วาจาประกาศกร้าวทำให้คนฟังแอบย่นจมูก
ชิ…คนอะไรดีแต่สั่งๆๆ ชุดที่เธอใส่มันโป๊ที่ไหนกันล่ะ แค่เปิดให้เห็นไหล่นิดหน่อยเท่านั้นเอง คนที่แต่งตัวโป๊ของจริงคือแม่เพชรพริ้งของเขาโน่น
อ้อนรักนึกหมั่นไส้แต่ยั้งใจไม่ตอบโต้ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเคียงคู่กันไปอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเยื้องย่างกรายไปทางไหนสาวน้อยใหญ่ต่างมองสามีเธอตาเยิ้ม ส่วนหนุ่มๆ ก็เหมือนจะให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ แวบหนึ่งอ้อนรักรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคำรามจากคนข้างกาย และในวินาทีถัดมาเอวบางก็ถูกร้อยรัดด้วยวงแขนกำยำอีกครา
“อาเซตไม่ต้องโอบเอวอ้อนก็ได้ค่ะ อ้อนเดินเองได้” หญิงสาวเอ่ยท้วงพลางพยายามแกะวงแขนกำยำออกจากเอวคอดกิ่วในขณะที่ทั้งคู่ยังคงก้าวไปข้างหน้า
“ให้ฉันโอบน่ะดีแล้ว เดี๋ยวเธอทำเซ่อซ่าไปชนใครเขาเข้าฉันจะขายหน้า”
“ถ้ากลัวจะขายหน้าขนาดนั้นก็ไม่น่าไปลากอ้อนออกมาจากในครัวเลย” สาวหวานพ้อน้อยๆ พร้อมทำหน้าง้ำ ก่อนที่จะอ้าปากค้างเมื่อได้ยินถ้อยคำโอหังที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา
“ฉันไม่ได้ลากเธอเสียหน่อย เธอเดินออกมาเองต่างหากล่ะ”
“มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละค่ะ”
“หยุดเถียงคำไม่ตกฟาก แล้วยิ้มหวานๆ” ครั้นทั้งคู่เดินจวนจะถึงจุดที่ท่านผู้ว่าฯ และภรรยากำลังยืนคุยกับนางสอางค์อย่างออกรส เซซาเรก็กระซิบสั่งเสียงเข้ม
หลังจากพาอ้อนรักมาทำความรู้จักกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและภริยา เซซาเรก็ยังไม่ยอมผละห่างจากเธอ ปากบอกจะกลับไปหาเพชรพริ้ง สาวสวยเซ็กซี่ที่เทียวไปเทียวมาหาเขาตลอดระยะเวลาที่เซซาเรมาเยือนเมืองไทย ทว่าเขากลับทำตัวติดกับเมียแสนชังอย่างเธอแจ โดยที่คนยโสอ้างว่ากลัวเธอจะทำให้เขาขายหน้า ยิ่งในจังหวะที่มีหนุ่มๆ เข้ามาทักทายเมียที่เขามักจะประกาศปาวๆ ว่าไม่ปรารถนา เซซาเรก็ยิ่งออกอาการหงุดหงิด โอบเอวอ้อนแอ้นไม่ห่าง
“อ้อน!...ใช่อ้อนหรือเปล่า” เสียงร้องถามผสานความตื่นเต้นที่เจ้าตัวมิอาจเก็บไว้ทำให้คนที่ถูกสามีลากออกมาไกลหูไกลตาหนุ่มๆ กลุ่มใหญ่หันขวับไปมองยังต้นเสียง ก่อนจะเปิดยิ้มกว้าง แกะวงแขนแกร่งที่ร้อยรัดเอวบางออก แล้วโผเข้ากอดเจ้าของร่างสูงใหญ่ทันควัน
“อ้อนคิดถึงพี่กฤษณ์ที่สุดเลยค่ะ นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหน้าพี่กฤษณ์เสียแล้ว”
หลังจากผละห่างแล้วจ้องหน้าหล่อๆ เจ้าของเสียงหวานใสก็เอื้อนเอ่ยกับผู้ที่เธอไม่ได้เจอมาหลายปีอย่างอ้อนๆ ทำเอาคนที่ถูกเมียลืมหน้าตึง
ฮึ่ม! ผัวยืนทนโท่อยู่นี่แม่ตัวดียังกล้าไปออดอ้อนออเซาะผู้ชายคนอื่น มันน่านัก!
“ยังขี้อ้อนเหมือนเดิมเลยนะเราเนี่ย”
กฤษณ์ ฤทธิไกรสร เอ่ยเย้าอย่างยิ้มๆ พลางยีหัวคนตัวเล็กด้วยความมันเขี้ยว เขากับอ้อนรักเป็นญาติห่างๆ แต่มีความสนิทสนมประหนึ่งพี่ชายกับน้องสาว เพียงแต่ระยะสองปีให้หลังมานี้ทั้งคู่แทบจะเรียกได้ว่าขาดการติดต่อ เพราะต่างก็ยุ่งอยู่กับหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ
“พี่กฤษณ์มาทำธุระหรือว่าจะย้ายมาอยู่เมืองไทยกับอ้อนคะ” วาจาที่หลุดออกมาจากปากอวบอิ่ม โดยเฉพาะคำว่า ‘กับอ้อน’ ทำให้เซซาเรนึกหงุดหงิดเป็นเท่าทวี
“พี่มาทำธุระ และจะมาชวนอ้อนย้ายไปอยู่อเมริกาด้วยกัน ว่าไงจะไปอยู่กับพี่ไหม”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของไอ้คนที่มันกำลังทำท่าอี๋อ๋อกับเมียเขา ทำให้เซซาเรมิอาจทนเฉยได้อีกต่อไป ทันใดนั้นน้ำเสียงแข็งกร้าวก็โพล่งขึ้นอย่างไม่สนห่าเหวอะไรทั้งสิ้น
“อ้อนรักเป็นภรรยาผม และเธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากสามีอย่างผมไม่อนุญาต”
“อ้าว…ได้ยินมาว่าเธอเป็นภรรยาที่คุณไม่ต้องการไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาทำเป็น ‘หวงก้าง’ ทำไมล่ะครับ ผมว่าปล่อยให้เธอไปมีชีวิตใหม่ดีกว่ามั้ง เธอยังสาวยังสวยคงหาสามีใหม่ได้ไม่ยาก” กฤษณ์เลิกคิ้วท้าทายพร้อมเอ่ยอย่างกวนๆ ทำเอาเซซาเรกัดฟันกรอด ก่อนจะเค้นเสียงดุดันปนคำรามออกมา
“ถ้ามึงยังไม่อยากตายแบบศพไม่สวยก็หุบปากซะ แล้วก็อย่าได้บังอาจมายุ่งกับเมียกูอีก ถึงแม้กูจะไม่ต้องการเมียตีทะเบียนอย่างแม่นี่ แต่ตราบใดที่กูยังไม่หย่ามึงก็ไม่มีสิทธิ์!”
กล่าวจบจอมโมโหร้ายก็ลากคนที่ตนประกาศว่าเป็นได้แค่เมียตีทะเบียนเดินลิ่วจากไป
“อาเซตปล่อยอ้อน” คนตัวเล็กเอ่ยประท้วงเสียงแข็งๆ พลางขืนกายเอาไว้ แต่มิอาจต้านทานได้ไหว สุดท้ายร่างระหงก็ต้องปลิวไปตามแรงฉุดกระชากของคนใจร้าย
“อ้อนบอกให้ปล่อย! อ้อนจะกลับไปหาพี่กฤษณ์”
“หุบปาก! ก่อนที่ฉันจะโมโหมากไปกว่านี้” เขาตวาดลั่นในวินาทีที่ลากเธอมาถึงสวนหลังบ้าน ดีที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ไม่งั้นเธอคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“แค่เมียตีทะเบียนอย่างอ้อนคุยกับพี่กฤษณ์ ทำไมอาเซตต้องโมโหด้วยคะ” อ้อนรักเอ่ยประชดระคนตัดพ้อ วาจาที่อีกฝ่ายพ่นออกมาอย่างไม่รักษาน้ำใจเมื่อครู่ทำให้เธอแทบจะร้องไห้ออกมา
“โว้ย! ถ้าอยากคุยกับมันนักก็ไปเลย! ไปให้พ้นหน้าฉัน!”
คราวนี้เขาระเบิดอารมณ์อย่างเดือดดาลสุดขีด ก่อนจะสบถลั่นเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าเมียวิ่งจากไปชนิดไม่เหลียวหลัง บัดซบ! เธอเลือกที่จะไปหาไอ้หมอนั่น เธอเลือกมันแทนที่จะเป็นผัวอย่างเขา
ครั้นถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอผู้ที่มาสมทบเป็นคนสุดท้ายคืออ้อนรัก เธอก้าวมายืนข้างๆ สามีแล้วก้มหน้างุดในวินาทีที่เห็นเขาตวัดนัยน์ตาแข็งกร้าวใส่ ก่อนจะใจหายเมื่ออีกฝ่ายทำเมินเหมือนเธอไม่มีตัวตน
หลังจากที่ทุกคนอวยพรบ่าวสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัลลังก์เมฆก็เอ่ยฝากฝังลูกสาวกับอ้อนรัก ทว่าพอแม่สาวหวานจะอุ้มหลานตัวน้อยออกจากห้องหอเธอกลับหน้ามืดขึ้นมาอย่างกะทันหัน คงจะเป็นผลพวงจากการนอนดึก และตื่นแต่เช้ากว่าปกติมาช่วยเตรียมงานในสองวันติดกัน ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ครั้นเห็นว่าพี่สาวท่าจะไม่ไหวบุปผาสวรรค์ก็ตัดสินใจให้ลูกนอนกับตนและสามี ซึ่งบัลลังก์เมฆนั้นนึกขัดใจอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่อาจคัดค้านอันใดเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของอ้อนรัก คนกินแห้วในคืนเข้าหอถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะอุ้มลูกสาวไปอาบน้ำ
“อาเซตหนูดีฝากดูแลพี่อ้อนด้วยนะคะ”
“อืม…ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นี่หรอก ไปพักผ่อนได้แล้วไป”
เซซาเรเอ่ยรับคำอย่างไม่เต็มใจ คล้อยหลังบุปผาสวรรค์เขาก็กระชากแขนเรียวของคนที่ได้ชื่อว่าเมียออกจากห้องหอ แล้วมุ่งตรงไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย
“อย่าหลงดีใจไปล่ะ ว่าฉันจะทำอย่างที่รับปากกับหนูดี” หลังจากผลักแม่เมียกาฝากลงไปนอนเค้เก้บนเตียงอย่างไร้ความปรานี เซซาเรก็เปิดศึกขึ้นทันควัน
“อ้อนไม่เคยคิดว่าอาเซตจะทำแบบนั้นหรอกค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเจียมตัว ก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งด้วยท่าทางทุลักทุเล เพราะมึนหัวจนแทบทนไม่ไหว แถมเมื่อกี้ยังโดนอีกฝ่ายทำรุนแรงราวกับเธอไม่มีชีวิตจิตใจ
“ฉันไม่ใช่อาเธอ!” วาจาเยือกเย็นที่ถูกเค้นออกมาจากลำคอแกร่งทำให้คนฟังนึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“ต่อไปฉันสัญญาว่าจะไม่เรียกคุณแบบนั้นอีกค่ะ”
“ทำได้อย่างนั้นก็ดี เพราะเธอไม่ใช่หลานฉัน และเธอมันก็เป็นได้แค่เมียตีทะเบียนเท่านั้น” วาจาเชือดเฉือนทำให้คนฟังแทบอยากจะยกมือขึ้นปิดหู ทำไมเขาต้องดีกับผู้หญิงทุกคนแต่ร้ายกับเมียอย่างเธอด้วยนะ เธอไปทำอะไรให้เขาถึงได้จงเกลียดจงชังเธอนัก
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” คนที่ไม่เป็นที่ต้องการของสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายเอ่ยตอบโต้เสียงสะท้าน น้ำตาคลอเบ้า
“เฮอะ…รู้ก็ดี แล้วก็หัดเจียมตัวด้วยล่ะว่าเธอเป็นแค่ผู้อาศัย” คนใจทมิฬยังไม่วายตอกย้ำซ้ำเติม
“ถ้าคุณอยากให้ฉันไปจากที่นี่นักก็หย่าให้ฉันสิคะ แล้วฉันจะไม่อยู่ให้รกหูรกตาคุณอีก” ท่าทางเชิดหน้าพร้อมเอ่ยวาจาปีกกล้าขาแข็งทำให้เขาขบกรามแน่น
“เธอจะไปโดยไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ชุบกะลาหัวเธอมาเนี่ยนะ หึ…เณรคุณสิ้นดี” วาจาร้ายกาจที่กระแทกใส่หน้าทำให้คนฟังแทบปล่อยโฮออกมา
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ถึงจะยอมหย่าให้ฉัน”
“ถ้าอยากรู้คืนพรุ่งนี้ก็ไปหาฉันที่ห้อง อ้อ…แล้วก็อย่าคิดเข้าข้างตัวเองล่ะว่าฉันจะจับเธอทำเมีย บอกตรงๆ ว่าสารรูปจืดชืดเป็นแม่ชีอย่างนี้ฉันเอาไม่ลง”
คนโอหังเอ่ยอย่างเยาะๆ พลางกวาดสายตาดูแคลนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็หมุนตัวจากไปแบบไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนที่แอบรักสามีข้างเดียวร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดหัวใจ