"หึ"เสียงของพี่ตะวัน (ภูตะวัน) ดังขึ้น ฉันหันไปมองตามเสียง ฉันยกมือไหว้พี่ตะวัน แววตาที่แสดงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด
"สวัสดีค่ะ พี่ตะวัน"
"ฉันไม่มีน้องสาว และฉันไม่สนิทกับเธอไม่ต้องทัก"ฉันหน้าเจื่อนลง มันเศร้ามากเลย แม้แค่คำทักทายพี่ตะวันยังไม่รับเลย เขาจะไม่ให้อภัยฉันจริงๆใช่ไหม วันดีๆความรู้สึกเก่าๆจะไม่กลับมาแล้วใช่ไหม ฉันเสียใจ ฉันรู้สึกผิดจริงๆนะ
"ตะวันหยุดได้แล้ว น้องแค่ทักทายเอง" คุณลุงช่วยพูดเพื่อให้พี่ตะวันใจเย็นลง
ภูตะวัน Talk
ผมไม่เข้าใจความคิดของพ่อผมเลย ทำไมต้องให้ทอฝันกลับมาอีก พ่อผมไม่คิดหรืองัย ว่าทอฝันจะเป็นตัวสร้างปัญหา โดยเฉพาะกับผม ซึ่งไม่มีวันญาติดีกับทอฝันแน่นอน ยิ่งมอง ยิ่งเห็นก็แทบจะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้ ผมได้แต่จ้องมองออกไปที่ทอฝันด้วยความแค้นเคือง
"กลับมาทำไมอีก ไม่รู้หรือไงว่าคนที่นี่เขาเกลียดเธอ ชอบทำตัวเป็นกาฝาก" น้ำเสียงผมเกรี้ยวกราดขึ้น บ่งบอกว่าผมเกลียดชังเธอแค่ไหน ไม่อยากพบเห็นหญิงสาวตรงหน้า
"คุณลุงให้ทอฝันกลับมาเรียนงานของที่บ้านค่ะ ทอฝันจะไม่รบกวนพี่ตะวันเด็ดขาด" เป็นข้ออ้างของเธอมากกว่าที่อยากจะกลับมาที่นี่
"คิดว่าคำพูดลมๆแล้งแบบเธอฉันจะเชื่อหรืองัย นิสัยแบบเธอคิดว่าจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ฉันไม่มีหลงเชื่อเด็กเลี้ยงแกะ เด็กแรดเจ้าแผนการ ที่ชอบไล่จับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักตัวเอง" ใครหลงเชื่อเด็กยัยเด็กคนนี้ก็ช่าง แต่ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ และไม่มีวันหลงกล
"พอเถอะตะวัน พ่อขอ คุยให้กันดีๆ ใช้เหตุผลเราก็โตๆกันแล้ว อีกอย่างน้องมาเหนื่อยๆ ให้น้องได้พักก่อน พ่อขอคุยธุระกับน้องเรื่องงานที่พ่อจะให้มาศึกษางาน เพื่อกลับไปดูแลบริษัทตัวเอง คงใช้เวลาไม่นานกับการเรียนรู้งานที่นี่ "สีหน้าพ่อผมไม่ค่อยสู้ดีเมื่อได้ยิน สิ่งพี่ผมพูด และท่านดูจะรัก เอ็นดูเด็กเวรนั่น ซึ่งมันทำให้ผมไม่พอใจ ทำไมจะต้องใส่ใจขนาดนั่นด้วย
"ผมพูดความจริงนะครับ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ สร้างเรื่องไปวันๆ" ผมจ้องหน้าทอฝันแทบไม่กระพริบตา ยิ่งมองยิ่งเห็นความชั่วร้ายในอดีตที่มันส่งผลกระทบกับผมมากมาย
"เอาเถอะ พ่อรู้ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย พ่อถึงอยากให้ทอฝันมา ตะวันจะได้เห็นความจริงที่เปลี่ยนไปในตอนนี้" พ่อผมดูจะมั่นใจในหลานรักมากที่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนไปได้ คนเรามันจะเปลี่ยนจิตสำนึกได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วพ่อผมก็หันหน้าไปคุยกับทอฝันต่อ
"หนูทอฝัน ลุงขอแนะนำคุณสมพงษ์ ลุงจะให้ช่วยสอนงานหนู และจะให้พี่ตะวันช่วยสอนอีกแรงนะลูก" ลุงบอกกับฉันยิ้มและกล่าวขอบคุณคุณ สมพงษ์และคุณลุงภูผา ที่คอยดูแลฉันเหมือนพ่ออีกคน ส่วนพ่อแม่จริงๆของฉันทั้งสองท่านได้ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองปีที่แล้ว คุณลุงภูผาท่านเป็นเพื่อนที่สนิทกับคุณพ่อมากๆ ท่านสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลฉันแทนพ่อให้ดีที่สุด
"เรื่องอะไรผมต้องสอนงานยัยเนี่ยด้วย พ่อไม่รู้เหรอ แม้แต่หน้าผมยังไม่อยากจะมอง อย่าว่าแต่อยู่ใกล้เลยรู้สึกรังเกียจ" คำพูดร้ายกาจออกจากปากผม ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมไม่อยากเข้าใกล้ ผมมองหน้ายัยนั่น สีหน้าของเธอเศร้าลง แต่ผมก็ไม่คิดจะสงสารแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เธอทำไว้กับผมกับคนรักมันน่ารังเกียจว่านั้นหลายเท่า
'เธอยังไม่รู้หรอกสงครามครั้งนี้มันยังไม่เริ่ม
เธอจะได้รับรู้ความรู้สึกที่ฉันเคย
เธอเพราะฝีมือเธอ'ความคิดของผมที่มันรู้สึก
ตอนนี้
"พ่อจะให้เธอพักที่ไหนครับ ถ้าให้พักบ้านใหญ่กับเราผมไม่ยอมนะ แล้วพ่อช่วยบอกเธอด้วยนะ อย่าได้เข้ามาวุ่นวายกับผมอีก" ผมถามพ่ออยากได้คำตอบที่แน่ชัดและย้ำพ่ออีกครั้ง อย่าให้ทอฝันเข้ามาใกล้ผมอีก เพราะถ้าเธอพักที่เดียวกัน และวุ่นวายไม่ลิก ผมกับเธอคงได้เห็นดีกันแน่ๆ
"พ่อจะให้น้องพักเรือนรับรองหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับเราลูก" พ่อคงเห็นปัญหาที่ตามมาจึงให้ยัยนั่นพักที่ ก็ดีเหมือนกันถ้าต้องทนอยู่ร่วมกันผมคงสะอิดสะเอียน และอึดอัด ผมมองหน้าเธอที่เดียวกับผม ยัยนั่นเหลือบมามองผมเล็กน้อย ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อ รู้สึกหายใจไม่ออกและไม่อยากใช้อากาศเดียวกันกับยัยนั่น
"ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ หายใจไม่ออก อากาศมันเป็นพิษ" ผมย้ำคำว่าเป็นพิษตอกหน้าทอฝัน และดูเหมือนหน้าเธอจะหดลงด้วย ดีสมน้ำหน้า คำพูดแค่นี้มันยังเจ็บไม่พอหรอก อย่างเธอต้องเจอมากกว่านี้ ผมเดินออกจากห้องโดยไม่หันไปมองยัยนั่นอีกเลย
ความพลุ่งพล่านอย่างควบคุมไม่ได้ ขืนอยู่ใกล้คงได้ระเบิดออกมาสักวัน
ผมกำลังคิดแผนที่จะเอาคืนทอฝันอย่างสาสม อยากเรียนนักใช่ไหม เดี๋ยวให้แบบจุกๆจนล้นอกตายไปเลย เธอจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสบายเป็นคุณหนูทอฝัน มีชีวิตที่สุขสบายบนความทุกข์ของฉันแน่นอนม่านทอฝัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน