9 เริ่มใหม่

1867 คำ
“วันนี้ถ่ายงานเสร็จ คุณพอมีเวลาว่างมั้ยครับ” คุณพุฒถามฉัน ตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดของฉันด้วยกัน คือเราก็ถือว่าสนิทกัน อาจจะด้วยระยะเวลา และการร่วมงาน รวมถึงความรู้สึกดี ๆ การกระทำดี ๆ ที่คุณพุฒมีให้ฉัน ซึ่งฉันที่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งย่อมรู้สึกดีที่มีคนทำดีด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันคบกับเขา ฉันไม่กล้าพอ อย่างที่บอกว่าเขาดีเกินไป เขาเหมาะกับคนที่ดีกว่าฉัน “ไม่ว่างก็ต้องเคลียร์ให้ว่างค่ะ ฉันจำได้ว่าวันอะไร” ฉันยิ้มให้คุณพุฒ วันนี้คือวันคล้ายวันเกิดของคุณพุฒ เมื่อปีก่อนเราก็ฉลองด้วยกัน คุณพุฒเลี้ยงฉลองเงียบ ๆ กับครอบครัวของเขา และชวนฉันกับนาฬิไปด้วย ซึ่งปีที่แล้วฉันก็ไปตามมารยาทที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ พ่อกับแม่ของคุณพุฒเอ็นดูนาฬิมาก และเอ็นดูฉันเช่นกัน คุณพุฒเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบก็บอกชอบ และการที่เขาเป็นคนแบบนี้ทำให้ครอบครัวของเขารู้ว่าเขากำลังพยายามขายขนมจีบให้ฉัน ฉันบอกตลอดว่าฉันไม่อาจจะรักเขาได้ เนื่องจากคำว่าไม่คู่ควร แต่แม่ของเขากลับบอกว่าอย่าเอาคำนั้นมาตัดสินความเป็นมนุษย์ของเรา ไม่มีอะไรมาวัดได้ว่าคู่ควรหรือไม่คู่ควร ทุกอย่างอยู่ที่คนสองคน “คุณน่ารักเสมอนะเวฬา” คุณพุฒยกยิ้มอย่างปลื้มใจ ที่เขาเรียกฉันว่าเวฬา เพราะที่ผ่านมาคนที่เรียกฉันว่าเวย์มีแค่สองคน คือนาฬิกา และพ่อของนาฬิกา มันอาจจะไม่มีความหมายลึกซึ้งอะไร ก็แค่การเรียกชื่อ แต่ฉันอยากให้มันเป็นโมเมนต์เฉพาะคนที่สำคัญจริง ๆ ที่เรียกฉันแบบนั้น “คุณพุฒขา” นาฬิที่เดินออกมาจากโซนครัวเอ่ยเรียกคุณพุฒ คือเธอทานข้าวเหนียวหมูปิ้งเรียบร้อยจึงไปล้างมือ “ว่าไงครับหนูนาฬิ” ส่วนมากคุณพุฒชอบเรียกนาฬิว่าหนูนาฬิ “น้องแอบวาดรูปที่โรงเรียนมาค่ะ นี่ค่ะ น้องให้คุณพุฒนะคะ ให้เป็นของขวัญวันเกิดคุณพุฒ” นาฬิรื้อค้นกระเป๋านักเรียนของตัวเอง จากนั้นก็หยิบกระดาษเอสี่ที่มีภาพวาดออกมาให้คุณพุฒ “ในนี้มีใครบ้างครับ” กระดาษเอสี่มีภาพวาดที่ขีดเขียนด้วยสี และมีคนยืนอยู่สามคน “มีคุณตาใจดี คุณยายใจดีแล้วก็คุณพุฒค่ะ” นาฬิยืนอธิบายรูปที่ตัวเองวาดพร้อมรอยยิ้มสดใส “แล้วหนูนาฬิกับคุณแม่ทำไมไม่อยู่ด้วยครับ” “ก็น้องกับแม่เวย์รอพ่อนอสที่บ้านค่ะ เดี๋ยวพ่อนอสก็กลับมาหาน้องกับแม่เวย์ แม่เวย์บอกน้องแบบนั้น ไม่สิ ไม่ใช่ แม่เวย์บอกว่าพ่อนอสอยู่บนฟ้าแล้ว พ่อนอสกลับมาไม่ได้แล้ว น้องไม่พูดดีกว่าค่ะ น้องเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดนะคะ” แต่ละคำพูดของลูกสาวฉันมันน่าสะเทือนใจ นาฬิของฉันคงแอบไปร้องไห้อีกแล้ว ฉันยิ้มให้คุณพุฒเล็กน้อย และเดินมาค้นกระเป๋านักเรียนของลูกสาว แล้วก็ได้เห็นว่าเธอวาดรูปฉันกับเธอยืนอยู่หน้าบ้าน มันช่างเหมือนเหตุการณ์ที่ฉันเคยพาเธอมายืนรอนอสที่หน้าบ้านในทุก ๆ เย็น “เดี๋ยวฉันขอไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ไปดูนาฬิด้วยนะคะ” ฉันยิ้มให้คุณพุฒและเดินเข้ามาในห้องของนาฬิ “น้องไม่ได้ร้องนะคะ น้องไม่ได้ร้อง น้องเข้าใจค่ะแม่เวย์ น้องเข้าใจ ฮึก ฮึก…” เมื่อฉันเปิดประตูห้องนอนของนาฬิเข้ามา เธอก็รีบนั่งหันหลังให้ฉันพลางดึงเสื้อนักเรียนขึ้นมาเช็ดน้ำตา “ไม่เป็นไรค่ะ แม่ไม่ได้ว่าน้อง น้องร้องได้ค่ะ แม่เข้าใจน้องนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นพร้อมกับอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งบนตัก “น้องคิดถึงพ่อ น้องคิดถึงพ่อนอส คิดถึงพ่อมาก ๆ น้องอยากเจอพ่อ อยากกอดพ่อ แม่เวย์ขา…น้องขอโทษ น้องงอแง พ่อนอสจะโกรธน้องมั้ยคะ” นาฬิทั้งพูดทั้งร้องไห้ และโอบกอดต้นคอของฉัน ลูกสาวของฉันน่าสงสารจับใจ ถ้าฉันรู้ว่านอสจะไม่กลับมา ฉันจะไม่สอนให้นาฬิรักเขามากมายขนาดนี้ ฉันเจ็บปวด ฉันทนได้ แต่เมื่อเห็นลูกของฉันเจ็บปวด ฉันเหมือนจะขาดใจ ยิ่งน้ำตาที่ไหลรินของเธอ มันทำให้ฉันหายใจติดขัดเป็นอย่างมาก “กอดแม่แทนได้มั้ยคะ แม่รักน้องนะคะ แม่รักน้องมาก ๆ พ่อก็รักน้อง กอดกับแม่ก่อนนะคะนาฬิกาของแม่” ฉันเช็ดน้ำตาและโอบกอดลูกไว้แน่น ‘นอส…นายไม่คิดถึงฉันกับลูกบ้างหรือไง ลูกรักนายมากนายรู้บ้างมั้ย ลูกทั้งรักทั้งคิดถึงนาย ได้โปรดกลับมาหาลูก กลับมาหาลูกสักครั้ง’ การภาวนาของฉันไม่เคยมีหวังเพราะฉันเคยภาวนาแบบนี้ทุกครั้งที่นาฬิกางอแงร้องไห้หาคนเป็นพ่อที่ไม่เคยทำหน้าที่พ่อสักครั้ง “น้องไม่ร้องแล้วค่ะแม่เวย์ แม่เวย์อย่าร้อง เดี๋ยวไม่สวยนะคะ ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะคะ” นาฬิยื่นมือป้อม ๆ ของเธอมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้ฉัน เธอพยายามเช็ดน้ำตาให้ฉัน ฉันพยายามที่จะไม่ร้อง แต่ก็กลั้นไว้ไม่ได้เพราะฉันสงสารลูกมาก “แม่รักหนูนะคะ รักหนูที่สุด ลูกรักของแม่” มันเป็นความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก ฉันไม่สามารถทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวมีความสุขได้ ทั้งที่ชีวิตของฉันมีแค่เธอคนเดียวที่สำคัญ ควรทำยังไงดีนะ… หกชั่วโมงต่อมา… “คอลเลกชันน้ำหอมตัวนี้จะเปิดตัวอาทิตย์หน้านะคุณ” คุณพุฒบอกกับฉันขณะที่ฉันถือกระเป๋าของเล่นและข้าวของของนาฬิ ส่วนคุณพุฒกำลังอุ้มนาฬิที่นอนหลับคาอกของเขา “อ้อ พี่เหมียวบอกแล้วค่ะ” ฉันระบายยิ้มให้คุณพุฒและกดลิฟต์ของคอนโดที่ฉันอยู่ ไม่นานลิฟต์เปิดออกเราสามคนจึงเข้ามาในลิฟต์ ฉันจึงกดชั้นที่ฉันอยู่ วันนี้งานถ่ายแบบน้ำหอมตัวใหม่ผ่านไปด้วยดี จากนั้นคุณพุฒจึงพาฉันไปทานข้าวกับครอบครัวของเขา ครอบครัวของคุณพุฒยังน่ารักกับฉันเหมือนเดิม และยังมีความเอ็นดูให้นาฬิเช่นเคย หรือบางทีอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ “ฝนตกหนักแบบนี้ คุณค้างที่นี่มั้ยคะ” เพราะฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งนานสุดท้ายก็ตกหนักลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฉันจึงเอ่ยปากชวน เพราะเขาอุตส่าห์มาส่งฉันกับลูก ให้ขับรถฝ่าฝนกลับก็ดูจะใจร้ายเกินไป นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย อีกนิดเดียวก็จะเที่ยงคืนแล้ว เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาคงจะเป็นความผิดของฉัน “คุณไว้ใจผม?” “คุณเป็นสุภาพบุรุษค่ะ” “ถ้างั้นก็ขอรบกวนนะครับ” คุณพุฒยิ้มให้ฉัน “ด้วยความยินดีค่ะ อ้อ แป๊บนะคะ ฉันเกือบลืมไปเลย” ฉันรีบเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าลืมเอาของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้ให้คุณพุฒ “นี่ค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณพุฒ” ฉันยื่นเนคไทให้คุณพุฒ “ขอบคุณครับ” “ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบมั้ย” เนื่องจากคุณพุฒเขามีทุกอย่าง ฉันจึงไม่มีความมั่นใจในการเลือกของขวัญ ไม่รู้จะให้อะไรจึงให้เนคไท เพราะเห็นเขาใช้ทุกวัน “คุณให้อะไรผมก็ชอบหมดทุกอย่างครับ คุณก็รู้ว่าผมชอบ…” “เอ่อ ฉันขอตัวไปดูนาฬิก่อนนะคะ” ฉันรู้ว่าคุณพุฒจะพูดว่าอะไร ฉันจึงต้องตัดบทสนทนา แต่ดูเหมือนรอบนี้มันจะไม่ง่ายเลย เมื่อคุณพุฒไม่ยอมจบเหมือนครั้งก่อน ๆ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน “คุณลองคบกับผมได้มั้ยครับ ผมชอบคุณ อยากดูแลคุณกับหนูนาฬิ ผมชอบคุณมานานมากแล้วนะเวฬา ผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน คุณคบกับผมได้มั้ย ให้โอกาสผมสักครั้งนะคุณ” ความดีต่าง ๆ ที่คุณพุฒทำให้ฉันกับนาฬิไหลเวียนวนเข้ามา พร้อมกับสายตาที่กำลังมองฉันเพื่อรอคำตอบจากปากของฉัน เขาเป็นคนดี และถ้าฉันปฏิเสธไป เราคงจะร่วมงานกันยาก ฉันยังติดสัญญากับเขาอีกนานพอสมควร ‘ตาพุฒชอบหนูมากเลยนะ แม่ไม่เคยเห็นตาพุฒชอบใครมากขนาดนี้ แม่อยากได้หนูมาเป็นสะใภ้ อยากได้หนูนาฬิมาเป็นหลานสาว ถ้ายังไงพิจารณาลูกชายของแม่บ้างนะหนูเวฬา’ คือคำพูดของแม่คุณพุฒที่บอกกับฉันในขณะที่ฉันช่วยท่านเตรียมขนมหวานหลังทานข้าวเสร็จ คำพูดของแม่เขามีแต่ความโอบอ้อมอารี ท่านอายุมากแล้ว คงอยากจะเห็นลูกชายในวัย 30 ปี เป็นฝั่งเป็นฝา “ค่ะ แต่คุณต้องสัญญานะคะว่าถ้าเราไปกันไม่ได้ เราจะยังเป็นเพื่อนกัน คุณจะไม่หายไปถ้าหากว่าวันนึงเราสองคนไม่ใช่สำหรับกันและกัน” ฉันไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกไหม ฉันแค่อยากเริ่มต้นใหม่แบบเต็มตัว อยากลืมนอสที่เคยเป็นทุกอย่างของฉัน “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณคุณมากที่ให้โอกาสผม ผมจะดูแลคุณกับหนูนาฬิให้ดีที่สุด ผมรักคุณ ผมรักคุณ” คุณพุฒลุกขึ้นยืนและคว้ามือทั้งสองข้างของฉันไปจับไว้แน่น คุณพุฒจับมือฉันและมองฉันด้วยแววตาที่ปลื้มปริ่มดีใจเอามาก ๆ ฉันส่งรอยยิ้มให้คุณพุฒ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่บอกว่ารักฉัน พ่อของนาฬิเคยบอกแค่ว่าชอบฉันมาก ไม่เคยมีคำว่ารักหลุดจากปากคนคนนั้นสักครั้งเดียว ความรู้สึกที่มีให้คุณพุฒคือคนละความรู้สึกที่มีให้นอส แต่ฉันเชื่อว่าฉันอาจจะรู้สึกกับคุณพุฒได้ ไม่มีใครไม่หลงรักคนดี สักวันฉันต้องรักเขา สักวันฉันจะมีความสุข ฉันหวังว่าการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้จะทำให้เด็กหญิงนาฬิกาของฉันมีความสุขขึ้นมาบ้าง เพราะคนคนนั้นคงไม่กลับมาอีกแล้ว ฉันต้องเลิกรอเขาอย่างจริงจังสักที เพราะนี่มันหกปีกว่าแล้วที่เขาไม่กลับมา มันไม่ใช่เวลาน้อย ๆ ที่เขาหายไป ถ้าเขาจะกลับมาคงกลับมานานแล้ว [End Vela]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม