ณัฐรวีรีบทำตามคำสั่งเนาวรัตน์ หล่อนเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมฆามองตามร่างอรชรด้วยสายตาที่ยังแข็งกร้าว ก้มลงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมายัดใส่ถุงกระดาษที่วางไว้ข้างตู้เสื้อผ้า แล้วเดินออกไปจากห้องนอนของณัฐรวีทันที
เนาวรัตน์มองดูการกระทำของลูกชายแล้วรู้สึกว่า ผิดปกติ เมฆาไม่น่าจะไม่พอใจเรื่องเสื้อผ้าที่ปิ่นประภาให้ณัฐรวี บุตรชายอาจไม่พอใจที่เห็นณัฐรวีแต่งตัวสวยๆ และมีเงินใช้ หากณัฐรวีแต่งกายให้ตัวเองดูดีขึ้น หล่อนก็จะตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มที่พบเห็น หากมีเงินติดตัวก็อาจหนีไปจากที่นี่ เมฆาจึงต้องกันไว้ก่อนแก้ ด้วยการนำเสื้อผ้าณัฐรวีไปเผาทิ้งและริบเงินที่ได้จากสมสมร ทว่าอีกใจก็ค้านว่าไม่น่าใช่ เมฆาเกลียดณัฐรวี หมายให้เจ็บปวดใจ การทำเช่นนี้ถือว่า ทำร้ายจิตใจณัฐรวีอย่างหนึ่ง ซึ่งนางก็หวังว่าจะเป็นอย่างหลัง
ณ ไร่เพียงฟ้า
ประพจน์เจ้าของไร่เพียงฟ้ากำลังนอนเหยียดตัวคว่ำหน้าลงบนที่นอน ใบหน้าเขามีความเคลิบเคลิ้มราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ทำอยู่
“อืมดีมากรวี ตรงนั้นแหละ โอ้...ดีๆ” ประพจน์พูดขึ้นขณะยังคงหลับตา รอยยิ้มพอใจระบายเต็มใบหน้า “รวีนวดดีจัง กดลึกถึงเส้นเลย”
“คอยดูนะ พ่อแกต้องมีหมอนวดประจำตัวแน่ๆ” สมสมรพูดกับภูริภัทร เมื่อได้ยินคำพูดสามี “แต่จะว่าไป รวีนวดดีจริงๆ เมื่อคืนแม่นอนหลับสบาย ไม่ปวดหลังเลย”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ยินคุณแม่บ่นว่า ปวดเมื่อยตัวเลย”
“ถ้ารวีเปิดร้านนวดล่ะก็ พ่อว่าลูกค้าเพียบแน่ๆ ฝีมือระดับนี้คนขี้เมื่อยติดตรึมชัวร์” ประพจน์เอ่ยขึ้น คิดว่าไม่ผิดจากที่พูด “รวีไปเรียนนวดที่ไหนมาล่ะ นวดดีกว่าหมอนวดมืออาชีพซะอีก”
“ตอนที่คุณลุงยังอยู่ รวีนวดให้คุณลุงบ่อยๆ ค่ะ คุณลุงบ่นปวดหลัง ปวดเอว รวีก็ไปดูวิธีนวดในยูทูป แล้วก็มานวดให้คุณลุง คุณลุงก็คอยบอกคอยสอนให้รวีนวดด้วยค่ะ”
รวีตอบ เป็นคำตอบที่ตอบไม่หมด ไม่เพียงแค่หล่อนนวดให้เชษฐาเพียงคนเดียว ณัฐรวียังนวดให้เนาวรัตน์และเมฆาอีกด้วย
“มิน่าล่ะถึงนวดเก่ง อิจฉาคนบ้านโน้นจริงๆ เห็นทีลุงต้องจ้างรวีมานวดอาทิตย์ละวันซะแล้ว พักนี้ปวดเมื่อยตัวบ่อยเสียด้วย” เจ้าของคำพูดคือประพจน์
“นอกจากจะนวดเก่งแล้ว ยังทำกับข้าวอร่อยอีกด้วย ป้ากินแกงส้มมาเกือบทั้งชีวิต แต่ไม่มีแกงส้มของใครอร่อยเท่าของรวีเลย ทั้งที่สูตรก็ไม่น่าจะหนีกันนะ แต่ทำไมกินแกงส้มผักแปดเซียนของรวีแล้ว ไม่อยากกินของใครอีกเลย ว่างๆ สอนป้าทำบ้างนะ” รสชาติแกงส้มผักแปดเซียนฝีมือณัฐรวียังติดอยู่บนลิ้น เป็นคำชมจากใจหาได้ยกยอ
“ใช่ครับ อร่อยสุดๆ ถ้าเมื่อวานมีปลาสลิดทอดด้วย ผมว่าจะอร่อยมากกว่านี้”
“ว่าแต่รวีไปได้สูตรมาจากไหนล่ะ” ประพจน์ถาม
“ได้จากยายค่ะ ยายเคยสอนรวีทำตอนเด็กๆ ตอนนั้นรวีจำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ยายจดใส่สมุดไว้ให้รวี รวีมาหัดทำจริงจังตอนมาอยู่ไร่ดุจตะวันค่ะ” ณัฐรวีตอบ “สมัยยายสาวๆ ยายเป็นแม่ครัวร้านอาหารน่ะค่ะ ต้นตระกูลเจ้าของร้านที่ยายทำงานเป็นแม่ครัวเก่าแก่ในวังค่ะ เลยได้สูตรอาหารอร่อยๆ มาหลายอย่างค่ะ”
“ป้าชักอยากกินอาหารฝีมือรวีอีกแล้วสิ มีเมนูอะไรเด็ดๆ ไหม” สมสมรน้ำลายสอขึ้นมา
“คุณป้าเคยกินแกงรัญจวนไหมคะ” ณัฐรวีถามกลับ
“จำได้ว่าเคยกินครั้งนึงนะ แต่นานมาแล้ว นานจนลืมรสชาติของมัน”
“ลุงก็เหมือนกัน ลืมรสชาติแล้ว” ประพจน์พูดขึ้นบ้าง
“พี่เคยได้ยินแต่ชื่อแกงนี้นะ ไม่เคยกินเลย” ภูริภัทรพูดต่อ
“รวีทำให้กินดีไหมคะ รวีก็ไม่ได้ทำนานแล้ว” หมอนวดจำเป็นเสนอเมนู
“เอาสิ” สมสมรรับคำ ขณะที่ภายในบ้านกำลังพูดคุยถึงเรื่องอาหารเที่ยง รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าบ้านประพจน์ คนในรถก้าวลงมาพร้อมของฝากเจ้าของบ้านหลายถุง
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
เสียงนายแพทย์ภารดรหรือหมอเดย์ดังมาก่อนตัว และเมื่อเขาเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ สายตาเขาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังนวดประพจน์ หล่อนหันมองเขาพอดี ภารดรจึงได้เห็นดวงหน้าหวานสวยเต็มตา ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ถูกใจสาวสวยคนนี้ขึ้นมาทันใด
“เสียงมาก่อนตัวเลยนะเดย์” สมสมรทักเพื่อนสนิทลูกชาย ความสนิทสนมของทั้งคู่ดำเนินมาตั้งแต่เยาว์วัย หากนับเป็นเวลาก็ล่วงเลยมากกว่ายี่สิบกว่าปี
“ผมไปญี่ปุ่นมาครับ ซื้อของมาฝากคุณพ่อคุณแม่ พี่ปิ่นแล้วก็ไอ้ภูด้วยครับ” ภารดรวางถุงหลายใบลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาตัวยาวที่สมสมรนั่งอยู่ ก่อนหันไปมองดูหมอนวดหน้าหวานนวดตัวให้ประพจน์ “เห็นคุณพ่อนวดตัวชักอยากนวดขึ้นมา รู้สึกปวดหลังน่ะครับ”
“คงไม่ได้เพราะรวีไม่ใช่หมอนวดมืออาชีพ รวีแค่มานวดให้คุณพ่อ พอนวดเสร็จก็จะไปทำกับข้าวให้กูกับคุณพ่อคุณแม่กิน คงไม่มีเวลานวดให้มึง” ภูริภัทรรีบพูดดักคอเพื่อน เพราะดูจากสายตา ภารดรไม่ได้ปวดเมื่อตามปากพูด คงหาเหตุให้ได้ใกล้ชิดกับณัฐรวีตามประสาพ่อไก่แจ้ “ถ้ามึงเมื่อย กูโทรเรียกหมอนวดมานวดให้ เอาไหม”
“ถ้าอย่างนั้นไม่นวดแล้ว รอกินกับข้าวฝีมือคนสวยดีกว่า กูก็เริ่มหิวแล้วด้วย” ภารดรไหลลื่นยิ่งกว่าปลาไหล
“รวีนวดเสร็จแล้วค่ะ” ณัฐรวีบอกเมื่อทำการนวดตัวให้ประพจน์เสร็จ “รวีขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ จะได้ให้ตุ่นไปซื้อให้”
“ค่ะคุณป้า” แม่ครัวเฉพาะกิจตอบกลับ ก่อนเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลังของบ้าน
“ใครครับคุณแม่ หน้าตาสวยเชียว” ภารดรรีบถามสมสมร
“เธอชื่อรวี อยู่ไร่ดุจตะวัน” สมสมรตอบ “อย่าทำรุ่มร่ามนะเดย์ คนนี้แม่ขอ รวีเป็นเด็กดี ถ้าไม่จริงจังก็ปล่อยผ่านไปเถอะ”
คนพูดรู้นิสัยภารดรดี เจ้าชู้ ไม่เคยคิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือของเล่นที่เล่นเบื่อก็ทิ้งลงถังขยะ แยกย้ายกันตามระเบียบ
“เล่นพูดดักคอซะแล้ว” ภารดรแอบบ่น
“ก็น่าพูดดักอยู่หรอก มึงน่ะตัวพ่อเรื่องเจ้าชู้เลย”ภูริภัทรรู้นิสัยเพื่อนเช่นกัน
“ไม่รู้สิ กับรวีรู้สึกแปลกๆ แววตาเธอน่าสงสารนะ เศร้าเชียว มองสบตาแล้วใจหวั่นไหวอย่างไงบอกไม่ถูก” ภารดรบอกความรู้สึกตัวเองให้เพื่อนรักกับคนในห้องโถงใหญ่รับรู้
“เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า มึงมากับกูนี่ กูอยากคุยกับมึงเรื่องรีสอร์ตพอดี”
ภูริภัทรเดินไปหาเพื่อนรัก ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินไปยังระเบียงข้างบ้าน เพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกัน