บทที่ 8 ดูเหมือนว่าเราจะมีวิธีหาเงินกันแล้ว
หลังจากเดินออกมาได้ไม่นานเปาหลงก็ปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วกลับมายิ้มร่าให้นางดังเดิมเสมือนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ห๊ะ!…แสดงหรือนั่น
“เปาเปาไม่เสียใจแล้วหรือ” ลี่อิงอดไม่ได้ที่จะต้องถามออกไป อารมณ์เปลียนง่ายดายเช่นนี้ทำให้นางตกใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่ขอรับ”
“ดีแล้วเช่นนั้นไปช่วยข้าเลือกของเข้าบ้านเถิด”
สรุปว่าคงเป็นการแสดงจริงๆ
บางครั้งเสิ่นลี่อิงก็ลืมไปเช่นกันว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะสามารถเป็นคู่ปรับที่สร้างความปั่นปวนให้กับหนิงอ๋องได้อย่างเจ็บแสบ จนกระทั่งเสียรู้เพราะเล่ห์เหลี่ยมจากประสบการณ์มีไม่เท่าพ่อ
.
.
.
“หลงจู๊ มีฟูกขายหรือไม่ ข้าพึ่งย้ายมา ที่บ้านมีแต่เครื่องเรือนพื้นฐาน ยังขาดหลายสิ่งนัก” เสิ่นลี่อิงส่งรอยยิ้มกระจ่างแจ้งออกไปให้ชายในร้านที่ยิ้มหน้าบ้านเมื่อได้ยินว่าบ้านของนางยังขาดของหลายสิ่ง แม้นางจะนำชุดของบ่าวมาสวมใส่ หากแต่สะอาดสะอ้านเนื้อผ้าคุณภาพดีย่อมสะท้อนให้ผู้คนคิดว่านางมีเงิน
“เชิญ เชิญ แม่นางมาเลือกซื้อให้ตนเองหรือซื้อให้เด็กน้อยผู้นี้ด้วยขอรับ”
“ซื้อให้เปาเปาด้วย” เปาเปาที่ได้รับคำสั่งว่าให้ช่วยนางเลือกซื้อหาสิ่งของเข้าบ้านตอบออกมาอย่างแข็งขัน
“แม่นางสั่งสอนได้ดี ฉะฉาน ฉะฉาน”
“ขอบคุณหลงจู๊ ฟูกสองหลัง สามารถไปส่งที่บ้านได้หรือไม่” หากไม่ได้เสิ่นลี่อิงก็คิดแล้วว่านางจะไปจ้างเกวียนที่หน้าตลาดด้วยตัวเอง
“หากซื้อของครบห้าตำลึงเงิน สามารถให้ทางร้านไปส่งให้ได้ แต่ฟูกสองหลังมีราคาสามตำลึงเงินเท่านั้น แม่นางต้องการอย่างอื่นหรือไม่”
“เปาเปาอยากได้อะไรหรือไม่”
“ม่าน” เด็กน้อยชี้ไปยังม่านฉากกั้นห้องอันหนึ่ง
“ได้ ฉากกั้นนั้นเท่าไรหรือ”
“แปดร้อยอีแปะ หากนำไปสองชุดข้าลดให้หนึ่งร้อยอีแปะ”
“สองเลยก็ได้ไม่มีปัญหา คันฉ่องอันนั้นเล่ากี่ตำลึง”
“นั่นราคาสูงสักหน่อยสองตำลึงทองขอรับ”
เสิ่นลี่อิงคำนวณเงินในใจตอนนี้ทั้งหมดราคาสี่ตำลึงเงิน ห้าร้อยอีแปะ อีกเพียงห้าร้อยอีแปะทางร้านก็จะไปส่งโดยไม่คิดเงิน แต่คันฉ่องนั้นนางก็อยากได้เก็บไว้เหลือเกินอันใหญ่ส่องได้ทั้งตัว และในบ้านก็ยังไม่มีคันฉ่อง
“หากข้ารับคันฉ่องด้วยนอกจากนำไปส่งแล้วหากข้าฝากนำของอื่นๆ ขึ้นเกวียนไปส่งด้วยได้ข้ารับทันที”
“เรื่องเพียงเท่านี้สำหรับลูกค้าชั้นดีย่อมทำให้ได้ แม่นางแจ้งเวลาที่จะให้ขนไปให้ได้เลย”
“ยามเว่ย (13:00-14:59) แล้วกัน ไปส่งที่บ้านท้ายหมู่บ้านหยาง เดี๋ยวข้าทยอยให้พ่อค้าแม่ค้านำของมาส่ง จะให้บอกว่าของลี่อิง สองตำลึงทอง สี่ตำลึงเงิน ห้าร้อยอีแปะ เจ้านับดูว่าครบถ้วนหรือไม่”
เสิ่นลี่อิงจับจูงเปาหลงน้อยออกมาจากร้านเครื่องเรือนเพื่อไปร้านของแห้งต่อทันที
“ข้าเอาข้าวสารสิบจิน เกลือหนึ่งจิน น้ำตาลสองจิน มีแป้งหรือไม่”
“มีแป้งเสี่ยวไม่(สาลี) จินละหกสิบ แป้งยวี่หมี่(ข้าวโพด) สามสิบ แป้งนั่วหมี่(ข้าวเหนียว) และแป้งไป่หมี่(ข้าวขาว) จินละห้าสิบ”
“เอาด้วยอย่างละสองจิน”
“ข้าวสารจินละสี่สิบอีแปะ เป็นสี่ร้อย เกลือสองร้อยอีแปะ น้ำตาลจินละแปดสิบ แป้งอีกสามร้อยแปดสิบ ทั้งหมด…”
“หนึ่งตำลึงเงิน กับหนึ่งร้อยสี่สิบอีแปะ” เปาเปาชูนิ้วป้อมๆ ขึ้นมาให้คำตอบกับแม่ค้าร้านของแห้ง เรียกให้ทุกคนหันมามองเด็กน้อยที่คิดเลขโดยไม่พึ่งพาลูกคิด
แม่ค้าแผงของแห้งเคาะลูกคิดได้คำตอบแล้วก็ชื่นชมออกมา “ถูกต้องๆ กระเทียมกับหอมแดงนี้ ข้าแถมให้ไปด้วย ฉลาดจริงๆ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พอมีคนขนไปส่งที่ร้านเครื่องเรือนตรงหัวมุมซ้ายได้หรือไม่ ตัวข้ากับเด็กเล็กคงจะหอบหิ้วกันไม่ไหว”
แม่ค้าร้านของแห้งยินดีนำไปส่งให้นาง และจะให้ลูกชายขนไปส่งให้นางหลังจัดของเสร็จ ลี่อิงจึงเดินออกมาซื้อของร้านอื่นต่อไป นางเดินมาจนถึงร้านอาภรณ์ก็คิดว่าควรซื้อหาให้เปาหลงเพิ่มสักหน่อยจึงได้หยิบติดไม้ติดมือมาด้วยสองชุด พร้อมรองเท้าอีกคนละสองคู่ รวมเป็นสามตำลึงเงิน
ระหว่างจ่ายเงินเสิ่นลี่อิงลอบสังเกตสินค้าประเทินผิวก็พบว่ามีน้อยนัก ทั้งยังมีราคาแพงลิ่ว ส่วนอาภรณ์และรองเท้า นางเทียบเคียงจากความทรงจำคุณหนูเสิ่นคนเก่าก็รู้สึกว่าพอรับได้ ไม่แพงไม่ถูก ส่วนราคาของอื่นๆ คุณหนูเสิ่นไม่รู้เลย
รู้แต่ราคาเสื้อผ้า เครื่องประดับ คุณหนูของแท้
แม้จะบอกว่าร้านอาภรณ์และเครื่องประเทินผิวมีของน้อยแล้ว ร้านเครื่องปรุงก็มีของให้เลือกน้อยยิ่งกว่า นางจึงซื้อน้ำมันงา น้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว และเครื่องเทศบางอย่างมาในราคาแปดร้อยอีแปะ และให้ไปส่งที่ร้านเครื่องเรือนเช่นเดิม
“พี่สาว เนื้อๆ” เปาหลงที่เห็นร้านขายเนื้อสัตว์ก็ชี้มือให้นางเข้าไปซื้อทันที
“ได้เลย เจ้าชอบไก่หรือหมู”
“ชอบทั้งหมด”
เสิ่นลี่อิงซื้อเนื้อหมูมาสามจินในราคาหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ และเนื้อไก่อีกสามจินแปดสิบอีแปะ ส่วนไข่ไก่นางมิได้ซื้อมาเพราะบ้านของจินเหมยเลี้ยงไก่ขายไข่ด้วย ซื้อหากับนางย่อมเหมาะสมกว่า และวันนี้นางซื้อเนื้อไปเยอะเช่นนี้ก็เพื่อชวนนางมากินฉลองเล็กๆ ต้อนรับชีวิตใหม่ร่วมกัน
“เปาเปาเจ้าช่วยข้าคิดที เราสองคนจะค้าขายสิ่งใดในเมืองแห่งนี้ดี”
“ขายนมได้หรือไม่ อร่อย”
“ข้าทำมาขายไม่ได้น่ะสิ มีน้อยอยู่”
“มีน้อยไม่ขาย เปาเปากิน”
“ไม่ขายๆ”
เครื่องปรุงก็ใช้เวลาหมักนานเกินไป กว่าจะได้ขาย เหล้าก็เหมือนกัน
“หรือข้ากลับไปลองทำอาหารให้เจ้ากินดีหรือไม่ หากอร่อยค่อยเอามาขาย”
เปาหลงพยักหน้ารัว ไม่นานนักก็ล่วงเลยเข้ายามอู่ เสิ่นลี่อิงจึงพาเปาหลงมานั่งทานอาหารที่ร้านบะหมี่ นางอยากศึกษารสชาติของคนที่นี่ว่ากินกันอย่างไร รักอยากจะขายอาหารย่อมต้องทำรสให้ถูกลิ้นคน
“เถ้าแก่บะหมี่หมูสองถ้วย”
“ได้เลยๆ บะหมี่หมูร้อนๆ น้ำซุปเคี่ยวอย่างดี”
บะหมี่ต้นตำรับโบราณแท้ๆ หากินที่ไหนไม่ได้แล้ว เพราะคนทำตายหมด
บะหมี่สองชามที่มีควันหอมกรุ่นลองขึ้นมาแตะจมูกวางอยู่บนโต๊ะเล็กของร้านข้างทาง เสิ่นลี่อิงพิจารณาองค์ประกอบในชามที่มีความเรียบง่ายอยู่ เส้น ผัก และเนื้อหมูสับ กับลูกชิ้นสองลูก เมื่อซดน้ำไปคำแรก นางสัมผัสได้ถึงความหวานจากการเคี่ยวน้ำแกงได้นานจนดึงความกลมกล่อมออกมาจากไขกระดูกได้มากมายนัก
“เถ้าแก่ บะหมี่นี่น้ำแกงอร่อยจริงๆ หากมีเสี่ยวหลงเปามาขายเพิ่มท่านคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า”
“แม่นางน้อย เสี่ยวหลงเปาที่ว่านี่มันคือสิ่งใดกัน”
“อ้อ จะว่าอย่างไรดี มันคือแผ่นแป้งคล้ายซาลาเปาที่ห่อน้ำแกงไว้ น้ำแกงร้านท่านคือตัวชู หากนำมาขายเป็นจุดเด่นยอมได้เงิน”
“เลวไหลน้ำเหลวๆ จะเอามาใส่แป้งห่อได้อย่างไร ฮ่าๆ แต่ก็ขอบใจที่ชอบน้ำแกงบะหมี่ของข้า”
“ทำได้จริงๆ ท่านเพียงแค่ต้องแยกน้ำแกงหนึ่งส่วนมาต้มใส่หนังหมูครึ่งส่วน เคี่ยวจนน้ำลดลงเหลือสองในสามส่วน แล้วท่านก็มากรองหนังหมูออกให้เหลือเพียงน้ำแกงทิ้งไว้หนึ่งคืน น้ำแกงของท่านจะแปรเป็นเนื้อวุ้น สามารถตักใส่แผ่นแป้งได้แล้ว”
“ทำได้จริงหรือ”
“จริงเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้ นำไปลองดูก่อน นอกจากวุ้นน้ำแกงท่านก็ใส่หมูลงไปด้วยเล็กน้อย ห่อแล้วน้ำมานึ่ง เท่านี้วุ้นก็จะแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำแกงอยู่ภายในเสี่ยวหลงเปาของท่านแล้ว”
“เหตุใดเจ้าไม่ทำขายเองเล่าหากทำได้จริง”
“หากข้าทำเองทั้งหมดจะเป็นงานใหญ่เกินไป แต่ท่านขายบะหมี่อยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มขั้นตอนไม่กี่อย่างเท่านั้น”
“งั้นหากข้าขายน้ำแกงให้เจ้าเล่า ทำได้ก็นำกลับมาส่งให้ข้าขาย ไม่คิดค่าฝาก”
“วันนี้ขอเพียงเล็กน้อยไปลองทำมาให้ชิมก่อนได้หรือไม่ ยังไม่ซื้อ”
“วันนี้ไม่ขายอยู่แล้ว น้ำแกงข้ามีไม่พอขายให้เจ้า เอาไปสองถ้วยพอ ข้าหาอะไรมาใส่ให้เจ้าก่อน พรุ่งนี้อย่าลืมนำมาให้ชิมเล่า ค่าบะหมี่ไม่คิดเงิน ถือเป็นของขวัญวันพบหน้า”
“ขอบคุณเถ้าแก่”
นางบอกเปาหลงให้รีบกินให้เสร็จ และรับน้ำแกงที่ถูกเทใส่หม้อขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ผูกเชือกเป็นหูหิ้วติดตัวมาและเดินกลับไปซื้อหนังหมูครึ่งจินเพื่อมาทำเสี่ยวหลงเปา ส่วนซึ้งนึ่งเหมือนนางจะเห็นว่ามีอยู่แล้ว
“พี่สาว ขายเสี่ยวหลง..เปา หรือ”
“ใช่แล้ว หากทำสำเร็จก็ดูเหมือนว่าเราจะมีวิธีหาเงินกันแล้ว”
“ดียิ่ง มีเงินคือเก่ง”
“ฮ่าๆ ถูกต้องๆ มีเงินคือเก่ง” เสิ่นลี่อิงหัวเราะร่วนดูเหมือนจากอัจฉริยะนักวางแผนชิงอำนาจทางการเมืองจะเบนเข็มมาเป็นนักหาเงินเสียแล้ว