“เอย”
“เอย”
“ไอ้เอย!!!!”
“อะไร!!!! จะเรียกเสียงดังทำไมหูเอยอื้อหมดแล้วเนี่ย” เจ้าเอยสะดุ้งตกใจเสียงเรียกของพีพีที่ดังจนเธอต้องเอามือจับหูเพราะเกิดอาการอื้อชั่วคราว
“ก็ถ้าไม่เสียงดังแกจะได้ยินไหม พีพีเรียกตั้งหลายครั้งไม่รู้จะเหม่อไปถึงไหนสรุปแล้วแกกำลังคิดอะไรอยู่” พีพีเพ่งสายตามองไปทางเจ้าเอยอย่างจับเพราะช่วงนี้เพื่อนเธอคนนี้มักจะนั่งใจลอยและเหม่อยังไงก็ไม่รู้
“เปล่า” เจ้าเอยปฏิเสธไม่เต็มเสียงนักจะว่าไม่มีอะไรในหัวก็ไม่ได้เพราะดวงตาคมกับใบหน้าหล่อที่จ้องมองเธอวันนั้นมันติดอยู่ในหัวจนเธอสลัดไม่หลุด
“ไอ้เอย!!!! อย่ามาโกหก พีพีอยู่กับแกมากี่ปีทำไมเรื่องแค่นี้จะดูไม่ออกสังเกตไม่ได้ สารภาพมา”
“จะให้สารภาพอะไรก็ขนาดเอยยังไม่รู้ว่าตัวเองเลยว่าเป็นอะไร”
“อาการมันเป็นยังไงไหนเล่ามาซิ เดี๋ยวพีพีผู้เชี่ยวชาญคนนี้จะวิเคราะห์ให้ฟังเอง”
“เอ่อ....”
“ไอ้เอย อย่าให้โมโห” พีพีพูดด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างคาดคั้นให้เจ้าเอยพูดความลับที่เก็บไว้ในใจออกมาให้เธอฟัง เพราะถึงยังไงพวกเธอสองคนก็ไม่เคยมีความลับต่อกันอยู่แล้ว
“แกจำวิทยากรที่มาพูดบรรยายเมื่อวันก่อนได้ไหม” ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็นต้องพูดออกมาอย่างน้อยได้ระบายมันออกมาก็น่าจะดีกว่าเก็บไว้คนเดียว เผื่อจะได้คำแนะนำดีดีจากเพื่อนบ้าง
“คนไหน???”
“คุณหมอที่มาจากโรงพยาบาลชื่อดังไง”
“อ๋อ.... คุณหมอที่หล่อ ๆ ใช่ป่ะ คนอะไรโคตรหล่อแต่ติดที่ดูนิ่งอยู่หยิ่งไปหน่อยนะพีพีว่า”
“ใช่”
“แล้ว???”
“ก็ตั้งแต่วันนั้นที่เอยเห็นเขา ได้มองตาเขา ภาพใบหน้ากับตาคมของเขามันก็คอยวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา เอยก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน”
“เห้อ......” หลังได้ฟังเรื่องจากปากเจ้าเอยจบพีพีก็ระบายลมหายใจออกมา แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าเพื่อนเธอเป็นอะไร อาการที่เป็นอยู่นี้เขาเรียกว่าอาการของคนตกหลุมรัก
“ถอนหายใจทำไม สรุปเอยเป็นอะไรเหรอพีพี” เมื่อเห็นว่าพีพีเงียบไปเจ้าเอยเลยเขย่าแขนพีพีจนอีกฝ่ายหัวสั่นหัวคลอนต้องรีบร้องห้าม
“ไอ้เอย มันเวียนหัวแกหยุดเขย่าแขนก่อน”
“รีบบอกมา”
“อาการที่แกเป็นอยู่เนี่ยเขาเรียกตกหลุมรักหรือไม่ก็รักแรกพบประมาณนี้แหละ”
“ห๊ะ!!!! ตกหลุมรักงั้นเหรอ เป็นไปได้ไงคุยกันสักคำก็ไม่เคยแถมเพิ่งเห็นหน้ากันครั้งแรกด้วยนะ พีพีวิเคราะห์มั่วเปล่าเนี่ย”
“อ้าว...... พอบอกก็ไม่เชื่อแล้วแกมีเหตุผลอื่นไหมล่ะ”
“.....” เจ้าเอยเงียบพร้อมกับคิดตามคำที่พีพีบอกจนหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากเชื่อตัวเองจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นใครมาจากไหนเธอยังไม่รู้จักเลย รู้ก็แค่เท่าที่เขาแนะนำตัวเองเท่านั้นแถมยังเห็นเขาในระยะไกลอีกด้วย
“อย่าคิดมากเลย ดูสิคิ้วขมวดจนจะเป็นโบหมดแล้ว” พีพีใช้นิ้วจิ้มไปที่หว่างคิ้วของเจ้าเอยก่อนจะออกแรงกดแล้วนวดเพื่อให้มันคลายออก
“เห้อ...... เลิกคิดดีกว่าเนอะ ว่าแต่เอยว่าเราไปรีบห้องเรียนกันดีกว่านะ วันนี้อาจารย์จะแจ้งชื่อโรงพยาบาลที่เราต้องไปประจำ ตื่นเต้น” เจ้าเอยพ้นลมหายใจก่อนจะสลัดความคิดเรื่องคุณหมอสุดหล่อคนนั้นออกจากหัวแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมกับลุกขึ้นยืนรอพีพีก่อนจะเดินไปยังอาคารเรียนพร้อมกัน
หลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จพีพีเดินออกจากห้องสอบอย่างคนหมดแรง พอมาถึงโต๊ะที่มีเจ้าเอยนั่งอยู่ก่อนแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งแล้วซบหน้าลงบนโต๊ะอย่างคนหมดแรง จนเจ้าเอยที่เห็นอดที่จะยิ้มและแซวออกมาไม่ได้
“อะไรจะขนาดนั้นพีพี”
“ก็มันเหนื่อย....... อดหลับอดนอนอ่านหนังสือมาตั้งหลายวัน ว่าแต่คืนนี้เราไปเที่ยวกันไหมพีพีอยากปลดปล่อย”
“เว่อร์ไปแล้ว ว่าแต่อยากไปเที่ยวไหนล่ะ”
“ไปผับ”
“หือ!? แน่ใจเหรอที่จะไปสถานที่แบบนั้น”
“เอาน่าสักครั้งในชีวิต เดี๋ยวพอเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีเวลาว่างแล้ว”
“แต่มันน่ากลัวนะแถมอันตรายด้วย”
“น่านะไปด้วยกันนะ พีพีอยากไปเปิดหูเปิดตายังไม่เคยไปเที่ยวผับเลยสักครั้ง” พีพีถูหน้ากับแขนของเจ้าเอยแล้วมองเธอด้วยสายตาออดอ้อนออเซาะ
“ไปก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แล้วก็ห้ามกลับดึก ห้ามเมา เข้าใจไหม”
“โอเค งั้นเราไปกันเลย”
“ไปตอนนี้เนี่ยนะ!?” เจ้าเอยทำสีหน้าแปลกใจกับคำชวนของพีพี ก็ผับเขาเปิดตอนค่ำไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงมาชวนไปตอนนี้ได้เนี่ยหรือพีพีเข้าใจอะไรผิด
“บ้าใครจะไปผับตอนนี้ ไปซื้อชุดที่จะใส่ไปคืนนี้ไง”
“จะไปซื้อทำไมเสื้อผ้าพีพีก็มีเยอะแยะ”
“ไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องสวยสิจ๊ะ”
“เห้อ......” เจ้าเอยได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกหน้าของพีพี เมื่อกี้ยังดูเหมือนคนหมดสภาพไม่มีเรี่ยวแรงอยู่เลยแต่พอจะได้ไปเที่ยวไม่รู้เรี่ยวแรงมาจากไหน ก่อนจะโดนอีกฝ่ายดึงมือให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามกันไป
เจ้าเอยกอดแขนพีพีเดินเข้ามาในผับด้วยความตื่นเต้นและตื่นกลัว ตอนอยู่ข้างนอกก็ไม่รู้หรอกว่าข้างในจะเสียงดังขนาดนี้ มีทั้งแสงทั้งสีชวนให้ปวดหัวเวียนตา ไหนจะคนที่กำลังเต้นออกสเต็ปอย่างสนุกสนานไหนจะพวกที่ดื่มเหล้าและพูดคุยกันอีก
“พีพีเปลี่ยนใจกลับตอนนี้ทันไหม” เจ้าเอยพูดเสียงดังอยู่ข้างหูพีพีแข่งกับเสียงเพลง ตอนนี้เธออยากกลับห้องที่สุดเธอคิดว่าเธอไม่เหมาะกับสถานที่แบบนี้ แต่ก็โดนพีพีปฏิเสธพร้อมกับลากเจ้าเอยให้เดินไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่
“ไม่ได้ยังไงก็มาถึงแล้ว ไปหาที่นั่งกัน”
พอนั่งได้ทั้งพีพีก็ไม่รอช้าที่จะสั่งเครื่องดื่มอย่างค็อกเทลมาให้ตัวเองและเจ้าเอยได้ลองชิม เครื่องดื่มสีสวยที่มีดีกรีไม่แรงเหมาะกับคนคออ่อนแบบพวกเธอที่สุด ระหว่างรอพีพีก็โยกย้ายส่ายสะโพกไปกับจังหวะเพลง
“เอยมาเต้นด้วยกัน”
“ไม่เอา พีพีเต้นเลยเอยขอนั่งดูดีกว่า” เจ้าเอยส่ายหัวปฏิเสธอย่างไวเมื่อโดนพีพีจับมือแล้วบอกให้เธอลุกขึ้นเต้นไปด้วยกัน เธอขอเป็นผู้ดูที่ดีก็พอแล้ว
เจ้าเอยนั่งมองพีพีที่เต้นอยู่ด้วยความสนุกสนานเธอก็พลอยยิ้มและสนุกไปด้วยไม่ได้ แต่ความสนุกก็ต้องหยุดลงเพราะมีแขกที่ไม่รับเชิญเดินเข้ามาทักทาย
“น้องเจ้าเอย!!!! ใช่น้องเจ้าเอยจริง ๆ ด้วย” ดินยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นเจ้าเอยที่นี่ ตอนแรกที่เขาเห็นเขาคิดว่าเป็นแค่ผู้หญิงที่ดูคล้าย เขาอยากพิสูจน์เลยเดินมาดูและมันก็ทำให้เขาดีใจเป็นที่สุด
“พี่ดิน!!!!”