บทที่ 13 ผูกด้ายแดงให้เฉยๆ

1510 คำ
ทั้งสามคนลัดเลาะไปกับความมืดเพื่อจะไปให้ถึงบ้านพักของหัวหน้าหวาง ไม่นานทั้งหมดมาถึงหน้าบ้านของเป้าหมาย หลันลู่อิงจึงงัดแงะหน้าต่างของบ้านพัก เมื่อได้แล้วภาพที่เห็นทำให้หยางเฟยเทียนต้องเอามือปิดตายายตัวเล็กของเขาทันที เพราะภาพนี้ไม่ควรให้เด็กๆ เห็น “อาข่ายหลับตาปิดหู เสี่ยวอิงด้วยปิดหู ที่เหลือฉันจัดการเอง” หยางเฟยเทียนเอ่ยเสียงดุเบาๆ แม้ว่าจะเสียงดังคิดว่าคนในบ้านคงไม่สนใจ ในเมื่อเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกันแบบนี้ หลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายสองพี่น้องปิดหูปิดตาอย่างเชื่อฟัง ใครจะคิดว่าจะเจอหนังสดแบบนี้ล่ะ ว่าแต่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ยุวปัญญาชนหญิงหรอกเหรอ แต่ก็ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของเธอ หลันลู่อิงคนนี้จะไม่ยุ่ง “อาเฟยเทียนเอาหมามุ่ยโยนใส่ไปในเสื้อผ้าที่กองอยู่ในบ้านนะ” แม้ว่าจะปิดตาปิดหู แต่ไม่วายสั่งให้คนตัวโตทำตามที่บอก “อืม รอเดี๋ยวจัดการให้” หยางเฟยเทียนตอบรับก่อนจะโยนหมามุ่ยเข้าไปด้านใน ดีที่เขามีถุงมือไม่เช่นนั้นคันตายแน่ เมื่อทำภารกิจสำเร็จ ทั้งสามคนจึงรีบเดินออกมาจากบ้านพักหลังนั้น แต่เพราะคิดว่ายังเอาคืนไม่สาแก่ใจ หลันลู่อิงจึงถามหยางเฟยเทียนว่า “อาเฟยเทียนเอาไม้ขีดไฟมาหรือเปล่า” “เอามา ว่าแต่ถามทำไม” เขามองยายตัวเล็กอย่างไม่ไว้ใจ มีอย่างที่ไหนอยู่ๆ มาขอไม้ขีดไฟจากเขา “เราควรจะเป็นแม่สื่อให้ทั้งสองคนนะ หนูสงสารพี่สาวคนนั้น เป็นยุวปัญญาชน แต่ต้องกลับมาเสียตัวให้หัวหน้าหวางแบบนี้คงไม่ดี ทำไมไม่ทำให้เขาสองคนแต่งงานกันล่ะ” หลันลู่อิงบอกด้วยความเจ้าเล่ห์ แบบนี้หัวหน้าหวางไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับแม่ของเธออีกแล้ว ถ้ามาวุ่นวายอีกก็เจอข้อหาหนักไปเลยสิ “แน่ใจนะว่าที่พูดมาคือคิดดีแล้ว ต้องการช่วยหรือต้องการทำลายกันแน่” หยางเฟยเทียนพูดอย่างรู้ทัน หากเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้อยากช่วยทั้งสองคนในอนาคตเขาคงออกลูกเป็นลิงแล้วล่ะ “เอาเถอะน่าอาเฟยเทียน อย่าพูดมาก พี่ใหญ่หากองฟางมาสุมไว้ตรงนี้กันดีกว่า หนูไม่ได้จะเผาบ้านเสียหน่อย แค่สร้างสถานการณ์เท่านั้นเอง รีบๆ กันเถอะจะได้รีบกลับ พรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมพ่อแต่เช้ายังต้องไปซื้อของเข้าบ้านด้วยนะ หากตื่นสายอาหารมื้อเช้าหากินกันเองก็แล้วกัน” หยางเฟยเทียนและหลันอี้ข่ายสะดุ้งกับคำว่าหาของกินกันเอง ทั้งสองคนจึงช่วยกันรีบไปเอากองฟางมาสุมไว้ข้างๆ บ้านหัวหน้าหวาง ก่อนที่เฟยเทียนจะจุดไฟด้วยตนเอง เขาคิดว่าหากเกิดใครเห็นขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง เสี่ยวอิงและอาข่ายยังเด็กเกินไปที่จะมารับผิดชอบข้อหาวางเพลิง หลังจากที่จุดไฟชายหนุ่มจึงรีบเดินมาที่สองคนรออยู่ และรอดูเหตุการณ์เล็กน้อย ไม่นานมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเดินมายังจุดที่เกิดไฟลุกไหม้พอดี สามคนจึงรีบวิ่งกลับบ้านและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะแยกย้ายเข้าไปพักผ่อน “เสี่ยวอิง ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วโดนจับได้ พ่อแม่จะรู้สึกยังไง” หลันอี้ข่ายอดที่จะดุน้องสาวไม่ได้ “ขอโทษค่ะพี่ใหญ่ ต่อจากนี้ไปหนูจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ อีกแล้ว ครั้งนี้หนูไม่อยากให้หัวหน้าหวางมายุ่งวุ่นวายกับแม่อีก ครอบครัวเรายังต้องอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ หนูไม่อยากเห็นสายตาของหัวหน้าหวางมองแม่แบบนั้น เพราะถ้าเขาทำอีกเราสามารถเอาผิดเขาได้นะ อีกทั้งหนูสงสารพี่สาวคนนั้น เธอเป็นผู้หญิงต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้วต้องมาเสียตัวให้ชายอื่นชมเชยง่ายๆ เหรอ ครั้งนี้หนูทำดีนะช่วยให้ทั้งสองได้แต่งงานกัน” เธอรีบอธิบายให้พี่ชายเพียงคนเดียวเข้าใจ ก่อนจะอ้อนพี่ชายด้วยการเข้าไปกอดแล้วเอาหน้าถูแขนเหมือนแมวน้อย ทำให้หลันอี้ข่ายยิ้มออกมาได้ จากนั้นสองพี่น้องจึงแยกย้ายเข้าห้องของตนเองโดยไม่สนใจว่าภายนอกจะวุ่นวายแค่ไหน หลังจากที่หลันลู่อิงและหลันอี้ข่ายเข้าบ้านปิดไฟเรียบร้อยแล้ว หยางเฟยเทียนจึงเดินออกมาสูบบุหรี่นอกบ้าน และนั่งขบคิดเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเจอยายตัวเล็กในรูปแบบใหม่ เธอไม่กลัวใคร เจ้าเล่ห์ และกล้าได้กล้าเสีย เมื่อคิดถึงความแสบของหลันลู่อิง ใบหน้าของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนออกมา “เลิกมองฉันและไปดูสถานการณ์ได้แล้ว ทำยังไงก็ได้ให้หลักฐานมัดตัวสองคนนั้นว่ามีความสัมพันธ์กัน หัวหน้าหวางจะได้ไม่เข้ามาวุ่นวายกับน้าหงเหยาแม่ของยายตัวเล็ก” หยางเฟยเทียนกล่าวกับคนสนิททั้งสอง “นายสั่งย้ายไม่ง่ายกว่าเหรอครับ เส้นสายของนายมีจนล้น” ฉีหงฝูกล่าวอย่างไม่เข้าใจ แค่ต้องการให้หัวหน้าหวางย้ายไปง่ายกว่าไหมที่ต้องลงแรงเองแบบนี้ “ไม่ล่ะ เสี่ยวอิงอยากจัดการเอง ปล่อยให้เธอเล่นสนุกไปเถอะ นายสองคนรีบไปเก็บกวาดและจัดการให้เรียบร้อย จริงสิพรุ่งนี้บอกคนของเราให้ดูแลสองพี่น้องให้ดี ฉันคิดว่าสองคนคงเข้าตลาดมืด เพียงแค่ดูความปลอดภัยเท่านั้น ที่เหลือไม่ต้องสนใจว่าทั้งสองคนจะทำอะไร” หยางเฟยเทียนไม่รู้เลยว่าสองพี่น้องเข้าไปโดยการปลอมตัว ลูกน้องรายงานเพียงว่าไม่เห็นทั้งสองคนเข้าตลาดมืด ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าไปซื้อของมากมายมาจากไหน ต่อให้ไปกวาดซื้อในสหกรณ์ของรัฐคงจะไปหลายที่เลยล่ะ ฉีหงฝูกับฉียวี่กงรับคำก่อนจะไปดูสถานการณ์ที่บ้านของหัวหน้าหวาง เมื่อมาถึงกลับมาชาวบ้านมุงดูและช่วยดับไฟกันมากมาย ดีที่ไฟไม่ลุกลามจนไหม้บ้าน ความเสียหายจึงไม่เกิดขึ้นแต่กลายเป็นว่าชาวบ้านช่วยกับจับหัวหน้าหวางและยุวชนหญิงไว้ได้ขณะที่กำลังวิ่งหนี ทำให้ข่าวกระจายไปอย่างรวดเร็วว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน ในตอนนี้กฎหมายและข้อบังคับระหว่างชายหญิงเข้มงวดมาก ยิ่งลักลอบมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ผิดเต็มๆ เพราะทุกคนเห็นแก่หน้าผู้นำหมู่บ้านเพราะเขาเป็นคนดี หากเกิดเรื่องฉาวโฉ่ในหมู่บ้านนี้ จะทำให้สวัสดิการที่ต้องได้รับอาจจะโดนลดทอนลงมา ด้วยเพราะเหตุนี้หัวหน้าหวางจึงต้องรับยุวปัญญาชนหญิงเป็นภรรยาอย่างเสียไม่ได้ ดีแค่ไหนแล้วที่หัวหน้าหวางยังไม่แต่งงานไม่เช่นนั้นคงรับโทษคบชู้แห่ประจานรอบอำเภอแน่นอน แต่นั่นก็ต้องรอทำพิธีตอนเช้าพร้อมกับจดทะเบียนสมรส ตัวหัวหน้าหวางแม้จะไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ผิดกับยุวปัญญาชนหญิงที่รู้ว่าจะได้เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของหัวหน้าหวาง เธอจึงเก็บความอายที่ทุกคนเห็นเรือนร่างเชิดหน้าชูคอทันที ฉีหงฝูและฉียวี่กงเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปอย่างที่ต้องการทั้งสองคนจึงกลับบ้านเพื่อมาพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ยังไงพวกเขาและเจ้านายต้องอยู่ในคราบของยุวปัญญาชนเช่นเดิม เช้าวันต่อมา สองพี่น้องอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเดินทางเข้าอำเภอ แต่ก่อนไปหลันลู่อิงไม่ลืมที่จะเดินเข้าบ้านของหยางเฟยเทียนไปทำอาหารเช้าไว้ให้ ส่วนตัวเธอและพี่ชายจึงได้ฝากท้องไว้ด้วย จากนั้นทั้งหมดจึงแยกย้าย วันนี้เด็กทั้งสองคนมีเงินเพิ่มขึ้นอีกสองร้อยหยวนที่ผู้นำหมู่บ้านนำมาให้ ทั้งสองจึงมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะหากสองพี่น้องเอาอะไรกลับมาจะได้ไม่มีใครสงสัยมากว่าเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อ “พี่ใหญ่ เราลองไปสอบถามโรงเรียนมัธยมดูไหมว่ายังรับสมัครเรียนอยู่หรือเปล่า” หลันลู่อิงเอ่ยถามพี่ชายขณะกำลังจ่ายเงินค่าเกวียน “อืม หลังจากกลับจากโรงพยาบาลเราค่อยแวะไปสอบถามดีกว่า อาจจะได้เรียนเทอมนี้เลย” หลันอี้ข่ายคิดเหมือนกัน เพราะว่านี่เพิ่งจะเปิดเรียนได้ไม่นาน ไม่แน่เขาและน้องอาจจะยังมีโอกาส เมื่อเกวียนมาถึงในอำเภอทั้งสองจึงจ่ายเงินก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อหาคนที่พวกเขารักทั้งสองคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม