สองสัปดาห์ต่อมา….
“น้องพราวฟ้าจ๊ะ พี่ฝากเอกสารให้คุณองศาเซ็นทีนะจ๊ะ” ฉันที่กำลังเดินไปยังห้องทำงานขนาดใหญ่ถึงกับต้องชะงัก เมื่อถูกพี่สุนีย์เรียกเอาไว้ ก่อนที่พี่เขาจะยื่นแฟ้มเอกสารมาให้ฉัน
“ได้ค่ะ ว่าแต่ด่วนมั้ยคะ พอดีตอนนี้พี่องศาเขาหลับอยู่” คือพี่องศาเขาหลับอยู่จริงๆนะ ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน ไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหน
“ไม่ด่วนจ๊ะ แค่รายงานการประชุมเฉยๆ”
“อ้อค่ะ งั้นเดี๋ยวพราวบอกพี่องศาให้นะคะ” พูดจบฉันก็เดินกลับห้องทำงานทันที แล้วตอนนี้ฉันก็ยืนมองคนที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ขนาดหลับยังหล่อเลย
ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเดินมาใกล้พี่องศาตอนไหน แต่พอรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆพี่เขาแล้ว สันจมูกโด่งๆ ริมฝีปากหนาน่าจุ๊บจัง
“จ้องขนาดนี้…..อยากเปิดซิงพี่เหรอเรา” จู่ๆคนที่นอนหลับตาอยู่เมื่อกี้ ก็ลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะหันมาพูดกับฉัน ซึ่งพอฉันเห็นแบบนั้นฉันก็รีบผละออกมาให้ห่างจากเขาอย่างไว
นี่เขาตื่นตอนไหนกัน แล้วที่ว่าเปิดซิงนี่ยังไง อายุขนาดนี้แล้วยังซิงอยู่อีกเหรอ ไม่น่าจะใช่
“พี่องศาเนี่ยนะยังซิง ไปบอกเด็กอนุบาลยังไม่เชื่อเลยค่ะ” อันนี้ไม่เชื่อจริงๆนะ ให้อมพระวัดไหนมาพูดก็ไม่เชื่อ
“ไม่เชื่องั้นมาลองดูไหม….แต่ ใหญ่ นะจะไหวหรือเปล่า?”
อึก!!
ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ก่อนที่สายตาจะมองไปตรงเป้าของเขา แล้วแกจะมองทำไมเล่าไอ้สายตาไม่รักดี
แต่จู่ๆภาพพี่องศาตอนพันผ้าคนหนูรอบเอวแค่ผืนเดียวก็ลอยขึ้นมา
“อ เอ่อ…นี่เอกสารรายงานการประชุมค่ะ เดี๋ยวพราวเอาไปวางไว้บนโต๊ะให้นะคะ” ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา เลยรีบหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ทำไมพี่องศาพูดแบบนี้อีกแล้ว ฉันรู้สึกว่าช่วงสองสามวันมานี้พี่องศาจะพูดจาแทะโลมฉันเก่งเหลือเกิน
“เป็นไข้เหรอ ให้พี่พาไปหาหมอไหม” จู่ๆคนที่ฉันเดินหนีหน้ามาเมื่อกี้ ก็เดินมาที่โต๊ะของฉัน แล้วนี่เขาพูดบ้าอะไรกัน ใครเป็นไข้ ฉันก็ปกติดีนี่นา
“พราวสบายดีค่ะ ไม่ได้เป็นไข้ซะหน่อย”
“อ่าวเหรอ พี่ก็นึกว่าพราวเป็นไข้ เห็นนั่งหน้าแดงเหมือนคนไม่สบาย” นี่หน้าฉันแดงขนาดนั้นเลยรึไง ถึงว่าทำไมถึงได้รู้สึกหน้าร้อนผ่าวซะขนาดนี้
“คืออากาศในห้องนี้มันร้อนไงคะ เดี๋ยวพราวขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลุกออกจากเก้าอี้ทำงานที่เพิ่งหย่อนสะโพกลงไปเมื่อกี้ แล้วเดินออกจากห้องมาอย่างไวจี๋เลยจ้า
———————————-
“หึ” ผมยืนมองร่างบางที่ตอนนี้รีบเดินออกไปจากห้องทำงาน หลังจากที่ผมพูดประโยคเมื่อกี้กับเธอ คือผมก็รู้แหละว่าเธอไม่ได้เป็นไข้ แต่ที่หน้าแดงเพราะอาย อายกับคำพูดแทะโลมของผมก่อนหน้านี้
แต่ที่ผมบอกว่าตัวเองซิง คือซิงจริงๆนะ ยังไม่เคยผ่านมือหญิงใดมาก่อนเลย จะผ่านก็แต่มือตัวเองนี่แหละ ที่คอยช่วยเจ้าลูกชายของผมเวลาที่เกิดอารมณ์
ถ้าจะถามว่าอายุปุนนี้แล้วทำไมถึงซิง งั้นผมบอกเลยว่าผมยังไม่เจอใครที่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วย ครั้นจะให้ไปซื้อกินเหมือนไอ้คามินกับไอ้เพทาย อันนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เพราะขนาดของลูกชายผมมันใหญ่มาก มากซะจนหาซื้อถุงยางอนามัยลำบาก ผมเลยเลือกที่จะตัดข้อนี้ทิ้งไป ใช้มือตัวเองนี่แหละปลอดภัยหายห่วง
ครืด!! ครืด!! ครืด!!
ในขณะที่ผมกำลังจะได้คิดอะไรต่อจากนี้ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะผมก็ดังขึ้นมาทันที พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นไอ้เพทาย ที่โทรเข้ามา
เพทาย
“ว่าไง?” ผมกดรับสายของมันก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
(ยัยพราวอยู่ไหนวะ กูโทรหาไม่รับ) อ่อที่แท้ก็โทรมาเพราะเรื่องน้องมัน
“ออกไปเข้าห้องน้ำมั้ง สงสัยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป” คือผมก็ไม่รู้จะตอบมันไปว่ายังไง ก็เลยเลือกที่จะตอบมันไปแบบนี้นี่แหละ
(งั้นถ้ายัยพราวกลับมา บอกโทรหากูด่วนเลย)
“มีเรื่องอะไรวะ?” คือที่ถามนี่เพราะอยากรู้จริงๆนะ อยากรู้ทุกเรื่องของพราวฟ้า นี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
(พ่อกับแม่กูจะบินกลับมาเย็นนี้ กูจะบอกน้องกูว่าไม่ต้องกลับมาบ้าน)
“ไม่ให้น้องมึงกลับบ้าน แล้วมึงจะให้น้องมึงไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงไม่ให้กลับวะ นานๆพ่อกับแม่มึงจะกลับมาทีไม่ใช่ไง” คือผมก็สงสัยอยู่นะ เพราะปกติพ่อกับแม่มันจะอยู่ต่างประเทศมากกว่า นานๆถึงจะบินกลับมา
(เพราะว่าพ่อกับแม่กูพาไอ้หน้าปลาบู่ชนเขื่อนที่ตามจีบยัยพราวกลับมาด้วยไง กูไม่ยอมให้มันเจอน้องสาวกูหรอก…..)
(…..แล้วที่ว่าให้ไปอยู่ที่ไหน ให้ไปอยู่คอนโดมึงก่อนก็ได้ ยังไงยัยพราวมันก็เหมือนน้องสาวมึงอีกคน ช่วยๆน้องกูหน่อย นะ)
แล้วไอ้เพทายมันก็ร่ายยาวใส่ผมเป็นชุดเลย นี่มันคิดจะให้น้องมันที่เป็นผู้หญิง แถมยังสวยมากมาอยู่ที่ห้องชายโสดอย่างผมเนี่ยนะ มันเอาสมองส่วนไหนคิดวะ
ถึงแม้ว่าผมกับพราวฟ้าจะรู้จักกันมาสิบกว่าปี แต่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วไง แถมยังสวยมากๆอีกด้วย
(เงียบทำไมวะ งั้นถ้ามึงไม่ช่วยเดี๋ยวกูให้ไปอยู่ห้องไอ้คามินก็ได้)
“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะไม่ช่วย”
(แล้วสรุปคือจะช่วยใช่มั้ย)
“อืม” ผมตอบมันไปแค่นั้น หลังจากนั้นผมก็วางสายมันไป นี่คือผมคิดดีแล้วใช่มั้ย ที่จะให้พราวฟ้าไปอยู่ที่คอนโดกับผม
ตอนเย็น
คอนโด องศา
“พี่องศาคะ คือว่าพราวออกไปเช่าโรงแรมนอนก็ได้นะคะ” ฉันเอ่ยบอกร่างสูงที่ตอนนี้กำลังใช้คีย์การ์ดเปิดประตูบานใหญ่
“พี่รับปากไอ้เพทายไว้แล้ว ไม่อยากให้มันต้องเป็นห่วงเด็กน้อยของมัน”
“บอกแล้วไงคะ ว่าพราวไม่ใช่เด็กแล้ว” ฉันยู่ปากให้คนตรงหน้า ที่ชอบว่าฉันเป็นเด็กน้อยอยู่เรื่อยเลย
“พี่ลืมไป ว่าน้องโตเต็มวัยแล้ว หรืออาจจะเกินวัยไปสักหน่อย” อะไรที่บอกว่าเกินวัยกันนะ แล้วทำไมต้องก้มลงมาพูดใกล้ฉันด้วยเนี่ย ถอยแทบไม่ทัน
“แล้วพี่องศาจะให้พราวนอนห้องไหนคะ?” ฉันมองไปที่ประตูห้องนอนทั้งสองห้องสลับกันไปมา
คือว่าตอนนี้ฉันอยู่คอนโดพี่องศาแล้วนะคะ หลังจากที่พี่เพทายโทรมาบอกว่าพ่อกับแม่จะบินกลับมาวันนี้ตอนเย็น ตอนนั้นฉันก็ดีใจมากนะ เพราะไม่ได้เจอพวกท่านมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน
แต่ที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่กับพี่องศาชั่วคราวนั้น ก็เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้กลับมาแค่สองคน แต่พวกท่านยังพาลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อกลับมาด้วย
แล้วคือพี่คนนี้เขาชอบฉันค่ะ เขาเคยขอฉันเป็นแฟนด้วยนะ แต่ฉันปฏิเสธเพราะอะไรนะเหรอ คงเพราะไม่ใช่สเปคมั้ง แต่พี่เขาก็ยังมีความพยายาม เวลาพ่อกับแม่ฉันบินกลับไทย ถ้าเขาไม่ได้มาด้วยเขาก็จะซื้อของฝากพ่อกับแม่มาให้
“น้องอยากนอนห้องไหน เลือกได้เลย เพราะพี่สั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดหมดทุกห้องแล้ว”
“งั้นพราวนอนห้องนี้นะคะ” ฉันชี้ไปตรงห้องที่อยู่ทางด้านขวามือของฉัน ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนั้นทันที แต่…..
“พี่องศาจะเดินตามพราวมาทำไมคะ?” ฉันหันไปถามคนที่เดินตามหลังฉันมาอย่างสงสัย ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเขาตอบฉันกลับมา
“ก็จะเข้าห้องพี่ไง นี่ห้องที่พี่ใช้นอนเป็นประจำ” อ่าวแล้วเมื่อกี้จะบอกให้ฉันเลือกทำไม และในขณะที่ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่นั้น จู่ๆพี่องศาก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของฉัน
“อยากนอนห้องเดียวกับพี่ สงสัยอยากเปิดซิงพี่จริงๆสินะ” เท่านั้นแหละค่ะ ฉันรีบเดินไปอีกห้องนึงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนี้ทันทีเลย