จิรฐิตินอนไม่หลับเลยทั้งคืน นี่นับได้ว่าเป็นคืนแรกที่เขานอนคนเดียวบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขาเอง ตลอดระยะเวลาหกปีเก้าเดือนที่แต่งงานมา จิรฐิติไม่เคยนอนคนเดียวมาก่อน เขาพยายามข่มตาให้หลับ แต่แล้วก็หลับไม่ลง ได้แต่พลิกตัวนอนตะแคงไปมาซ้ายขวาอยู่แบบนั้นทั้งคืน
เช้านี้เลยรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นนัก
เป็นครั้งแรกที่เขาลืมตามองดูเวลาอยู่ตลอด ดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว จนสายตาเห็นเลข 3:56 นั่นเองจิรฐิติก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วลุกขึ้นไปแปรงฟันเพื่อจะออกไปรอภรรยาของเขาที่ด้านนอก ทีแรกตั้งใจจะไปที่อีกห้องที่เธอใช้นอน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ไปรอคุยกันที่ห้องข้างนอกเลยดีกว่า
เขาอยากคุยกับกันต์กมลให้รู้เรื่องในวันนี้ไปเลย
หย่าใช่ไหม
อยากหย่าใช่ไหม
จิรฐิติคำรามฮึ่ม ๆ ถามวน ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น แล้วก็ต้องชะงักทั้งตัวเมื่อมีสายเรียกเข้ามาในตอนหกโมงเช้า เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขารีบกดรับสาย คุยไม่นานก็รีบวางสายลง นั่นเองที่ทำให้เขาต้องเร่งเดินกลับไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวด้วยชุดทำงาน เร่งออกจากบ้านไปก่อน ส่วนเรื่องที่จะคุยกับกันต์กมล เอาไว้กลับมาแล้วค่อยคุยกันทีหลังก็คงไม่สาย
จิรฐิติขับรถออกไปแถบชานเมืองสวนกับรถอีกหลายคันที่กำลังมุ่งหน้าที่ถนนฝั่งขาเข้า เขาใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมาย
ที่ตรงนั้นมีหญิงสาวในชุดเดรสสั้นยืนกอดอกรอเขาอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมัน ผู้ชายหลายคนมองไปยังหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาแทะโลม หยาบคาย มีอยู่สองสามคนเดินเข้าไปหา เพื่อคุยด้วย แต่โดนหญิงสาวคนนั้นกลับตวาดด่ากลับไป แม้จะดื่มจนเมาไม่น้อย หล่อนก็ด่าคนได้ไม่ซ้ำคำเลยทีเดียว
แต่พอเห็นรถที่คล้ายกับที่ตนรอคอยขับเข้ามา สายตาของหญิงสาวลากลงไปมองยังป้ายทะเบียนรถยนต์เห็นว่าใช่ก็รีบทำท่วงท่าให้ดูน่าสงสารเข้าไว้ เดินกอดแขนตัวเอง หลบออกมาจากคนล่าสุดที่เข้ามาทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ เพื่อให้คนที่เพิ่งมาถึงเห็นแล้วนึกสงสาร เห็นใจและเอ็นดูตนมากขึ้นไปอีก
จิรฐิติจอดรถแล้วก็รีบลงไปหาทันที
“มีอะไร แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ แล้วนี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
ใบหน้าสวยที่แต่งเครื่องสำอางอย่างบรรจงแต่มันคงจางลงไปมากแล้วเพราะยังไม่ได้เติมเพิ่มจนตอนนี้เข้าเช้าวันใหม่ เลยเผยให้เห็นเครื่องหน้าชัดเจน เจ้าของใบหน้าสวยทำท่าเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้ ท่าทางของหล่อนเปลี่ยนเป็นหวาดผวา แล้วยกแขนขึ้นโผเข้าไปหาชายหนุ่มที่ตนรอคอย เธอทำท่าจะกอดคอเขา โน้มคอเขาลงหา แต่จิรฐิติจับแขนของมิรันดาเอาไว้ได้ทัน ตอนนี้เวลาจะยังเช้าอยู่มาก แต่ก็มีคนอยู่ไม่น้อย มิรันดาจะแสดงท่าทีสนิทสนม ประเจิดประเจ้อแบบนี้ไม่เหมาะสมเลยสักนิด
“ช่วยมิด้วยนะพี่ติ”
จิรฐิติมองมิรันดาด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
ตั้งแต่ที่เขาเจอมิรันดาในงานเลี้ยงรวมรุ่นเมื่อสี่เดือนก่อน ชีวิตของเขาก็วุ่นวายขึ้นมาก มิรันดาเป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กเอนเตอร์เทนต์ที่เพื่อน ๆ ของเขาลงขันจ้างพวกเธอให้มาช่วยเพิ่มสีสันในงานเลี้ยง
จิรฐิติยังจำคืนนั้นที่เจอกับมิรันดาได้อยู่เลย
มิรันดาแทบจะเป็นหญิงสาวอีกคนในช่วงหลายเดือนมานี้ ที่ทำให้จิตใจของจิรฐิติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้องคอยพะวง เพราะเป็นห่วง เป็นกังวลเรื่องของหล่อนอยู่เรื่อย
จิรฐิติรีบพาหญิงสาวท่าทางบอบบางในชุดเซ็กซี่เย้ายวนขึ้นไปบนรถ เขารู้ว่าตอนนี้ทั้งเขาและเธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในปั๊มน้ำมัน
“มิเปิดห้องไว้ที่โรงแรมแล้วค่ะ”
มิรันดาบอกเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย
“พี่ต้องไปทำงาน”
มิรันดาขยับตัวเข้าไปอิงหัวซบไหล่ของจิรฐิติแล้วเอียงหน้าบอกด้วยท่วงท่าออดอ้อนให้ทั้งดูน่ารัก น่าสงสารในคราวเดียวกัน เรื่องแบบนี้มิรันดาถนัดนัก แทบไม่ต้องฝึกอะไรมากเลย เพราะมันเหมือนกับว่าเธอเกิดมาก็พกเอาพรสวรรค์ด้านนี้ติดตัวมาด้วย
“แค่ไปส่งมิที่โรงแรมก็ได้ค่ะ พี่ติว่างแล้วก็ค่อยแวะมาหามิ แบบนั้นได้ไหมคะ”
จิรฐิติคิดอยู่นานกว่าจะพยักหน้าเป็นการตอบตกลง เขาต้องขับรถมุ่งหน้าตรงสู่โรงแรมอ้อมไปอีกทางเพื่อส่งมิรันดา ถึงแล้วหญิงสาวก็ยังใช้บทอ่อนหวานอ้อนให้เขาลงไปส่งที่ห้องชั้นบน จิรฐิติก็ยอมใจอ่อนเดินตามไป แล้วค่อยกลับมาที่รถเพื่อจะขับฝ่าจราจรช่วงสายกลับไปยังออฟฟิศของเขา
“อูว่าเราหยุดข้อสุดท้ายเอาไว้ก่อนดีกว่า”
กันต์กมลบอกกลุ่มเพื่อนในตอนทุ่มเศษ ๆ ในวันศุกร์ วันนี้ใช้บ้านของเธอเป็นฐานที่ตั้งในการวางแผนเรื่องของจิรฐิติอีกครั้ง
“ข้อสุดท้ายอะไรของอู” ทรายแก้วถาม มือก็กำลังคีบหมูสามชั้นที่ส่งเสียงซู่ ๆ ทั้งกวักเรียกให้พลิกตัวบนเตาปิ้งย่างนอกบ้าน
เชิดชัยช่วยตักผักในหม้อชาบูออก พร้อมกับร้องเสียงดัง “อ้อ ๆ ดอมรู้แล้ว”
“รู้อะไร บอกมาเลย เร็ว”
“ข้อสุดท้าย ที่บอกให้อูหาทางให้พี่ติข่มขืนไง ใช่ไหมอู”
กันต์กมลตีเพื่อนทีหนึ่งแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง “ไม่ได้หมายถึงว่าให้พี่ติมาข่มขืน หมายถึงทำร้ายร่างกายต่างหาก”
“อย่างนั้นแล้วอูจะเริ่มแผนไหนก่อนดีละ”
“ข้อแรกเลย”
“อ้าวเฮ้ย แล้วไหนบอกว่าพี่แกไม่มีใครไง”
“ก็พี่สร พี่วินที่อูเคยให้ตามพี่ติน่ะสิ เมื่อวันก่อนโทรมาบอกว่าช่วงนี้พี่ติแปลก ๆ”
“แปลกยังไง”
“พี่ตินะปกติจะทำงานลากยาวถึงสามทุ่มไม่ก็สี่ทุ่ม ถ้าไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อน แต่ช่วงที่พี่สรบอกว่าแปลกก็คือพี่ติเลิกงานไวมาก แทบจะเรียกว่าเลิกก่อนเวลาได้เลย และพี่แกก็จะขับรถไปรับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อไปส่งที่คอนโด หรือไม่ก็แวะโรงแรมข้างทาง แล้วก็จะหายไปด้วยกันเป็นเวลานานบางครั้งก็สองหรือสามทุ่ม แล้วถึงกลับบ้านตอนสี่ทุ่มกว่า ทำให้เหมือนว่าเพิ่งเลิกงานมา”
กันต์กมลเล่าด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ ในหัวใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันแบบนี้ ปกติเธอเคยดูแต่ในซีรี่ย์ ไม่ก็อ่านนิยาย แต่นี่เธอกำลังเผชิญกับการถูกสามีนอกใจแล้วใช่ไหม
“อูโอเคไหมอะ”