Lollipop 6
อย่าลืมทานข้าว อยากทานอะไรโทรบอกพี่จะไปซื้อเพิ่มให้
อ่า ใครกันนะ? แต่จะว่าไปทั้งคอนโดฉันก็รู้จักอยู่ห้องเดียวนี่นา ใช่เขาหรือเปล่าไม่รู้แต่ตอนนี้หัวใจฉันมันไม่รักดีเต้นแรงนำไปก่อนหน้าแล้ว บ้าจริง ฉันเขินล่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอะไรดลใจให้ฉันเดินไปเคาะห้องที่อยู่ตรงข้าม เคาะไม่นานเจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตู ฉันสะอึกอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขามาสวมแว่นตาแบบนี้ หล่ออ่ะ แม่จ๋าทำไมผู้ชายห้องตรงข้ามหนูหล่อแบบนี้!
“ของพี่หรือเปล่าคะ?” ฉันชูถุงข้าวให้เขาได้มองเห็น
“ครับ เพิ่งออกมาเหรอ แขวนไว้ตั้งแต่สามทุ่มแล้วนะ”
“ค่ะเพิ่งออกมา ขอบคุณนะคะ” ฉันไม่ลืมยิ้มให้อีกฝ่าย
“ครับ ให้อุ่นให้ไหมน่าจะเย็นหมดแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ แล้วพรุ่งนี้จะออกไปม.กี่โมง”
“สักแปดโมงครึ่งค่ะ”
“ขอโทษนะพี่น่าจะไม่ได้ไปส่ง แต่เดี๋ยวจะไปรับนะครับ” พี่เกรทยกมือลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงแต่สายตายังจับจ้องฉันไม่ละไปไหน
“ค่ะ หนูไปแล้วนะ”
“ครับ ฝันดีล่วงหน้านะ” พี่เกรทยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มมุมปากก็ตาม
“ฝันดีค่ะ”
กว่าจะแยกออกมาได้นะ ทำไมกัน ทำไมฉันถึงไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ล่ะ ทันทีที่ปิดประตูห้องลงฉันก็ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ไม่เคยเจอใครที่ทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้มาก่อน ทั้งที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันเข้ามาทักทายแต่ไม่เคยเลยที่จะมีใครทำให้ฉันเขินได้แบบนี้ หรือเป็นเพราะว่าฉันอยู่ใกล้เขาเกินไป อ่า ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เลย หรือว่าฉันควรจะถอยห่างจากเขากันนะเพื่อที่จะไม่ต้องรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ลองดูไหม? หรือปล่อยให้มันเป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น
“อมยิ้ม อย่าเพิ่งคิดกับเขาไปมากกว่านี้เลยนะ”
แม้จะพร่ำบอกตัวเองให้ถอยห่างจากเขา บอกให้เว้นระยะ บอกให้ตัวเองกลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่ไม่รู้ทำไมในหัวถึงเอาแต่คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงใบหน้าของเขา นี่อย่าบอกนะว่าฉันตกหลุมรักเขาไปแล้ว!!
ตลอดทั้งคืนฉันแทบจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเพราะเอาแต่คิดเรื่องพี่ห้องตรงข้าม ยังดีที่สามารถดึงสติอันน้อยนิดกลับมาได้ พอถึงเวลาสอบก็ต้องเต็มที่ ฉันกับเพื่อนนั่งอยู่ในห้องสอบจนถึงวินาทีวิสุดท้ายไม่ใช่ตั้งใจทำอะไรหรอกนะ นั่งตากแอร์เย็น ๆ ในห้องสอบแค่นั้นแหละ เกือบเที่ยงฉันกับเพื่อนเดินออกจากห้องสอบสภาพแต่ละคนนึกว่าซอมบี้ เห็นหน้ากันเองก็จะหลุดขำ
“กว่าจะมีคนเดินออกมา” เอสบ่น
“ก็รอพวกแกออกมาก่อน” ฉันตอบเพื่อน
“ฉันก็รอพวกแกเนี่ย รอจนหลับตื่นมาอ้าวพวกแกหลับไปแล้ว ขำ ฮาๆๆๆ” พวกเราเดินลงจากชั้นที่สอบลงมาชั้นแรกก็เจอเข้ากับกลุ่มคนที่กำลังนั่งอยู่ตามโต๊ะเก้าอี้ แต่เหมือนสายตาของคนเหล่านั้นจะพุ่งไปยังจุดเดียวกันหมดนะ มีดารามาหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน ฉันเดินไปนั่งกับเพื่อนที่โต๊ะยาวตัวหนึ่ง เพื่อนคุยกันเรื่องข้อสอบส่วนฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาน้องชายที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะถึงคอนโดหรือยัง พี่เกรทบอกจะไปรับนี่นาเขาน่าจะไปรับน้องฉันแล้วล่ะ
“ทำไมไม่รับอ่ะ” ฉันบ่นพึมพำกับตัวอย่างอย่างกังวล โทรหาสายที่สามก็ยังไม่รับเลยตัดสินใจโทรหาพี่เกรทแทน ไม่ถึงห้าวิปลายสายก็รับก่อนจะเอ่ยทักทาย
(ครับ)
“เอ่อ พี่ไปรับน้องหนูหรือยังคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างเกรงใจ ก็เขาอุตส่าห์บอกว่าจะไปรับน้องให้นี่นา แล้วพอถามแบบนี้ฉันก็กลัวจะดูเสียมารยาท
(เรียบร้อยครับ)
“พี่ยังอยู่กับน้องไหม น้องไม่รับ...”
“คิดถึงจัง” เสียงทุ้มกระซิบข้าง ๆ หูฉัน ไม่ต้องบอกว่าเป็นเสียงใคร ฉันหันขวับไปมองก็เจอกับน้องชายยืนยิ้มอยู่ใกล้ ๆ ฉันยิ้มกว้างยกแขนโอบรอบคอน้องชายไว้ด้วยความคิดถึง น้องเองก็โน้มเข้ามากอดฉันไว้เช่นเดียวกัน เรากอดกันอยู่นานโดยที่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เมื่อผละออกห่างลูกกวาดก็ขยับนั่งลงข้าง ๆ ทันที
“คิดถึงจัง” ฉันเอ่ยบอกน้องอย่างไม่คิดปิดบัง
“คิดถึงเหมือนกัน” น้องตอบ พร้อมกับยกแขนโอบไหล่ฉันไว้
“ทักทายเพื่อนพี่ยัง” ฉันถามน้อง
“โอ๊ะ สวัสดีครับพี่ ๆ ” ลูกกวาดยกมือไหว้เพื่อนฉันพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นรอบ ๆ ทันทีเช่นเดียวกัน รวมถึงเพื่อนฉันที่ตอนนี้แทบจะละลายไปกับโต๊ะ หมายถึงเอสนั่นแหละ มันน่ะชอบเต๊าะน้องฉันแต่น้องก็ไม่อะไรหรอกนะเพื่อนก็ไม่ได้จริงจังด้วย บอกแค่ว่าแซวให้พอกระชุ่มกระชวยหัวใจ
“สวัสดีจ้าสุดหล่อ มา ๆ ให้พี่หอมแก้มสักฟอด” เอสพยายามจะลุกขึ้นมาหอมแก้มลูกกวาดแต่ทั้งกู๊ดและบอสก็รั้งไว้อย่างกับจังหวะซิกคอม
“แล้วนี่มาได้ไง”
“เฮียเกรทพามา นั่นไงมาแล้ว” ลูกกวาดชี้นิ้วไปยังด้านหลังฉัน แต่ยังไม่ทันจะหันกลับไปมองก็มีมือขาว ๆ ยื่นแก้วชามะนาวมาให้ฉัน รวมถึงของเพื่อน ๆ ด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
“ครับ จะกลับเลยไหมหรือไปทานข้าวก่อน” พี่เกรทเอ่ยถาม ตอนแรกคิดว่าเขาจะถามกู๊ดนะแต่พอเห็นสายตาเขาที่จับจ้องฉันแล้ว ฉันว่าเขาถามฉันและฉันเองก็ควรจะตอบเขานะ
“กลับเลยค่ะ เดี๋ยวเพื่อนจะไปทานข้าวที่ห้อง”
“เพื่อนพี่ก็จะไปที่ห้อง ไปทานด้วยกันเลยไหม”
“เอ่อ...” ฉันหันไปมองเพื่อน ก็ต้องหลุดขำเล็กน้อยเมื่อเอสพยักหน้ารัว ๆ จนฉันต้องตอบตกลงกับพี่เกรทไปเพราะกลัวคอเพื่อนจะเคล็ดไปซะก่อน
“งั้นพี่จะให้พวกมันสั่งอาหารเลยนะ”
“ค่ะ”
“กู๊ดเรื่องเรายังไม่คุยกันเลยนะ ไอ้โรคจิตนั่นน่ะ” แล้วหัวข้อสนทนาเขาก็เปลี่ยนไปอยู่ที่กู๊ด ส่วนฉันยังนั่งเบียด ๆ กับน้อง เอาเสื้อรายใหม่ให้ดูแล้วก็ถามเรื่องกล้องถ่ายรูปของน้องที่ให้เอามาด้วย เรานั่งพักกันอยู่ไม่นานก็ย้ายกันไปที่คอนโด ฉันกับน้องขอตัวเอาของมาเก็บที่ห้องพัก ส่วนเพื่อนฉันและรุ่นพี่รออยู่ห้องพี่เกรท
“พี่ทำเลนส์กล้องตกพื้นอ่ะ เนี่ยดูสิ หัวใจจะวาย” ฉันเดินไปหยิบเลนส์กล้องมาให้น้องดู น้องช่วยเช็คให้ก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไรข้างนอกถลอกเฉย ๆ จากนั้นเราก็ชาร์ตแบตกล้องไว้รวมทั้งแบตสำรอง เราสองพี่น้องเอากล้องออกมาเช็คแล้วเตรียมไว้
“พี่อยากซื้อเลนส์กล้องเพิ่ม”
“เพิ่งซื้อไม่ใช่เหรอ?” ลูกกวาดเอ่ยถาม
“ก็ใช่ไงเพิ่งซื้อ แต่มันก็อยากได้อีกอ่ะ”
“เอาไว้ก่อนไหมล่ะ เดือนหน้าค่อยซื้อ” ลูกกวาดเสนอทางมา
“เอางั้นก็ได้ จะไปอาบน้ำก่อนไหมเดี๋ยวทานข้าวเสร็จจะออกไปถ่ายรูปเสื้อกัน”
“ครับ อาบก่อนก็ได้”
“เดี๋ยวพี่ดึงเสื้อออกมาเตรียมให้พี่ ๆ ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาเลือกว่าจะใส่ตัวไหน”
“ครับ ๆ ” ลูกกวาดวิ่งเข้าห้องนอนไปอาบน้ำส่วนฉันก็ดึงเสื้อออกมาวางไว้กลางโต๊ะ รอให้น้องออกมาก่อนถึงจะชวนเอาไปห้องพี่เกรทให้พี่ ๆ กับเพื่อนได้เลือกกัน แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรพี่เกรทก็มาเคาะห้องทั้งยังอาสาเอาเสื้อไปห้องเขาให้อีก เขามาตามไปทานข้าวน่ะ ฉันรอน้องออกมาเลือกเสื้อเสร็จแล้วถึงพาเดินไปที่ห้องพี่เกรทที่อยู่ตรงข้าม น้องดูตื่นเต้นมากจริง ๆ ที่เจอพี่ ๆ และเพื่อนฉัน ก็เข้าใจแหละว่าน้องน่ะไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเล่นไหน เรียนเสร็จก็กลับไปดูโรมแรมช่วยพ่อกับแม่ เวลามาหาฉันก็จะตื่นเต้นเป็นพิเศษหน่อย ซึ่งครั้งนี้ดูพิเศษยิ่งขึ้นเพราะมีเหล่าพี่ชายอยู่ด้วย ปกติจะมีแค่ฉันกับเพื่อนเท่านั้น
เกือบบ่ายสองเราทานข้าวเสร็จก็ย้ายกันไปที่สวนสาธารณะโดยที่พี่ ๆ ขับรถไปพร้อมกับ ๆ เพื่อนฉัน ส่วนฉันเข้าไปเอากล้องที่ห้องกับน้องและรอไปพร้อมกับพี่เกรทและกู๊ด รายนั้นพอจะถึงรถก็วิ่งไปจองที่นั่งด้านหลังคนขับทันที ไม่มีวี่แววที่จะนั่งหน้าคู่กับพี่ตัวเองเลย
“เอาเสื้อมาแล้วใช่ไหม” พี่เกรทถามเมื่อเราใกล้ถึงรถ มือข้างหนึ่งก็ถือกระเป๋ากล้องช่วย เขาบอกกลัวฉันไหล่หักถ้าจะสะพายเอง เวอร์มากเลยใช่ไหมล่ะ
“เอามาแล้วค่ะ”
“พี่ยิ้มไปนั่งข้างหลัง เดี๋ยวกวาดนั่งหน้าเอง” ลูกกวาดเดินเข้ามาประคองเอวให้ไปนั่งด้านหลังกับกู๊ด ฉันเองก็สบายใจที่จะนั่งด้านหลังด้วยแหละ และแน่นอนว่ากู๊ดได้รูปในรถเยอะมากเช่นเดียวกัน เมื่อถึงสวนสาธารณะเราก็เริ่มถ่ายรูปกัน พี่ ๆ โพสท่าอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีฉันกับลูกกวาดเป็นคนถ่ายเมื่อพอใจรูปที่ได้พี่เกรทก็เข้ามาเปลี่ยนเป็นคนถ่ายให้ฉันบ้าง
“ถ่ายอยู่คนเดียวเมมเต็มล่ะมั้งนั่น” เสียงพี่เอ็มตะโกนแซว ตามด้วยเสียงโห่แซวจากคนที่เหลือ
“พี่คะ น้องอยู่นี่ถ่ายน้องบ้างก็ได้นะ” กู๊ดเองก็ตะโกนเข้ามาแซว ฉันเองก็เริ่มไปไม่ถูก จนบอกให้เขาหยุดถ่ายเดินไปรวมกลุ่มกับพี่ ๆ และเพื่อน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ลูกกวาดก็เดินเข้ามาใกล้เลื่อนรูปให้ดู สวยทุกคนทุกรูปเลยล่ะ พี่ ๆ เลือกใส่ยีนสีเข้มทั้งขายาวและสามส่วนพอสวมกับเสื้อยืดสีขาวแบบนี้มันเลยชวนดูผ่อนคลายแล้วยังดูจับต้องได้ง่าย เพื่อนฉันทั้งเอสและกู๊ดเอากางเกงยีนกับกระโปรงเอี๊ยมมาเปลี่ยน ส่วนเอสมันก็สวมกางเกงยีนนั่นแหละส่วนฉัน กระโปรงลูกไม้ยาวเฟื้อยเลยจ๊ะ ลืมนัดแนะกับเพื่อน โผล่มาแปลกกว่าชาวบ้านเขาเลยเป็นยังไงล่ะ
“ยังไม่มีเซตคู่เลยนี่หว่า ไป ๆ ไอ้ยิ้ม ไปยืนคู่กับเพื่อนพี่ จะถ่ายให้” พี่บูทยึดกล้องที่คล้องคอพี่เกรทไปก่อนจะผลักทั้งฉันและพี่เกรทไปยังมุมต่าง ๆ และพวกเขาก็ตามมาถ่ายรูปและร่วมแซว ฉันทั้งเขินทั้งอายจนไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้วเนี่ย
“จับมือหน่อย ๆ ” เสียงพี่อาร์ตะโกนบอก คนข้าง ๆ ฉันก็ไม่รอช้าคว้ามือฉันไปจับทันทีเช่นเดียวกัน
“เดินไปเลย จะไปไหนก็เดินไปแต่เดินช้า ๆ ” คราวนี้พี่เอ็มตะโกนบอก พี่เกรทดึงมือฉันให้เดินออกไปพร้อม ๆ กับเขา เราเดินกันช้า ๆ และยังไม่มีหัวข้อสนทนาเลยกระทั่ง
“เย็นนี้ทานข้าวไหนดี” พี่เกรทเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ยังไม่รู้เลยค่ะ ไม่รู้น้องอยากทานอะไร”
“ถามน้องแล้วมาบอกพี่ด้วย”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะเลี้ยงข้าวขอบคุณนะคะ อุตส่าห์ไปรับน้องให้แล้วยังมาช่วยถ่ายรูปด้วย” ฉันหันไปมองพี่เกรทก่อนจะยิ้มอย่างขอบคุณ พี่เกรทเองก็หันมามองแล้วยิ้มให้
“เชี่ย! ออร่าเกินว่ะ”
“สองคนนั้นน่ะหันมา ๆ แต่จับมือกันไว้นะ เชี่ย! เขินสัส” เสียงพี่ ๆ โอดครวญมาไม่หยุด จนฉันกับพี่เกรทหลุดขำ อะไรจะขนาดนั้นก็ไม่รู้นะ เราทั้งสองเดินกลับเข้าไปใกล้พี่ ๆ เพื่อดูรูป แล้วหัวใจฉันก็เต้นแรงตึกตักอีกครั้งเมื่อเห็นรูปที่ถ่ายออกมา มันเหมือนคู่รักกันยังไงชอบกล เหมือนมากอ่ะยิ่งแววตาที่พี่เกรทมอง ฮื่อ! แม่จ๋า ใจหนูมันคงไม่ใช่ของหนูแล้วล่ะ หนูเขินค่ะแม่!!
“ถ่ายให้ผมกับพี่บ้างสิ” ลูกกวาดส่งกล้องให้พี่เกรท
“ได้ ๆ ”
“เอาหล่อ ๆ เลยนะ จะไปตั้งโปรไฟล์กันคนมาจีบ” ลูกกวาดบอกขำ ๆ ก่อนจะล็อคคอฉันไปถ่ายรูปด้วย นี่พี่นะทำไมรุนแรงกันแบบนี้
“เพื่อนเราก็รู้จักพี่หมดนะ จะไปกันใครมาจีบ” ฉันเอ่ยถามน้องทั้งยังมองอย่างสงสัย
“แต่คนที่เข้ามาจีบไม่รู้จักพี่ไง”
“เอาละ ๆ ไม่ถามละ ขอขี่หลังได้ปะ” ฉันถามน้องแต่ไม่รอคำตอบกระโดดเกาะหลังน้องทันที ยังดีที่อีกฝ่ายตั้งรับทันไม่อย่างนั้นฉันคงได้ลงไปนอนกลิ้งที่พื้นแน่ ๆ ฉันถ่ายคู่กับน้องเสร็จก็ถ่ายรวมกับเพื่อน ก่อนจะเป็นฝ่ายถ่ายให้พี่เกรทกับพี่ ๆ เป็นภาพรวม เกือบห้าโมงเย็นเราถึงนัดแนะกันไปทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้สวนสาธารณะไม่สิ ร้านชาบูน่ะและฉันเองก็จะเลี้ยงพี่ ๆ ด้วย กันเป็นการขอบคุณที่พี่ ๆ มาช่วยโปรโมทเสื้อ ส่วนรูปขอแต่งก่อนแล้วกันคืนนี้คงจะได้ส่งให้พี่ ๆ ทีเดียว
“โคตรเด่นเลยว่ะเสื้อพวกเรา ฮา ๆ ๆ ” พี่บูทเอ่ยขำทั้งยังเดินไปเลือกโต๊ะมุมร้านอีกด้วย ร้านนี้ให้ติ๊กของที่ต้องการในเมนูแล้วพนักงานจะมาเสิร์ฟส่วนเครื่องดื่มต้องลุกเดินบริการตัวเอง
“เอาแล้ว ๆ ปกติที่นั่งข้างยิ้มจะเป็นมันแต่วันนี้ลูกกวาดมาด้วย”
“มาลุ้นเว้ยว่าพ่อเราจะทำยังไง” เสียงพี่ ๆ ซุบซิบกัน ฉันฟังไม่ค่อยถนัดแต่พอเห็นกู๊ดมองซ้ายขวาก็เริ่มมองตาม กระทั่งมันดึงแขนพี่ชายมันมานั่งข้างฉันส่วนมันขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไปโดยให้บอสไปนั่งฝั่งพี่ ๆ แทน ที่นั่งข้างฉันอีกด้านเป็นลูกกวาดที่ทำหน้ามุ่ยอย่างน่ามันเขี้ยว
“พี่อ่ะ” แล้วก็หันมางอแงไม่หยุด ฉันหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะยกมือลูบผมน้องเบา ๆ ตัวก็โตกว่าฉันมากทำไมถึงขี้อ้อนแบบนี้กันนะ
“บอกพี่ว่าไม่เอาหมูทะ แต่ก็พามาชาบูอ่ะ”
“ก็พาพี่ ๆ มาเลี้ยงไง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปร้านอร่อย”
“ห้ามลืมนะ ไม่เอาพิซซ่าด้วยผมไม่ชอบ”
“ค่ะ ๆ รู้แล้วค่ะ”
“น้องเป็นอะไร” พี่เกรทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอียงหน้ามากระซิบถาม
“งอแงนิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบก่อนจะยิ้มขำเมื่อน้องถูกพี่บูทลากไปกดน้ำ ขำหน้าน้องมากทั้งยังเอ็นดูอีกด้วย คนอะไรปากบอกโตแล้ว ๆ พออ้อนก็ชอบบอกว่าเป็นเด็กน้อยอยู่ ยิ่งเวลางอแงนะ อยากกัดแก้มลูกกวาดล่ะ
“เอาน้ำอะไรครับ เดี๋ยวพี่ไปกดให้”
“เดี๋ยวไปกดเองค่ะ” ฉันขยับลุก พี่เกรทเองก็ลุกตาม
“กู๊ดเอาน้ำอะไรพี่จะกดมาให้”
“แป๊บซี่จ้าพี่จ๋า” พี่เกรทยกมือโยกศีรษะกู๊ดไปมาเบา ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ อารมณ์คนเป็นพี่ก็จะประมาณนี้นี่แหละ เอ็นดูน้องอะไรแบบนั้นน่ะ เราเดินไปกดน้ำก็เจอกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนรอคิวกดเช่นเดียวกัน พอคนเหล่านั้นหันมาเจอพี่เกรทก็เกิดการกรี๊ดขึ้นรอบ ๆ พร้อมทั้งยังมองพี่เกรทอย่างเขินอาย บางคนก็ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาอย่างชัดเจน ฉันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาทนแรงกดดันจากสายตาจิกกัดไม่ค่อยไหวจึงค่อย ๆ ขยับเท้าถอยห่างจากเขาแทน
แต่เท้าที่กำลังถอยก็ชะงักไปเมื่อพี่เกรทเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้แล้วดึงให้กลับเข้าไปยืนข้าง ๆ เขา โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกัน เมื่อถึงคิวกดน้ำพี่เกรทก็ดึงมือไปยังตู้กด หยิบแก้วตักน้ำแข็งก่อนจะกดเครื่องดื่มที่ฉันต้องการมาให้ จากนั้นก็หยิบแก้วใหม่มาอีกสองใบกดเครื่องดื่มให้กู๊ดและตัวเขาเอง เมื่อเราเดินกลับมาที่โต๊ะ ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันฉันเองก็ไม่ได้สนในเขามากเพราะต้องมาง้อเจ้าน้องชายที่ทานไปบ่นไปเรื่องชาบูหมูกระทะ
“บ่นเก่งเกินไปแล้ว” ฉันแซวน้องมือก็ตักหมูไปใส่จานให้
“ก็มันขัดใจอ่า” ถ้าทิ้งตัวนอนกลิ้งไปคงทำไปแล้วล่ะน้องฉันน่ะ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปร้านอาหาร” เสียงพี่เกรทเอ่ยขึ้นมือเขาก็ตักหมูมาใส่จานให้ฉัน
“จริงนะเฮีย ต้องพาผมไปจริง ๆ นะ”
“จริง พรุ่งนี้ตอนบ่าย”
“ดีลครับ” แหม เรื่องแบบนี้ล่ะเข้าขากันดีเหลือเกินนะ ทั้งน้องชายฉันทั้งพี่เกรทน่ะ
“เออใช่ ยิ้ม ๆ ” เสียงกู๊ดเรียก ฉันชะโงกหน้ามองผ่านพี่เกรทเพื่อคุยกับกู๊ด พี่เกรทเองพอเห็นแบบนั้นก็เอนหลังติดเก้าอี้ให้ฉันได้คุยกับกู๊ดสะดวกขึ้น
“ฮะ? ว่าไง”
“จะบอกว่า พรุ่งนี้ไปหลังเรียนเสร็จทำโครงการก่อนนะเพื่อนนัดกันไว้แต่ลืมบอก”
“อ้าวเหรอ ได้ ๆ ”
“ตามนั้น” ช่วงเวลามื้อเย็นของเราใช้เวลานานเกือบสองชั่วโมงจากนั้นถึงได้แยกกันกลับที่พัก พี่เกรทไปส่งกู๊ดที่คอนโดอีกที่จากนั้นถึงได้พาฉันและลูกกวาดกลับคอนโด ระหว่างทางลูกกวาดก็โทรหาแม่โม้เรื่องวันนี้ให้ฟัง ตั้งแต่มาถึงใครไปรับ ไปหาฉันที่คณะเป็นยังไง แล้วก็บ่นงอแงเรื่องชาบู คิดแล้วก็ขำน้องชาย อยู่ที่นู่นคงทานบ่อยพอมานี่เลยไม่อยากทานชาบู
“ยิ้ม”
“คะ?” หันกลับมามองคนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่อย่างตกใจ ที่จู่ ๆ เขาก็เอ่ยเรียกเสียงเข้มแบบนั้น
“พรุ่งนี้ทำงานถึงกี่โมง”
“อือ ยังไม่รู้เลยค่ะ น่าจะเสร็จค่ำ ๆ ทำไมเหรอคะ?” ฉันถามพี่เกรทกลับ
“พี่จะพาไปทานข้าว ถ้าเสร็จแล้วก็บอกพี่นะ เดี๋ยวจะรับน้องออกมาด้วยเลย”
“เฮีย...” ลูกกวาดที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังเอ่ยเรียกพี่เกรทเสียงเข้ม ฉันเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ลูกกวาดยังพูดเพราะกับพี่เกรทอยู่เลย
“หือ? ว่าไงกวาด”
“เฮียชอบพี่ผมเหรอ?” ตรงเกินไปแล้วลูกกวาด!!
“ครับชอบ จีบพี่สาวกวาดอยู่ ขออนุญาตน้องชายตรงนี้เลยนะ”
===============================