คืนนั้นหลังจากที่ไปส่งอารียาที่คอนโดเฌอริมาก็ตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อไปพบพ่อกับแม่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะไม่มีเวลาว่างให้อีก
รถคันงามแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังโต เฌอริมารีบก้าวออกจากตัวรถ พร้อมส่งกระเป๋าให้แม่บ้านที่มายืนต้อนรับอย่างคล่องแคล่ว
“คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ” เธอถามแม่บ้านที่เดินตามเธอมาติด ๆ อย่างรู้หน้าที่
“ที่ห้องหนังสือด้านหลังค่ะ” แม่บ้านรายงานพร้อมกับแยกไปอีกทางเพื่อนำของของเฌอริมาไปเก็บและเตรียมเครื่องดื่มให้เจ้านายทั้งสาม
เฌอริมาเดินตรงไปที่ห้องหนังสือที่อยู่ด้านในสุดของบ้าน เธอหยุดตรงหน้าประตูแล้วเคาะที่ประตูสองครั้ง ก่อนจะเปิดเข้าไปสู่ตัวห้องที่เรียงรายไปด้วยหนังสือนับพันเล่มซึ่งเป็นของสะสมที่พ่อกับแม่โปรดปรานมาก
“คุณพ่อคุณแม่” เธอยิ้มด้วยสีหน้ามีความสุข
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ ริมา หน้าตาสดใสเชียว” คุณแม่ที่อ่านหนังสือเงียบ ๆ เงยหน้ามองลูกสาวที่เดินเข้ามาพอดิบพอดี
“ใช่เป็นอะไรล่ะ มีข่าวดีรึไง?”
“ค่ะ พ่อกับแม่รู้จักตระกูล**** มั้ยคะ?” เธอมองหน้าทั้งสองสลับไปมา
“รู้จักสิ” พอ่กับแม่ต่างตอบออกมาพร้อมกัน
“ลูกชายของเขาน่ะค่ะ ริมาเพิ่งไปเจอมา”
“อ้อ เจ้าบลู ทำไมหรือลูก” คุณพ่อถามด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
“หนูชอบเขาค่ะ” เธอตอบออกมาตามตรง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรสำหรับพ่อกับแม่ที่ทราบดีถึงนิสัยของลูกสาวของพวกเขา เธอเป็นคนเอาจริงเอาจังและชอบเอาชนะ ถ้าอยากได้อะไรต้องได้ แถมไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองอีกด้วย
“แล้วยังไงล่ะจ๊ะ” แม่ของเธอถามต่อพร้อมกับปิดหนังสือที่อ่านเมื่อครู่ลง ยามนี้อะไรจะสำคัญเท่ากับเรื่องตรงหน้าได้ เธอต้องการจะรู้ว่าลูกสาวต้องการจะทำอะไรต่อไปกันแน่
“ถ้าพ่อกับแม่รู้จักตระกูลเขาดี หนูอยากให้พ่อกับแม่ช่วยทาบทามให้เราหมั้นกันได้มั้ยคะ? ธุระกิจของสองครอบครัวก็ไปทางเดียวกัน หนูก็ไม่มีใคร ทางนั้นก็โสด พูดคุยกันแล้วเขาเป็นคนที่ดีทีเดียวนะคะ พ่อกับแม่เห็นว่ายังไงบ้างคะ?” เธอถามหาความเห็นสนับสนุนจากพ่อกับแม่ของเธอ ซึ่งต่างก็มองสบตากันอย่างรู้ความในใจของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างดี ทั้งสองหันมามองลูกสาวคนสวยอย่างภูมิใจ
“พ่อกับแม่เห็นด้วยจ้ะ และคิดว่าบ้านนั้นก็ไม่น่าจะติดอะไร?”