ตอนที่ 3 ใจสลาย
เวียงพิงค์รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้ง ปวดระบมไปทั้งร่างกาย กลิ่นสมุนไพรจากเครื่องหอมลอยแตะจมูก ใช้มือข้างที่มีอาการปวดค้ำยันตัวเองขึ้นมาจากฟูกแข็ง ๆ ค่อย ๆ ปรับโฟกัสมองไปรอบ ๆ ตัวเอง มุมปากแสยะยิ้มหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเองเมื่อสมองเริ่มประมวลผล
“ฮ่า ๆ” สภาพที่นอนเน่าเฟะจนอดหัวเราะต่อชะตากรรมตัวเองไม่ได้ เลือกสามีผิดคิดหนักจนตัวตาย ไม่เกินจริง
หล่อนกำลังซุกหัวนอนอยู่ใต้บ้าน ไม่สิ บ้านไม่ใช่แบบนี้ มันมีลักษณะใช้ไม้ไม่สามารถระบุชนิดได้ตอกตะปูไขว้กันไปมา สังกะสีล้อมรอบซึ่งมีรูให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาถึงตัวเธอ เสียงที่แว่วเข้ามาในหูคือเสียงรถยนต์วิ่งกันไปมาขวักไขว่
พูด ไม่ ออก
“เอ็งไปเก็บใครมา ดูท่าแล้วน่าจะเป็นลูกหลานคนมีเงิน เดี๋ยวก็มีปัญหาหรอก คนจนอย่างเราจะไปช่วยอะไรได้ โทรศัพท์จะโทรหารถโรงพยาบาลมารับไปยังไม่มี”
“ว่าก็ว่า ข้าว่าข้ารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะตาแก่”
“แกจะไปรู้ได้ยังไง”
“ข้าชอบเก็บหนังสือพิมพ์ เคยเห็นหน้านังหนูนี่ในนั้นด้วย แต่ก็แปลกนะ”
“แปลกยังไงวะเมีย”
“ก็คนที่ฉันเห็นคือภรรยาของทายาทตระกูลดัง แบบพวกคนมีเงิน มีลูกน้องอะไรนั่นไงไอ้แก่ เหมือนละครหลังข่าวที่เราดูไง นังหนูนั่นเป็นลูกคนรวยเลยนะเว่ย ทำไมเหมือนถูกเอามาโยนทิ้งข้างทางแบบนี้ มันดูเป็นไปได้เหรอ?”
“โอ๊ย ข้าไม่รู้หรอก” ผู้เป็นสามีโบกมือไปมา มือก็ฉีกสติกเกอร์ออกจากขวดน้ำเปล่าจากนั้นก็บิดให้มันแฟบลง แล้วโยนไปกองรวมกัน
“ตามเนื้อตัวมีแค่โทรศัพท์เปิดไม่ติด และเงินนิดหน่อย เออ ๆ เรื่องของติดตัวช่างมัน แต่ที่แปลกคือคนรวยหายตัวไปไม่มีคนตามหาเลยเหรอ จนได้มาอยู่ในเพิ้งตายายเก็บขยะขายประทังชีวิตไปวัน ๆ แบบเรา น่าสงสารนะถ้าเป็นอย่างนั้น หรือจะเป็นอย่างที่ข้าเห็นวะ ละครที่ข้าชอบเดินผ่านบ้านคนแล้วได้ยินน่ะ ไอ้พวกทำเป็นรักกันออกสื่อแต่ความจริงเหมือนคนไม่รู้จักกันทั้งที่เป็นผัวเมีย”
“เออ แค่นี้ก็ดูออกแล้วไหม คนรักกันเขาไม่ทิ้งกันข้ามคืนแบบนี้หรอก ยิ่งเป็นคนมีเงินมีลูกน้องอย่างเอ็งว่าทำไมไม่ส่งคนมาตามหาล่ะ เห้อ...ผู้หญิงตัวคนเดียวเหมือนโดนเอามาทิ้งข้างถนนจะรู้สึกแย่แค่ไหนความรู้สึกนังหนูนั่น ป่านนี้สามีคงเป็นห่วงน่าดู หรือถ้าไม่ห่วงก็อาจเป็นคนเอามาทิ้ง คนสมัยนี้น่ากลัว”
“เฮ้อ โรงพยาบาลก็อยู่ไกล แถวนี้ไม่มีบ้านคนด้วย เลือกที่ทิ้งได้ดีจริง ๆ”
แอด...เสียงประตูสังกะสีเปิดออกทำให้ตายายสองผัวเมียหันไปมอง ใบหน้าฟกช้ำบางจุดเห็นเป็นรอยชัดเจน แต่ไม่เท่าขอบตาแดงก่ำบวมช้ำแบบมองออกเลยว่าร้องไห้มาอย่างหนักแน่นอน
“หนู เป็นยังไงบ้างลูก”
เวียงพิงค์ได้ยินทุกอย่างที่สองตายายพูดออกมา ทุกประโยคทิ่มแทงจิตใจแต่ไม่เท่าสภาพความจริงตอนนี้ที่กำลังเผชิญ คำพูดใครก็พูดได้ แต่นี่คือความจริง ความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ ความจริงที่กำลังตีแสกหน้าเธอว่า ‘โดนทิ้ง’ มันเป็นยังไง
“...” เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออก อยากตอบแต่ยังคิดหาคำพูดไม่ได้ ทุกอย่างมันจุกอยู่ในอกจนไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นประโยคได้ด้วยซ้ำในตอนนี้
“ตากับยายไม่มีเงิน มีแค่ขนมปังหมดอายุเก็บมาจากถังขยะ ถ้าหนูไม่รังเกียจ”
เธอรังเกียจ...เกิดมาไม่เคยนอนในที่ซอมซ่อเท่ารูหนู มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ สภาพเหมือนขอทานข้างถนน ผมเผ้าไม่ได้ทรง เสื้อผ้าขาดมีรอยเปื้อนเป็นจุด ๆ เธอไม่เคยนึกสมเพชตัวเองขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเลย
โครก...ยกมือขึ้นมาวางทับไว้บนท้องน้อย ผินหน้ามองไปเจอแต่ถนนหนทาง ไม่มีบ้านคน ไม่มีร้านค้า รถวิ่งผ่านด้วยความเร็ว รู้สึกหิวขึ้นมาจนแสบไส้
เธอเป็นใครเวียงพิงค์อย่าลืมสิ ภรรยาทายาทฮ่องกง ลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดัง มีชื่อเสียง มีเงินทอง เหมาะแล้วเหรอที่กำลังจ้องขนมปังหมดอายุตาเป็นมันขนาดนี้
“กินเถอะ คงไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืนสินะ”
น้ำตาร่วงเผาะ ค่อย ๆ ยื่นมือไปรับขนมปังมาถือไว้ มองดี ๆ กำลังมีราขึ้นมาเกาะ พลิกดูวันที่พึ่งหมดอายุได้หนึ่งวันเท่านั้น ไม่รีรอที่จะแกะซองออกแล้วยัดมันเข้าปาก
“น้ำขวด คนใจดีให้น่ะ ยังไม่ได้แกะเลยนะ”
“แล้วยายจะกินอะไร ท้องไส้ไม่ดีอยู่ด้วย จะดื่มแต่น้ำในขวดที่เหลือจากเขาทิ้งไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ยายหนูนี่คงหิวมาก กินเถอะลูก”
ดูแคลนคนจน หมิ่นคนทำงานข้างถนน แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งคนที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้จะเป็นคนประเภทที่ตัวเองไม่อยากเข้าใกล้ แต่คนที่ตัวเองยกยอปอปั้นให้เขามีบทบาทในชีวิต จงรักและภักดีกลับไม่แม้แต่จะตามหา กินไปน้ำตาไหลไป ทำไมชีวิตเธอถึงมาอยู่ในอีหรอบนี้ได้
หัวใจยังเต้นตึกตักแสดงว่าไม่ตาย แค้นจุกอก ใจแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ความรู้สึกพังยับเยิน จนไม่อาจบรรยายได้
นี่เธอกำลังหวังอะไรอยู่ ถ้าเขาอยากช่วยคงเลือกเธอตั้งแต่แรก ขนาดนอนฝันยังมโนว่าเขามาช่วย สะดุ้งตื่นมากี่ครั้งก็ยังนอนในที่คับแคบขยับตัวยังไม่ได้เพราะระบมไปหมด ผล็อยหลับไปก็ยังฝันแบบเดิม ฝันถึงหน้าคนใจร้ายว่าเขามาดูแลเอาใจใส่มาตามหาเธอ
สุดท้ายก็ฝันเฟื่อง!
ความจริงคือลูกเศรษฐีกำลังนั่งกินขนมปังหมดอายุ แย่งน้ำจากคนเก็บขยะกินประทังชีวิต คาดหวังมากก็ผิดหวังมาก เสียใจ เศร้า น้อยใจ แต่แล้วยังไง ถนนที่รถวิ่งผ่านยังไม่มีวี่แววว่าจะมาจอดรับ ทั้งที่คนอย่างเขาถ้าอยากตามหาเธอไม่ปล่อยไว้ทั้งคืนก็หาเจอ
สรุปแล้วเขาดีใจด้วยซ้ำที่เธอหายหัวไป
ได้สิ! ไม่อยากให้อยู่เธอก็จะไม่อยู่ ไม่รักก็ไม่รัก ไม่อยากรักต่อไปแล้วเหมือนกัน ตัดใจไม่ได้ง่ายเหมือนตัดเชือกฟาง แต่คนตั้งใจว่าจะไม่รักแล้วหัวใจช่วยฟังคำสั่งด้วย จะรักคนพันธุ์เลวคนนั้นไปเพื่ออะไรหนอเวียง
เลิกหน้ามืดตาบอดหูหนวกสักทีเวียงพิงค์!
และเธอก็กลับมายืนอยู่ข้างหน้าคฤหาสต์ของเขาได้อีกครั้ง สภาพเยินกว่าตอนตื่นเพราะต้องเดินเรียบเคียงถนนไปหาบ้านคน ไม่เคยเอ่ยขออะไรใครนอกจากผัวกลายเป็นว่าต้องปริปาก ข่มความอาย ลดอีโก้ ปากหนักแค่ไหนก็ต้องพูด ไม่พูดเธอต้องตายข้างถนน ตายไม่ได้หรือต่อให้ตายก็จะมาพาคนใจร้ายไปยมโลกด้วย เธอไม่ปล่อยให้เขามีความสุขหรอก
‘น้องคะ พี่ขอชาร์จโทรศัพท์ได้ไหมคะ สายของไอโฟน พี่จะตอบแทนให้’ เดินมาถึงหน้าบ้านคนเห็นวัยรุ่นชายหญิงนั่งเล่นเกมอยู่หน้าบ้าน ข่มทุกอย่างลงไป แล้วบากหน้าเดินเข้าไปหา
‘โอ๊ยนังบ้า สภาพแบบนี้จะเอาอะไรมาตอบแทน ผัวทิ้งไหมเนี่ย!’ เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งพูดขึ้น ขยับเข้าไปใกล้ชิดผู้ชายเหมือนหวงแหน
เจ็บ!
‘ให้ยืมไปเถอะ จะได้รีบไป รีบชาร์จนะ!’ วัยรุ่นผู้ชายพูดขึ้นก่อนจะหยิบสายชาร์จมาให้
เวียงพิงค์ผงกศีรษะขอบคุณหงึก ๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปหาสายชาร์จที่วัยรุ่นทั้งสองต่อพ่วงออกมานั่งเล่นเกม พอมีแบตก็จัดการโอนเงินให้จำนวนหนึ่งทำเอาวัยรุ่นผู้หญิงอ้าปากค้าง เวียงพิงค์ไม่ได้สนใจเงินที่เสียไป ตอนนี้เธอรอดแล้ว เธอจะกลับไปกินหัวผัวที่บ้าน!
ถ้ารักหน้าถือตาเหมือนเมื่อก่อนเธอคงไม่มีปัญญาเรียกแกร๊บกลับมาที่นี่ เธอจะเอาให้พังไปข้าง ไม่รักหล่อนยอมรับแล้ว เออ! ยอมรับแล้วไอ้ผัวชาติสี่ขาเอ๊ย!