ด
“ครับลุงรัน" ผมกล่าวทักปลายสายก่อนจะละสายตาไปจากเพื่อนๆในโต๊ะ ซึ่งพวกเขาดูลุกรนกันมาก ก็แน่ละ แต่ละคนอายุยังไม่ถึง และผมก็กำลังมองหาคนที่โทรหาผม เพราะเชื่อว่าลุงรันน่าจะมากับขบวนรถตำรวจนี้ด้วย และแล้วชายชุดทหารเจ็ดคนก็เดินออกมาจากรถ แต่พวกเขาไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับร้านเหล้า พวกเขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
“เธออยู่ในร้านเหรอ?” ลุงรันกล่าวถาม เพราะมีเสียงมากมายแทรกเข้าไปในสาย
“ครับ” ผมตอบรับก่อนที่ลุงรันจะเดินมาหน้าร้านและตำรวจยศสูงคนนั้นก็ทำความเคารพลุงรัน ซึ่งเจ้าของร้านที่เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ยอมอย่างเดียว ลุงรันได้เดินเข้ามาในร้านและผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินไปหาลุงรันเช่นกัน ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่ผม เพราะพวกตำรวจเพิ่งจะสั่งให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นมาไหว้ลุงรันซึ่งลุงรันก็ยิ้มให้กับผม
“ผมพาเพื่อนไปด้วยได้ไหมครับ?” ผมกล่าวถามไปตรงๆ
“ได้สิ” ลุงรันเองก็ตอบรับในทันที ทำให้ทุกคนสับสนกันไปหมด แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเพื่อนๆของผมก็ไม่พลาดโอกาส พวกเขาเดินตามผมออกมาจากร้านทันที
“ขอบคุณครับ!” แต่จู่ๆก็มีเสียงขอบคุณดังขึ้นมาจากพวกทหาร ซึ่งพวกเขาก็คือหน่วยรบพิเศษที่ผมได้เข้าไปช่วยเหลือจับกุมกลุ่มคนร้ายไว้ โดยที่พวกเขาทั้งเจ็ดคนกำลังวันทยาหัตถ์ให้กับผม
“ครับ” ผมกล่าว และด้วยความเคยชินผมก็ยกมือขึ้นมาวันทยาหัตถ์ให้พวกเขาด้วย
“วันนี้ลุงรันสั่งตรวจเหรอครับ?” ผมกล่าวถามต่อหน้าเจ้าของร้านที่กำลังยืนคุยกับตำรวจยศสูง แต่ยศสูงนั้นก็ยังไม่เทียบเท่ากับลุงรัน
“ไม่ใช่เลย” ลุงรันกล่าวก่อนจะหันไปมองตำรวจคนนั้น ซึ่งผมเองก็ยังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน และผมก็ได้จ้องมองไปที่ป้ายชื่อของเขา ทำให้เขากลืนน้ำลายและสะดุ้งเล็กน้อย
“เสียบรรยากาศหมดเลยครับ” ผมกล่าวก่อนจะเดินเข้าร้านลานชาไปพร้อมกับเพื่อนๆและลุงรัน รวมถึงพี่ๆทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดคน ซึ่งผมไม่ต้องกล่าวอะไรต่อ ผมทำเพียงแค่นี้เขาก็น่าจะพอรู้แล้วว่าถ้ายังดึงดันต่อไปกับผู้มีอำนาจจะเป็นยังไง
“เข้าไปตรวจสิ่งเสพติดและอาวุธ” ตำรวจนายนั้นจึงเปลี่ยนคำสั่งทันที เพราะผมได้พาเพื่อนๆออกมาแล้ว พวกเขาน่าจะอายุไม่ครบ 20 แน่ๆ และถ้าหากปล่อยผ่านไปหนึ่งแล้วรวบหมด มันจะมีปัญหาทีหลังได้
“โต๊ะข้างหลังตรวจให้ละเอียดหน่อยนะครับ”
“ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะมีอาวุธ” ผมหันไปกล่าวและมองนักเลงกลุ่มนั้น จนพวกมันถึงกับหน้าซีด
“ครับ” ตำรวจนายนั้นกล่าวตอบรับด้วยความเคารพ เพราะคิดว่าคนระดับที่หน่วยรบพิเศษต้องวันทยาหัตถ์ ขอบคุณ และคนที่ผู้บังคับการต้องมาหาคงไม่ใช่คนปกติแน่ๆ คงจะมีเบื้องหลังที่ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว
“เขาคือใครกันนะ?” และสถานการณ์นี้ก็ทำให้ทุกๆคนจ้องมองผมเป็นตาเดียว
‘เหอะ…พอรู้ว่าผู้บังคับการจะมา’
‘เลยมาเอาหน้าสินะ’ ผมคิดในใจพลางนั่งลงที่โต๊ะกว้าง ส่วนเพื่อนๆของผมก็นั่งโต๊ะข้างๆแทน โดยที่ลุงรันกล่าวว่าจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้เอง
“นี่ของที่พี่เบนซ์ฝากมาให้” ลุงรันกล่าวพร้อมกับยื่นกล่องพัสดุให้กับผมด้วยตัวเอง และซองจอดหมายสีน้ำตาล
“พี่เหรอครับ?” ผมกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
“พี่เบนซ์เป็นรุ่นพี่ของลุงน่ะ” ลุงรันกล่าวทำให้ผมพยักหน้าเข้าใจ
“หลังจากนี้เราคงได้ร่วมงานกันแล้วสินะ” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาดูมีความสุขมาก แต่เพราะอะไรไม่รู้ ผมกลับรู้สึกแปลกๆ
‘ร่วมงาน?’
‘ร่วมงานอะไร?’ ผมคิดในใจ
‘ไม่หรอกมั้ง…’ ผมคิดในใจอีกครั้งเมื่อคิดถึงงานที่ผมรับมาจากคุณเบนซ์ ถึงแม้ผมจะสามารถปฏิเสธได้ แต่ผมก็ต้องการเส้นสายเพื่อใช้ในอนาคตอยู่ดี ผมเลยตอบรับแต่งานที่ผมจะรับ มันต้องผ่านการยอมรับจากผมด้วยว่าผมจะทำ ไม่มีใครบังคับผมได้
“คุณที…ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“มึงกลับไปก่อน” ผมหันไปหาโดมและกล่าว ซึ่งในตอนนี้เรื่องน่าจะเรียบร้อยแล้ว พวกเขากลับหอได้โดยไม่ต้องระแวงตำรวจ
“เออ…ขอบคุณมาก” ผมรู้ ทั้งตัวผมและไอโดมคงจะมีเรื่องพูดคุยกันอีกมาก แต่ในเวลานี้มันไม่เหมาะสักเท่าไหร่
“ทักษะการต่อสู้ของคุณ…ให้ผมได้ลองสู้สักครั้ง” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวทำให้ผมรู้สึกหนักใจ เพราะผมเองก็อยากจะพักผ่อนบ้าง ทำงานอื่นบ้าง หรือพูดง่ายๆก็คือผมเบื่อการต่อสู้
“แล้วผมจะได้อะไร?” ผมกล่าวถามกลับ ทำให้ลุงรันมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าลุงรันจะเสนออะไรมา ผมก็ไม่ตอบรับทั้งนั้น เงินหรือการงาน ยศถาบรรดาศักดิ์ ผมไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะสิ่งพวกนั้นผมหามาด้วยตัวเองได้
“ผมจะเป็นลูกน้องของคุณ” เมื่อเขากล่าวออกมา มันทำให้ผมตกใจมาก
“คุณมีดีอะไรที่จะมาเป็นลูกน้องของผม?” ผมกล่าวถามกลับไปทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง ซึ่งมันเป็นประโยคที่บ่งบอกว่าเขายังไม่คู่ควรที่จะมาเดินตามหลังผมด้วยซ้ำ เขานี้ก็หมายถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษนั่นเอง
ตื๊ด ตื๊ด
หลังจากที่บรรยากาศเงียบขรึมมาสักพัก เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมจึงหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงและกดรับสายในทันที
“ทีอยู่ไหน…พี่อยู่หน้าซอย” พี่เอมกล่าว ทำให้ผมจ้องมองแก้วชาของผมบนโต๊ะ
“พี่ขับเข้ามาได้ไหมครับ…ทีอยู่ใบไม้” ผมกล่าว ซึ่งดูเหมือนผมคงจะต้องทิ้งรถมอเตอร์ไซต์ไว้ที่นี่และกลับกับพี่เอมซะแล้วสิ เพราะน้ำเสียงของพี่เอมดูเป็นห่วงผมมาก เพราะเธอน่าจะได้ยินว่าพวกนักเลงมันอยู่ที่นี่ และตำรวจก็มาลงพอดี คงจะเกิดเรื่องอะไรกับผมสักอย่าง
“เอาแบบนี้ล่ะกัน…พรุ่งนี้หนึ่งทุ่มตรงผมจะไปที่สถานีตำรวจ” ผมกล่าวก่อนจะหยิบมีดหั่นเนื้อขึ้นมาจากจานและใช้มือข้างเดียวควงมันไปมาก่อนที่จะใช้ความเร็วผลักมีดออกไปจ่อที่คอของหัวหน้าหน่วยระพิเศษ สายตาของเขานั้นไม่วางจากผมเลย ผมเองก็เช่นกัน เขาต้องการจะบ่งบอกว่าเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ดี
ฟึบ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ผมกล่าวพร้อมกับวางมีดลงบนโต๊ะแล้วหยิบแก้วชาอุ่นๆขึ้นมากระดกจนหมดและวางกลับไปที่เดิม
“สวัสดีครับลุงรัน”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นมาไหว้ลุงรันและไว้พวกหน่วยรบพิเศษ ซึ่งพวกเขาก็ยกมือขึ้นมารับไว้ตอบรับผมเช่นกัน
“ที!” และก็มีเสียงใสตะโกนเรียกผมมาจากหน้าร้าน ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นอยู่ในรถฝั่งคนขับ ผมจึงลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากร้านเพื่อขึ้นรถของพี่เอมทันที
และใช่
ทุกสายตายังคงจับจ้องผมอยู่เช่นเคย