“เกิดอะไรขึ้นหรือฟิลิเซีย”
เจนี่เอ่ยถาม
“นังเจ้าขามันทำรองเท้าฉันเลอะ เธอดูสิเจนี่...”
เจนี่ก้มลงมองเท้าของฟิลิเซียแต่ก็ไม่เห็นอะไรอย่างที่ได้ยินมาเลยสักนิด
“ไม่เห็นมีเลยฟิลิเซีย”
“เจนี่?!”
เสียงตวาดแว๊ดที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของฟิลิเซียดาวมหาวิทยาลัยคนสวยทำให้เจนี่ต้องรีบเออออห่อหมกออกไปทันที
“ใช่ ใช่... นั่นไงฝุ่น นี่แกทำฝุ่นปื้นรองเท้าฟิลิเซียอย่างนั้นหรือนังเจ้าขา”
จันทร์เจ้าขา โชติฐากร นักศึกษาที่เรียนดีจนได้ทุนเรียนฟรีจากประเทศไทยให้มาเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่งของรัสเซียถอนใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนต้องเจอะเจอกับฤทธิ์เดชของฟิลิเซียและพ้องเพื่อน แต่มันเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าหล่อนไปเหยียบหางอะไรของแม่พวกนี้เข้า แม่พวกนี้ถึงได้ตามระรานหล่อนได้ตลอดเวลาแบบนี้ ทำราวกับว่าแค้นเคืองกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอย่างนั้นแหละ
“เลิกหาเรื่องฉันสักทีเถอะฟิลิเซีย ฉันเบื่อเต็มที่แล้ว”
“กรี๊ด! นี่คนต่ำๆ อย่างแกกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง แกไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฉันใหญ่แค่ไหนในโรงเรียนนี้”
ฟิลิเซียเต้นเร่าๆ ด้วยความเดือดดาล จ้องมองจันทร์เจ้าขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเป็นที่สุด
“ฉันรู้ว่าเธอสวย เธอรวย และพ่อเธอก็ใหญ่มาก เอาะ... แล้วที่สำคัญ เธอก็เป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพราะเธอเรียนมาตั้งหกปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบสักที”
ทุกคนรอบข้างที่ได้ยินคำพูดของจันทร์เจ้าขาต่างพากันหัวเราะร่วน ไม่เว้นแม้แต่เจนี่ มีแต่ฟิลิเซียคนเดียวเท่านั้นที่เต้นเป็นเจ้าเข้า
“นี่... พวกแกหยุดหัวเราะกันเลยนะ นังเจนี่!”
เจนี่รีบหยุดหัวเราะทันควัน ก่อนจะรีบโต้ตอบจันทร์เจ้าขา
“นี่แกหาว่าฟิลิเซียโง่อย่างนั้นเหรอ ใช่ไหมนังเจ้าขา”
เจ้าของชื่อส่ายหน้า อมยิ้มยียวน
“ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย เธอพูดเองนะเจนี่”
ฟิลิเซียที่ยืนนิ่งอยู่ กรี๊ดร้องขึ้นมาอย่างขัดใจ ก่อนจะรีบโต้ตอบออกมา
“ฉันไม่ได้โง่ แต่ที่ฉันยอมอยู่ที่นี่นานกว่าทุกคนก็เพราะฉันมีจุดหมายต่างหาก ซึ่งคนโง่ๆ อย่างแกไม่มีทางรู้หรอกว่าในหัวอันแสนฉลาดอย่างฉันกำลังคิดอะไรอยู่”
จันทร์เจ้าขาระบายลมหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความเบื่อหน่ายเช่นเดิม
“โอเค ฉันคงตามคนฉลาดแบบเธอไม่ทันหรอกฟิลิเซีย หมดเรื่องกับฉันแล้วใช่ไหม ฉันขอตัวล่ะ”
จันทร์เจ้าขาจะเดินผ่านไป แต่ก็ถูกฟิลิเซียก้าวเข้ามาขวางหน้าเสียก่อน
“ยัง... ฉันยังไม่หมดธุระกับผู้หญิงต่ำๆ อย่างแก”
คนฟังเลือดขึ้นหน้า
“ครั้งนี้ฉันจะยอมให้ แต่ครั้งหน้าถ้าเธอขืนมาเรียกฉันว่าผู้หญิงต่ำๆ อีกล่ะก็ ฉันจะอัดเธอให้ฟันร่วงเลยคอยดู ฟิลิเซีย”
ฟิลิเซียหน้าถอดสี แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ หล่อนดันร่างของเจนี่ให้มาขวางหน้าเอาไว้ ส่วนตัวเองหลบอยู่ด้านหลัง และก็พูดยั่วยวนไม่หยุด
“ฉันพูดความจริงทำไมต้องกลัวด้วย แกมันต่ำ แกมันผู้หญิงขายตัว อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าตอนกลางคืนแกไปประกอบอาชีพอะไรมา”
จันทร์เจ้าขาเม้มปากแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ มือบางยกขึ้นขยับแว่นสายตาเล็กน้อย ก่อนจะโต้ตอบออกไป
“ฉันทำงานสุจริต”
“เชอะ... ทำงานสุจริต...”
ฟิลิเซียยิ้มเยาะ ขณะที่เจนี่เองก็ยิ้มเยาะเช่นกัน รวมถึงบรรดานักศึกษาที่ต่างพากันยืนอยู่รอบๆ บริเวณแถวนี้ด้วย
ที่นี่ไม่มีใครสักคนที่ชอบหล่อน ผู้หญิงถูกเม็ดเงินจากฟิลิเซียซื้อไปเป็นพวกแล้วทั้งหมด ในขณะที่ผู้ชายก็หลงใหลได้ปลื้มกับรอยยิ้มและเสน่ห์ของฟิลิเซีย หล่อนมักจะถูกบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้กลั่นแกล้งเสมอ อันเนื่องมาจากคำสั่งของฟิลิเซียนั่นเอง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นักศึกษาหรอกที่ไม่ชอบขี้หน้าเด็กสาวต่างเชื้อชาติแถมยังยากแค้นเช่นหล่อน เพราะบรรดาบุคลากรของที่นี่ก็ไม่ชอบหล่อนเช่นกัน ทุกคนต่างตราหน้าว่าหล่อนเป็นคนไม่ดีตั้งแต่ได้ยินเรื่องปั้นแต่งจากปากของฟิลิเซียและพวกพ้องแล้วนั่นแหละ แต่ก็ช่างเถอะอีกไม่กี่เดือนหล่อนก็จะจบการศึกษาแล้ว และเมื่อวันนั้นมาถึง หล่อนก็คงจะยิ้มได้อีกครั้ง
“ขายตัวแลกกับเศษเงินสิไม่ว่า”
เสียงโห่ร้องจากผู้คนรอบๆ กายทำให้หน้าของจันทร์เจ้าขาชาดิก แต่หล่อนก็ฝืนใจอดทนมันเอาไว้ ท่องเอาไว้ว่าต้องอดทน
“พวกเธอจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ขอตัว”
จันทร์เจ้าขารีบเดินจากมาอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นสองหูของหล่อนก็ยังได้ยินคำพูดใส่ร้ายจากปากของฟิลิเซียอย่างชัดเจน
“นี่พวกเธอรู้ไหม พ่อของฉันน่ะซั่มแม่นี่เรียบร้อยแล้ว”
“จริงเหรอฟิลิเซียคนสวย” หนุ่มนายหนึ่งเอ่ยถามอย่างเอาใจ
“จริงสิ แถมพ่อฉันยังบอกอีกว่าแม่นี่ผ่านศึกมาโชกโชนแล้ว เครื่องเคราหลวมไปหมด”
เสียงหัวเราะของผู้คนที่อยู่ด้านหลังไม่ผิดจากคมมีดที่พุ่งเข้าแทงกลางหัวใจ หญิงสาวน้ำตาหลั่งรินด้วยความขมขื่นใจ จนแว่นสายตามัวพร่ากำลังจะถอดออกมาเช็ดให้ใสดังเดิม แต่จังหวะนั้นหล่อนก็เกิดเดินชนกับร่างของใครคนหนึ่งที่เดินสวนมาพอดี
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไร...”
มือหนาที่จับต้นแขนของหล่อนเอาไว้มันร้อนราวกับไฟ น้ำเสียงทุ้มลึกราบเรียบค่อยๆ จางหายไปพร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ที่เดินจากไปเช่นกัน