หลันเฉินซวนเลือกที่จะพูดออกมาเอง ระหว่างการเสียหน้ากับต้องมาชดใช้หนี้สินที่ตนเองไม่ได้ก่อ เขาขอเลือกเสียหน้าในครั้งนี้
“ดี ดีมาก ตอนนี้บ้านใหญ่แทบจะเขี่ยบ้านรองทิ้ง พร้อมทั้งยังไม่ยอมช่วยจ่ายหนี้ เอ้า...อย่างนั้นก็ทำหนังสือตัดขาดเลยครับท่านผู้นำ เท่ากับตอนนี้บ้านรองเป็นหนี้ผมหนึ่งร้อยหยวนโดยที่บ้านใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
หยางเฟยเทียนกล่าวอย่างชอบใจ ในที่สุดยายตัวเล็กและครอบครัวหลุดพ้นจากบ้านใหญ่เสียที ว่าแต่บ้านรองจะไปอยู่ไหนกัน ในเมื่อตอนนี้ทางภาครัฐกวดขันเรื่องการซื้อขายบ้านในอำเภอมาก หากไม่ใช่ให้ญาติพี่น้อง บ้านเช่าแทบจะหาลำบาก แม้ว่าเส้นสายเขาจะช่วยได้แต่ความรู้สึกตอนนี้ไม่อยากให้ยายตัวเล็กและครอบครัวอยู่ห่างจนเกินไป
สองพี่น้องฉีหงฝูและฉียวี่กงมองเจ้านายเหมือนเห็นผี เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย หรือว่าล้มหัวฟาดจนสติหลุดไปแล้ว รู้หรอกนะว่าสนิทกับอาข่าย แต่ออกหน้าจนเกินไปแบบนี้หมายความว่ายังไง
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เจ้านายโต้เถียงกับเด็กสาวชื่อหลันลู่อิงทำให้ทั้งสองคนสะดุ้ง อย่าบอกนะว่าเจ้านายคิดอะไรกับเด็กอายุสิบสองปี ‘เป็นไปไม่ได้ เจ้านายจะเลี้ยงต้อยเหรอ’ ฉีหงฝูส่ายศีรษะให้กับความคิดแปลกประหลาดของตัวเอง
หลังจากนั้นผู้นำหมู่บ้านจึงลงรายละเอียดตามที่หลันเฉินซวนลั่นวาจา ตอนนี้บ้านรองเลิกฟูมฟายกลับมายืนกันอย่างสงบ แต่แววตานั้นเป็นประกายด้วยความดีใจ หลังจากที่หลันเทียนหยู่ลงนามเสร็จแล้ว เขาจึงคุกเข่าลงและหันหน้าไปทางพ่อกับแม่
“พ่อ แม่ ต่อไปนี้ผมคงไม่สามารถทำหน้าที่ลูกได้แล้ว หวังว่าพ่อกับแม่จะอยู่ดีมีสุข ยังไงก็มีพี่ใหญ่กับน้องเล็กดูแล หลังจากที่ผมก้าวเท้าไปจากบ้านหลันในวันนี้
ผมขอสาบานว่าจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับบ้านใหญ่อีก ต่อให้ผมและครอบครัวจะอดตายก็ตาม จะไม่เอ่ยปากขอร้อง และหวังว่าพ่อและทุกคนในบ้านใหญ่จะยึดมั่นในหนังสือตัดขาดกับผม แม้พบหน้ากันก็ให้คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า ลูกคนนี้ต้องอกตัญญูแล้ว ลาก่อนครับ”
เขาพยักหน้าให้ภรรยาและลูกทั้งสองทำแบบเดียวกัน นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำแบบนี้พร้อมทั้งมีพยานมากมาย หลังจากวันนี้และวินาทีเป็นต้นไป บ้านรองและบ้านใหญ่หลันขาดกันโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าจะไม่กังวลเรื่องที่พักอาศัยเพราะลูกสาวตัวน้อยมีคฤหาสน์ในมิติ แต่ถ้าพวกเขาไม่ขอจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างบ้านจะเป็นการผิดสังเกตต่อชาวบ้านที่พบเห็น
“ท่านผู้นำครับ ผมจะสอบถามว่าพอจะจัดสรรที่ดินให้พวกเราหน่อยได้ไหมครับ” หลันเทียนหยู่หันมากล่าวกับผู้นำหมู่บ้าน
“มีนะ...” ยังตอบไม่ทันจบประโยค หยางเฟยเทียนก็พูดขึ้นมา
“ท่านผู้นำครับ บ้านพักข้างๆ ที่ผมอยู่ยังว่างไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ให้ครอบครัวบ้านรองหลันไปพักอาศัยก่อน จนกว่าจะจัดสรรที่ดินและสร้างบ้านใหม่เสร็จ ไม่มีใครอยู่บ้านหลังนั้นจะโทรมเอานะครับ ช่วยคนลำบากเป็นลาภอันประเสริฐ”
“พี่ใหญ่ เจ้านายเราเคยทำบุญด้วยเหรอ” ฉียวี่กงกระซิบถามพี่ชาย
“นายกับฉันอยู่กับเจ้านายมาพร้อมกัน สิบปีผ่านมานายเคยเห็นเจ้านายทำบุญบ้างไหม”
เขาอยู่กับเจ้านายมาตั้งแต่เจ้านายอายุสิบสามปี จนตอนนี้เจ้านายมีอำนาจทุกอย่างไม่น้อยไปกว่านายท่าน แต่ยังต้องหลบซ่อนตัวตนเพราะนายหญิงหมั่นเพียรหาคู่ให้ สิบปีมาแล้วไม่เคยเห็นเจ้านายทำบุญสักครั้งมีแต่ความโหดเหี้ยมและเย็นชา
แม้แต่นายท่านซึ่งเป็นพ่อของเจ้านายยังปวดหัวกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเจ้านาย ตอนนี้ทั้งนายท่านและนายหญิงคงความหาตัวกันแล้ว มีอย่างที่ไหนหนีการดูตัวมาเป็นยุวปัญญาชนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ทรมานตัวเองชัดๆ
“อืม จริงด้วย หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล นายและครอบครัวไปอยู่ที่นั่นก่อนเถอะ ฉันจะทำเรื่องจัดสรรที่ดินให้เอง ได้เรื่องแล้วฉันจะรีบแจ้ง”
ผู้นำหมู่บ้านเห็นด้วย ใครจะกล้ามีเรื่องกับนายน้อยหยางกันล่ะ เขายังไม่อยากตายตอนนี้นะ พ่อว่าโหดแล้วลูกโหดยิ่งกว่า นี่ถ้าเกิดนายท่านหยางรู้ว่าลูกชายสุดหวงหนีมาอยู่ที่นี่มีหวังเขาคงคอขาดแน่ๆ
“ขอบคุณมากครับท่านผู้นำ วันนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
หลันเทียนหยู่กล่าวขอบคุณ หลังจากนี้ค่อยปรึกษากับครอบครัวก่อนว่าจะเอายังไงต่อไป
เมื่อเหตุการณ์สงบทุกคนจึงต่างแยกย้าย บ้านรองหลันเลือกที่จะเดินเข้าไปเอาเอกสารส่วนตัวของทุกคนพร้อมกับเสื้อผ้าบางส่วนใส่ห่อผ้าออกมา ส่วนอย่างอื่นไม่คิดที่จะเอาออกมาแม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนที่ฉียวี่กงจะรับของทั้งหมดมาและเอาไปเก็บไว้ในบ้านหลังข้างๆ กัน
จากนั้นบ้านรองหลันจึงขึ้นเกวียนเข้าอำเภอพาหลันเทียนหยู่ไปหาหมอ แม้ว่าจะไปโรงพยาบาลแต่เด็กสาวอย่างหลันลู่อิงยังไม่วางใจ เธอเชื่อว่ายาในมิตินั้นดีกว่าเป็นไหนๆ ค่อยสลับยาให้พ่อกินก็พอ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลทุกอย่างจึงเป็นหน้าที่ของฉีหงฝู เขาดำเนินการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง เมื่อมาพบหมอ ดูแล้วจะมีความเกรงๆ เขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่เผยท่าทีให้บ้านรองหลันจับผิดได้
หลันเทียนหยู่ หมอให้นอนโรงพยาบาลเพราะร่างกายอ่อนเพลีย และเขาเป็นไข้ป่าอย่างที่หลันลู่อิงคิด เธอจึงขอห้องพิเศษให้กับพ่อเพื่อแม่จะได้อยู่เฝ้าที่นี่
ทันทีที่เข้ามาในห้องพัก หงเหยามองห้องพักคิดว่าน่าจะหลายหยวนต่อวันเลยกำลังจะค้านลูกสาว แต่สองพี่น้องอยากให้พ่อรักษาแบบดีที่สุด จึงกระซิบบอกแม่ว่าวันนี้เขาและน้องสาวขายของได้เท่าไหร่
“จริงเหรออาข่าย ลูกไม่โกหกแม่นะ”
หงเหยามือสั่น แค่เงินร้อยหยวนเธอยังไม่เคยจับ แต่นี่ลูกๆ ของเธอสามารถขายของได้ตั้งสามพันหยวน จะไม่ให้เธออยากจะเป็นลมได้ยังไง
“ครับแม่ เราสองพี่น้องไม่โกหกแม่หรอก”
หลันลู่อิงคิดจะเข้าหมู่บ้านเพื่อไปสะสางปัญหาบางอย่างและจะได้เข้าไปทำความสะอาดบ้านด้วย จากนี้เธอและพี่ใหญ่คงไม่ทำงานแลกแต้มอีกแล้ว ควรจะอ่านหนังสือสอบเข้ามัธยมต้นเสียที แม้จะอยากให้พ่อแม่พัก แต่ทุกบ้านต้องส่งคนไปทำงานในคอมมูน
คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน หากครอบครัวเธอปุบปับมีเงินเลยจะทำให้คนอื่นสงสัยได้ คราวนี้หากใครมารังแกครอบครัวเธออีก เธอจะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น แม้ว่าร่างกายจะเด็ก แต่จิตวิญญาณด้านในของเธอนั้นเป็นมาเฟียเก่านะ บวกกับนางร้ายอันดับหนึ่ง อย่าคิดว่าเธอจะเป็นลูกพลับนิ่มสิ
เมื่อคิดจะกลับหมู่บ้านเธอจึงเอาเงินให้แม่หนึ่งร้อยหยวนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย จริงๆ เธออยากให้เงินแม่เก็บไว้ แต่ก่อนที่จะไปขายของทุกคนคิดว่าเก็บในมิติปลอดภัยที่สุดแล้ว
“เสี่ยวอิง มันเยอะไปลูก ค่าหมอยังไม่ต้องจ่ายไม่ใช่เหรอ ให้แม่แค่สิบยี่สิบหยวนก็พอเงินเยอะแม่กลัว”
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยจับเงินเกินสามหยวน นี่เสี่ยวอิงให้เธอร้อยหยวนจะให้เธอเป็นลมตายใช่ไหม
“ก็ได้ค่ะ วันนี้หนูกับพี่ใหญ่กลับบ้านก่อนนะคะ ส่วนพรุ่งนี้หนูจะรีบมา แม่อยู่ได้ใช่ไหม”
เพื่อความสบายใจของแม่เธอจึงยอมรับเงินส่วนที่เหลือกลับมา แต่เป็นฉีหงฝูที่หรี่ตามองบ้านรองหลัน เขาไม่คิดจะดูถูกบ้านนี้ แต่การมีเงินร้อยหยวนมันไม่ใช่เรื่องที่จะคิดได้ เพราะบ้านรองหลันเป็นยังไงทุกคนรู้ดี
แม้ว่าเขาและเจ้านายเพิ่งจะมาใช้ชีวิตได้ไม่ถึงปีก็ตาม แต่ช่างเถอะจะมีหรือไม่มีเขาไม่สนใจ แต่ก่อนที่จะมาเจ้านายสั่งให้รายงานทุกเรื่อง เรื่องนี้เขาคงต้องรายงานด้วยเช่นกัน
“แม่อยู่ได้ ลูกๆ นั่นแหละอยู่ได้ไหม แม่เป็นห่วงนะ จริงสิแม่รบกวนไปลางานที่คอมมูนให้ด้วยนะ แม่ไม่อยากโดนว่า”
“อาหงเหยาไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ผมลางานให้แล้ว” เขาไม่ได้ลางานกับหัวหน้าคอมมูนนะ แต่เขาลากับรองหัวหน้า เพราะนั่นคือคนของเจ้านาย
“ขอบใจมากเลยนะหงฝู บุญคุณครั้งนี้ไม่รู้จะขอบใจยังไง อาฝากขอบใจเฟยเทียนด้วยนะ” เธอไม่กล้าพูดสนิทสนมกับเฟยเทียนดูเขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา และคิดว่าเขาคงร่ำรวยน่าดู