ตอนที่ 1 จอง

2446 คำ
“ไปค้างบ้านเราไหม” “ไม่เป็นไรเหรอ” “อื้ม ไม่เป็นไร เราอยู่กับพี่เรา พ่อแม่เราไปทำงานต่างประเทศ” “…..ไปก็ไป” หลังจากคุยตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองสาวก็พากันนั่งรถที่หน้าโรงเรียน ตรงไปยังบ้านของผู้ชักชวน ซึ่งก็คือนาริน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของนริยา นริยา หรือ น้ำ เด็กสาวผิวขาวจัด ดวงตากลมโต ขนตายาวงอนเป็นแพ ผมตรงยาวดำสนิทเป็นเงาสวยงาม เธอสูง 165 เซนติเมตร แต่หนักเพียงแค่ 43 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอม หญิงสาวเป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะ อาจจะเพราะเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด และไม่เข้าหาใครก่อน นั่นจึงทำให้เธอมีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันเพียงคนเดียวก็คือนาริน “เข้ามาสิ ยังไม่มีใครกลับมาหรอก” เมื่อเดินทางมาถึง นารินก็เปิดประตูเล็กข้างรั้วก่อนจะเรียกให้นริยาตามเธอเข้าไปด้านใน หญิงสาวเดินตามเพื่อนเข้าไปด้วยอาการอึ้ง เมื่อบ้านของนารินมีขนาดไม่ต่างกับคฤหาสน์เลย “เรามีพี่ชายกับน้องชาย พี่เราอยู่มหาวิทยาลัยปี 4 กับน้องชายเราอยู่มัธยม 2 ห่างกันคนละ 4 ปี” “ดีจัง เราลูกคนเดียว เหงาจะแย่” “อย่างน้อยก็ไม่ต้องทะเลาะกันนะ” “ก็คงงั้น” “ขึ้นไปเถอะ” เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน สองสาวก็พากันเดินขึ้นไปชั้นสอง ที่มีห้องนอนของนารินอยู่ บนชั้นนี้จะมีห้องนาริน พี่ชาย และน้องชาย อยู่บนชั้นเดียวกัน “ไปอาบน้ำก่อนไป ใส่เสื้อผ้าเราไปก่อน” “เราจะใส่ได้เหรอ รินตัวเล็กนิดเดียว” “เออ จริงด้วย น้ำสูงกว่าเราเยอะเลย งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวเราไปเอาเสื้อพี่เรามาให้” “เอ่อ งั้นเราใส่ของรินดีกว่า” “ไม่น่าใส่ได้ เราชอบใส่เสื้อผ้าพอดีตัว ที่สำคัญเราแบน น้ำมีหน้าอก ไม่น่าใส่ได้” “…..” นารินพูดจบก็เดินหายออกไปจากห้อง นริยาจึงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง อันที่จริงวันนี้เธอกับนารินตั้งใจจะมาอ่านหนังสือกันเพราะสอบอาทิตย์หน้า และห้องที่พวกเธอเรียนเป็นห้องพิเศษ วิชาเรียนจึงจะมากกว่าห้องเรียนปกติอยู่หลายวิชาและหลายหน่วยกิต “มาแล้ว เอาเสื้อพี่เราไปใส่ก่อนนะ กางเกงน่าจะใส่ของเราได้อยู่ มีบางตัวที่มันหลวม เราใส่ไม่ได้ น้ำน่าจะใส่ได้” นารินเดินนำนริยาไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงขาสั้นกับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาส่งให้นริยา ก่อนจะชี้ไปที่ห้องน้ำเพื่อบอกทาง นริยาพยักหน้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งและกางเกงขาสั้น “เราส่งข้อความไปบอกพี่เราแล้วว่าเรายืมเสื้อให้น้ำใส่ รอเราอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินแล้วค่อยติว” “อือ” นารินหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมา หล่อนเป็นคนตัวเล็ก สูง 155 เซนติเมตร จึงไม่ได้ดูโตเป็นสาวเหมือนกับนริยา “ลงไปหาอะไรกินกัน” ทั้งสองสาวเดินลงมาชั้นล่างก็พบกับแม่บ้านที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ เมื่อแม่บ้านเห็นว่ามีแขกมา จึงจัดการเตรียมผลไม้และน้ำอัดลมให้กับทั้งสองสาวและกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ นารินพานริยาไปนั่งที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะหยิบหนังสือกับสมุดในส่วนที่ต้องสอบในวันแรกขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อช่วยกันทบทวนในสิ่งที่จะออกข้อสอบ ไม่นานก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเด็กผู้ชายที่สูงราว 170 เซนติเมตร จะเดินเข้ามาพร้อมกับอาการชะงักไปเมื่อเห็นว่ามีแขกอยู่ในบ้าน “วิน นี่เพื่อนพี่ ชื่อน้ำ” “สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มที่เสียงเริ่มแตกเอ่ยทักก่อน “สวัสดีค่ะ” นริยาทักทายกลับ เธอไม่ได้คิดว่าน้องชายของเพื่อนจะสูงขนาดนี้จึงอึ้งไปเล็กน้อย “ผมขึ้นห้องก่อนนะ เจอกันตอนกินข้าว” นารินพยักหน้ารับ และเมื่อพ้นหลังเด็กหนุ่มไปแล้ว นารินก็หันมาหานริยา ก่อนจะอธิบายให้นริยาฟังถึงน้องชายของเธอ “ธาวิน ชื่อเล่นวิน สูงใช่ไหม” “ใช่” “พี่คินสูงกว่านี้อีก พี่คินสูง 188 เซนติเมตร” “…..” นริยาอึ้งหลังจากที่ได้ฟังเพื่อนบอก “น่าจะกลับดึกๆ พี่คินจะเป็นคนนิ่งๆ ดุๆ เอาแต่ใจตัวเองสูง คงเพราะเขาต้องดูแลน้องๆ ด้วยมั้ง เลยเป็นแบบนั้น เพราะพ่อแม่ของเราส่วนใหญ่ทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆ จะกลับมาที พี่คินเลยต้องช่วยดูแลที่บริษัทตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว” นริยาพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร พวกเธอจึงเข้าสู่ช่วงเวลาติวหนังสืออย่างเป็นทางการ หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จทั้งสามคนก็แยกย้ายกันขึ้นห้องนอน นารินกับนริยาที่ติวหนังสือกันตั้งแต่บ่ายจึงใช้เวลาหลังอาหารในการพักผ่อน ก่อนที่จะช่วยกันติวหนังสือต่อ จนกระทั่งใกล้สี่ทุ่ม นารินจึงขอตัวไปนอนก่อน ปล่อยให้นริยานั่งอ่านหนังสือเรียนและหนังสือที่นำไปสร้างหนังชื่อดังอยู่เพียงลำพัง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามา นริยามองผู้มาใหม่ด้วยอาการตกใจ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน เพิ่งซักตากไปเมื่อตอนขึ้นมาบนห้องนอน และที่สำคัญเวลานี้เจ้าของห้องได้หลับไปแล้ว “รินหลับแล้วเหรอ” “ค่ะ” นริยาที่เพิ่งได้มองเขาเต็มตาก็อึ้งไป ภาคิน เป็นชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างกำลังดี ไม่ได้ผอมแห้ง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตจนน่าเกลียด เขาหล่อระดับเดือนของมหาวิทยาลัย อีกทั้งฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดีมาก จึงทำให้เขากลายเป็นที่หมายปองของสาวๆเกือบทั้งมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ครองตัวโสดมาจนใกล้จะเรียนจบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว เขาเองก็ผู้ชายแบดๆ คนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่จะมีคนที่รู้อยู่แค่ไม่กี่คน หลักๆก็จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนที่ใกล้ชิด หญิงสาวหลายคนที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วยจะรู้จักเขาเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ถ้าคนที่เป็นคู่ขากันก็จะรับรู้รสนิยมและนิสัยของเขามากพอสมควร เพียงแต่เขาไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจังเท่านั้น ซึ่งพวกหล่อนก็รู้และยินดีที่จะมีความสัมพันธ์ชั่วคราวกับเขาไปเรื่อยๆแบบนี้ “รินไปเอาเสื้อพี่มาให้เธอใส่เหรอ” “ค่ะ” “อืม เหมาะดีนะ เอาไปสิ พี่ให้” ดวงตาคมดุมองไปที่ร่างบอบบางปราดเดียวก็รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ใส่ปราการด้านใน เธอห่อตัวตามสัญชาตญาณ เขาจึงไม่ได้ก้าวเข้าไปใกล้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูเช่นเดิม นริยามีท่าทางกระอักกระอ่วน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกเธอมันเป็นเพราะเขามองว่าเสื้อเขาเหมาะกับเธอจริงๆ หรือแค่ประชดประชันเธอที่เอาเสื้อเขามาใส่โดยไม่ได้ขออนุญาต “อย่าคิดเยอะ พี่บอกว่าให้ก็คือให้” “…..ค่ะ” “แล้วทำไมยังไม่นอน” “อ่านหนังสือค่ะ” “อืม อย่านอนดึกล่ะ แล้วก็ล็อกประตูห้องด้วย” “ค่ะ” ภาคินถอยหลังเดินออกจากห้องไปหลังจากที่พูดจบ นริยาแอบถอนหายใจเบาๆ เธอแอบเกร็งเล็กน้อยตอนที่เขายืนอยู่ภายในห้อง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ตามลำพังและไม่ได้ปิดประตูก็ตาม บุคลิกเขาดูดุและน่าเกรงขามอย่างที่นารินบอกเธอจริงๆ หญิงสาวอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านพ้นวันใหม่ไปหลายนาที มือเล็กวางหนังสือลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดร่างกายคลายความเมื่อยขบ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาขวดน้ำดื่ม แต่เมื่อไม่เห็นมีจึงเปิดประตูห้องอย่างเบามือ มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครก็ปิดประตูแล้วค่อยๆเดินลงบันไดไป บริเวณโถงบันไดไม่ได้มืด เพราะจะเปิดไฟที่โถงเอาไว้ตลอด หญิงสาวจึงไม่ลำบากในการมองเห็น เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างร่างบอบบางก็เดินมาที่ห้องครัว ซึ่งไกลจากโถงในบ้านพอสมควร ก่อนที่มือเล็กจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เปิดไฟด้านในห้องครัว อาศัยเพียงแสงไฟจากโถงบันไดเพียงเท่านั้น ตู้เย็นถูกเปิดออกพร้อมกับที่ขวดน้ำถูกหยิบออกมารินใส่แก้ว ก่อนที่แก้วใบขนาดพอดีมือจะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง ไม่กี่นาทีน้ำที่อยู่ด้านในก็หายไป แก้วจึงถูกล้างแล้วคว่ำลงที่เดิม ขวดน้ำที่วางอยู่ข้างๆถูกเก็บเข้าในตู้เย็น เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ร่างบอบบางก็หมุนตัวกลับเพื่อที่จะออกจากห้องครัว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอชนเข้ากับใครบางคนที่มายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วงแขนแข็งแรงโอบกอดรอบเอวคอดเล็กเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างทำท่าจะหงายหลัง เสียงหวีดร้องดังขึ้นเบาๆ เมื่อเธออยู่ในอาการตกใจ “ร้องทำไม” “พี่!!!” “ก็ฉันน่ะสิ คิดว่าใครล่ะ” “…..” “ลงมาทำอะไรดึกดื่น” “มาดื่มน้ำค่ะ” ทั้งสองคนต่างยืนนิ่งไม่มีใครพูดอะไรจนนริยารู้สึกอึดอัด เมื่อเธอยืนทรงตัวได้แล้วแต่อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธออยู่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยจากเอวของเธอ “ปล่อยเอวน้ำก่อนได้ไหมคะ” “ทำไมต้องปล่อย” เสียงห้าวทุ้มราวกระซิบดังขึ้นข้างใบหูเล็ก “…..” นริยาสะดุ้งอีกคำรบเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายใหญ่โตสมบุรุษเพศเบียดเรือนกายเข้าหาร่างเธอ ร่างกายที่มีเพียงเสื้อยืดของเขากับกางเกงขาสั้นไร้ปราการด้านใน!! มือเล็กยกขึ้นตั้งใจจะผลักร่างสูงใหญ่ออก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้แตะโดนตัวเขาด้วยซ้ำ มือใหญ่ก็ปล่อยออกจากเอวคอด จับรวบข้อมือเรียวไปข้างหลังแล้วรวบมันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะใช้อีกมือสอดเข้าที่เอวคอดแล้วดึงให้ร่างบอบบางแนบชิดกับตัวเอง “พี่!!” “เสียงดังทำไม อยู่แค่นี้” “ปล่อยน้ำ” “หืม ก็น่าปล่อยดีนะ แต่ถ้าปล่อยน้ำนั้นแล้วก็คงจะปล่อยน้ำนี้ไปไม่ได้” เสียงแหบห้าวกล่าวชิดข้างใบหูเล็ก “!!!” ระหว่างที่กำลังเหวอ ลำคอระหงก็รู้สึกอุ่นวาบ ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักเตรียมโวยวาย “ร้องไปก็เท่านั้น ป่านนี้คงหลับกันหมดแล้ว แล้วที่นี่ก็เป็นห้องเก็บเสียงทุกห้องนะ” “แล้วพี่ลงมาทำไมคะ” นริยาอึ้งจนถามเสียงตะกุกตะกัก “เพิ่งทำงานเสร็จ กำลังจะกลับเข้าห้องนอนก็เห็นเธอออกมาพอดี เลยเดินตามลงมา” หญิงสาวที่หายอึ้งเริ่มดิ้นขลุกขลักอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามือเขาจะใหญ่เกินไป เพราะข้อมือของเธอทั้งสองข้างถูกเขารวบจับเอาไว้แน่น “อย่าดิ้นสิ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง” เสียงกัดฟังดังกรอด เมื่อหญิงสาวดิ้นรนจนลืมไปว่าตอนนี้ร่างกายของเธอและเขากำลังแนบชิดกันอยู่ นริยาชะงักไป ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันนูนขึ้นเป็นลำบริเวณท้องน้อยของเธอ หญิงสาวถึงกับนิ่งไป “มัดจำเอาไว้ก่อน อย่าให้ใครมาซ้ำรอยล่ะ อ้อ อย่าให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวอย่างที่พี่ทำ ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองนั่นแหละที่จะไม่ปลอดภัย” “มัดจำอะไรคะ ไม่เข้าใจ…..” ยังไม่ทันที่จะจบประโยค ลำคอระหงก็อุ่นวาบพร้อมกับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบสลับกับขบกัด ดูดเม้มให้มันเกิดรอย “ขอแค่รอยเดียว สัญญาว่าจะไม่จับต้อง” “…..” “ไม่ต้องกลัว พี่จะไม่จับต้อง พี่สัญญาแล้ว” ร่างเล็กถูกพาหมุนตัว ร่างกายกำยำใช้เรือนกายของตัวเองดันร่างขาวผ่องเอนกายลงไปนอนบนโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้องครัว ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอจะถูกรวบกดลงกับโต๊ะเอาไว้ เรียวขาสวยถูกดันให้แยกออกจากกันเมื่อร่างหนาของบุรุษเพศขยับเข้ามายืนตรงกลางแล้วโน้มตัวไปอยู่เหนือร่างบอบบาง โดยที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอมากกว่านั้นตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้ ปากอุ่นร้อนแนบลงบนริมฝีปากบางอย่างเรียกร้อง ฟันเรียงสวยกัดลงไปบนกลีบปากบางเบาๆ “อ๊ะ!!!” เสียงหวานใสร้องออกมาเบาๆ เมื่อเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นได้แทรกเข้าไปกวาดชิมภายใน นริยาอึ้งไปเมื่ออยู่ๆ เธอก็ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัว มันไม่ใช่การจูบแบบผิวเผิน แต่เป็นการจูบที่ลึกซึ้ง และที่สำคัญ…..มันเป็นจูบแรกของเธอ “แค่นี้น่าจะพอแล้วล่ะ” ข้อมือเล็กได้รับอิสระ หลังจากที่ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก และสร้างร่องรอยบนลำคอของเธอหลายรอย ฝ่ามือใหญ่ช่วยพยุงแผ่นหลังบอบบางขึ้นจากโต๊ะเพื่อให้เธอทรงตัวได้ “ไปนอนเถอะ ล็อกห้องดีๆ ล่ะ” “…..ค่ะ” “อ้อ เดี๋ยวก่อน ลืมอะไรบางอย่าง” “คะ?” ริมฝีปากนุ่มถูกแนบจุมพิตแผ่วเบา โดยไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น ก่อนที่ตัวเธอจะได้รับการปล่อยแล้วถูกดันให้เดินออกจากห้องครัวไป “ฝันดีนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นตามหลังมาเบาๆ ซึ่งเขามั่นใจว่าหญิงสาวได้ยิน ก่อนที่มือใหญ่จะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำแล้วเดินกลับขึ้นห้องไปเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม