“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
คนที่ถามคือเจ้าของรถยนต์หรูที่ก้าวลงมาจากรถ วิ่งมาหาดวงดาราพร้อมกับพี่โก้ ผู้จัดการส่วนตัว
“มันทำอะไรเธอไหม” โก้ถามอีกคน ดวงดาราเอาแต่ร้องไห้ ส่ายหน้าเป็นคำตอบ โก้จึงเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน “โชคดีนะที่ฉันกับเมญ่ามาทัน ไม่งั้นเธอแย่แน่ๆ เลย”
“นั่นสิ ทางนี้ยิ่งเปลี่ยวๆ อยู่ด้วย ฉันว่า เราไปขึ้นรถกันเถอะ ยืนอยู่อย่างนี้ไม่ปลอดภัย” เมญ่า ดาราและนางแบบชื่อดังบอก “บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะไปส่ง”
โก้เงยหน้ามองเมญ่า เขาแปลกใจกับความใจดีของเด็กในสังกัด ที่เขารู้นิสัยดีว่าเป็นอย่างไร เมญ่าไม่เคยช่วยเหลือใครถ้าไม่ได้ประโยชน์
“เธอจะไปส่งผู้หญิงคนนี้ที่บ้านจริงเหรอ” โก้ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ก็จริงน่ะสิ ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวได้ถูกลากไปทำมิดีมิร้ายอีกหรอก คราวนี้ใครจะช่วยล่ะ” เมญ่าตอบกลับ “ขึ้นรถเถอะพี่โก้ เมญ่าไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน”
ว่าแล้วทั้งสามก็รีบเดินกลับไปที่รถ ก่อนที่เมญ่าจะบึ่งรถออกจากซอยเปลี่ยวทันที ถ้าไม่ติดว่า บ้านที่หล่อนมาถ่ายทำละครอยู่ในซอยนี้ เมญ่าไม่มีทางนำพาตัวเองมายังสถานที่น่ากลัวเช่นนี้แน่
เหตุการณ์วันนี้จึงเป็นวันที่ดวงดาราจำไม่ลืม หล่อนสำนึกในบุญคุณของเมญ่ากับโก้ที่เข้ามาช่วยเหลือตน หากเมญ่าไม่ตัดสินใจบีบแตร ทั้งที่โก้ห้ามไว้เพราะเกรงว่า ภาพที่เห็นจะเป็นการแสดง พอมีใครเข้าช่วยก็จะเข้ามาปล้นชิงทรัพย์ ทว่าเมญ่าไม่ได้คิดเช่นนั้น หล่อนบีบแตรลั่นจนคนร้ายตกใจ
ในระหว่างทางที่เมญ่าไปส่งดวงดาราที่บ้าน ทั้งสามได้พูดคุยกัน เมญ่าชวนดวงดารามาทำงานกับตนในตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัว ที่ต้องช่วยสากกะเบือยันเรือรบ หรือตามคำสั่งของเมญ่า โดยเมญ่าเสนอเงินเดือนให้มากกว่าที่ดวงดาราทำอยู่เท่าตัว โน้มน้าวว่า ถ้าทำที่เก่า เลิกดึกดื่นก็คงต้องเจออย่างเช่นวันนี้ ความที่ดวงดารานึกถึงบุญคุณ และเห็นว่ารายได้ดีกว่าที่เก่า รวมถึงกลับบ้านดึกดื่นก็ไม่มีความปลอดภัยจริง หล่อนจึงยอมเป็นเบี้ยล่างเมญ่านับตั้งแต่นั้น
“เอาเถอะ ฉันพูดยังไงแกก็ยังทำงานกับเมญ่าอยู่ดี ก็แล้วแต่แกก็แล้วกัน” เอกอนันต์คร้านจะพูด จึงปล่อยตามใจเพื่อนรัก
“วันนี้คงกลับมืดใช่ไหม สิบโมงแล้วยังไม่ไปคอนโดเมญ่า” แฟรงค์คนรักของเอกอนันต์ถาม
“ใช่พี่แฟรงค์ วันนี้เมญ่าให้ลิซไปถึงโน่นตอนบ่าย” ดวงดาราตอบ
“ไม่ต้องห่วงลูกนะ พี่ดูให้” แฟรงค์ไม่เพียงเป็นคนรักของเอกอนันต์ เขายังเป็นพี่ชายที่แสนดีของดวงดารา และเป็นสามีในนามเพื่อไม่ให้หล่อนถูกตราหน้าว่าลูกไม่มีพ่อ นั่นหมายความว่าเขาคือพ่อบุญธรรมของเตชินท์และเตมีย์ ลูกชายฝาแฝดของหล่อน แฟรงค์เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยหลังจากพ่อกับแม่หย่ากัน เขาไม่ได้เป็นเพียงสามีในนาม แต่เป็นสามีที่ถูกต้องตามนิตินัย
การจดทะเบียนสมรสระหว่างแฟรงค์กับดวงดาราเกิดขึ้นในวันที่มารดาของแฟรงค์ป่วยหนักและต้องการเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา ซึ่งคนกำลังป่วยหนักไม่รู้เลยว่า ลูกชายของตนเป็นเกย์ รักเพศเดียวกัน ประจวบเหมาะกับดวงดาราตั้งครรภ์โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เอกอนันต์ที่เป็นคนรักของแฟรงค์และเป็นเพื่อนสนิทของดวงดาราจึงออกความคิดเห็น ให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
แฟรงค์พาดวงดาราไปหามารดาในฐานะเมีย ส่วนดวงดาราก็มีพ่อของลูก แม้ว่าจะในนามก็ตาม หลังจากพาดวงดาราไปหามารดาของแฟรงค์ได้เพียงห้าวัน นางก็เสียชีวิตลง ทว่าแฟรงค์กับดวงดาราก็ยังไม่หย่ากันจนถึงทุกวันนี้
“ขอบคุณค่ะพี่แฟรงค์ ลิซจะรีดผ้าของพี่ให้เรียบเลยค่ะ ไม่มียับสักนิด”
“แสดงว่าแกจะรีดของฉันไม่ดีใช่ไหม” เอกอนันต์โวยเล็กน้อย
“ของแกถ้ารีดไม่เนี้ยบ แกบ่นฉันหูชาแน่ๆ ของแกต้องพิเศษสิ เพราะแกเพิ่งซื้อจักรยานให้เสือกับสิงห์ ถือว่าฉันตอบแทนแกไง”
“ย่ะ แม่คนขี้งก” เอกอนันต์ว่าเพื่อน “พี่แฟรงค์ เย็นนี้พาเสือกับสิงห์ไปกินไก่เคเอฟซีกันดีกว่านะ สองแสบบ่นอยากกินหลายวันแล้ว”
“เอาสิ พี่ว่าจะซื้อหนังสือภาษาอังกฤษให้สองแสบด้วย หัดพูด หัดอ่านก็ต้องหัดเขียนด้วยถึงจะครบสูตรจะได้เก่งๆ”
แฟรงค์เป็นลูกครึ่ง เขาพูดภาษาสากลได้จึงสอนให้เตชินท์กับเตมีย์พูดภาษาดังกล่าวตั้งแต่เล็ก ดวงดาราเองที่เก่งภาษาฝรั่งเศสก็สองลูกชายพูดเช่นกัน สองแสบประจำบ้านจึงพูด ฟังและอ่านภาษาสากลได้ระดับหนึ่ง ส่วนภาษาฝรั่งเศสก็กำลังกระเตาะกระแตะตามประสาเด็ก
ดวงดาราที่ยืนรีดผ้าได้ยินคำพูดของสองหนุ่มแล้วยิ้ม หล่อนย้อนคิดไปถึงวันที่ตนเองไปหาเอกอนันต์ที่บ้านแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง เพื่อนรักรีบโอบกอดและช่วยเหลือหล่อนทันที ไม่ถามอะไรมากความ ให้หล่อนมาอยู่ร่วมบ้านด้วยนับตั้งแต่นั้น ทั้งที่ฐานะของเอกอนันต์ไม่ได้จัดว่าร่ำรวย แต่ก็ไม่เคยคิดขับไล่ตนไปไหน ไม่เหมือนกับบิดาที่ขับไล่ตนอย่างกับหมูกับหมา แต่ก็เข้าใจชลิต หล่อนไม่เคยคิดโกรธบิดาเลย เสียใจที่ตนทำให้บิดาผิดหวัง
คุณแม่ลูกแฝดคิดว่า แฟรงค์กับเอกอนันต์คือครอบครัวของตน ที่อดทนสู้กันมาตลอดระยะเวลาหลายปี แม้จะไม่ร่ำรวยล้นฟ้า ไม่ได้มีเงินใช้เหลือเฟือ แต่มีเพียงแค่นี้ ดวงดาราก็สุขใจเป็นที่สุด