บทที่ 8 ให้เกียรติ
เกือบหนึ่งทุ่มรามกลับมาถึงบ้าน และสิ่งแรกที่เขาถามถึงก็คือลูกชายตัวน้อย เมื่อได้คำตอบว่าขึ้นห้องนอนแล้ว จึงถามถึงน้าสาวของลูกชายเป็นคนต่อไป แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเลยทีเดียว
“ไปกับราชเหรอ”
“ค่ะ คุณราชมารับคุณนิดตอนเกือบๆ หกโมงนี้เองค่ะ คุณนิดฝากบอกคุณรามว่าไม่ต้องรอทานข้าว เธอจะทานมาจากข้างนอกเลยค่ะ”
“เธอบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
รามพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาน้องชายแทน เพราะคิดว่าต้องได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
(ผมแค่ไปรับหนูนิดออกมาจากบ้านเท่านั้นครับพี่ราม เพราะผมผ่านไปทางนั้นพอดี ส่วนตอนนี้เธออยู่ที่ไหนผมไม่รู้จริงๆ)
คำตอบที่ได้ยินจากน้องชายทำให้เขากังวลหนักยิ่งกว่าเดิม “นายไม่ได้ถามเธอเหรอว่าจะไปไหน”
(ถามครับแต่เธอไม่ตอบ บอกแต่ว่าธุระส่วนตัวนิดหน่อย)
“ธุระส่วนตัวบ้าอะไร นี่มันมืดแล้วนะ แล้วหนูนิดก็ไม่คุ้นเคยกับกรุงเทพด้วย ทำไมนายไม่อาสาไปกับเธอล่ะ” รามกล่าวโทษน้องชายอย่างหงุดหงิด
(ผมก็อาสาแล้วแต่เธอไม่ยอมนี่ครับ)
“นายมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูนิดไหม ขอพี่หน่อยสิ”
(โอเค เดี๋ยวผมส่งไปให้ทางไลน์นะ)
รามถูกน้องชายตัดสาย ไม่นานเกินรอก็มีข้อความไลน์เตือนเข้ามา เขาเปิดดูแล้วรีบกดโทรออกทันที
“ทำไมไม่รับสายนะ รู้ไหมว่าคนเขาเป็นห่วง”
“เป็นห่วงใครเหรอคะ” พินแพรที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามชายหนุ่มที่ขับรถนำมาก่อน
“หนูนิดน่ะสิ”
คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แววตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ เพราะเขาไม่ได้สนใจมองมาทางเธอ ความริษยาวิ่งพล่านเข้ามาครอบคลุมหัวใจ ที่ไม่เคยได้รับความรักจากเขา แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังเป็นแค่คนรู้จักในสายตาเขา
“วางสายเถอะค่ะ..” เธอเผลอหลุดปากออกไป แต่เมื่อถูกสายตาของเขามองมาอย่างแปลกใจก็รีบคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน “เชื่อแพรเถอะค่ะ คุณนิดยังเด็ก บางทีเธออาจจะอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างก็ได้ พี่รามอย่าไปจี้เธอแบบนี้สิคะ”
“แต่พี่เป็นห่วงเธอ เธอไม่ชินกับเส้นทางในเมืองไทย เธอน่าจะให้คนขับรถพาไป ไม่ใช่ไปเองคนเดียวแบบนี้”
“เธอโตแล้วนะคะ” พินแพรคลี่ยิ้มอ่อนโยน ปลอบประโลมชายหนุ่มด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เพราะเธอไม่เคยได้รับความเอาใจใส่จากเขาเช่นนี้บ้างเลย
“เมื่อกี้แพรเพิ่งบอกพี่ว่าเธอยังเด็กอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับคำแล้วล่ะ”
“เอาเถอะค่ะ อย่าเพิ่งเครียดไปเลย พี่รามกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวแพรจะโทรหาคุณนิดให้เองค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกแพร” รามปฏิเสธหญิงสาวทันที เพราะรู้ว่าน้องเมียของเขาไม่ค่อยจะชอบหญิงสาวคนนี้สักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเมื่อตอนบ่ายวันนี้เธอคงไม่โทรไปต่อว่าเขา เรื่องที่จะให้เธอมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ชั่วคราว “เดี๋ยวพี่โทรเองดีกว่า พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ แพรก็ไปอาบน้ำสิ จะได้มากินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะ” พินแพรรับคำอย่างว่าง่าย “แล้วห้องแพรอยู่ไหนคะ”
“เดี๋ยวให้ส้มพาไปนะ” รามบอกกับสาวใช้ที่ยกน้ำเข้ามาแล้วขอตัวเดินขึ้นชั้นบน
“ห้องคุณแพรทางนี้ค่ะ” ส้มกล่าวกับหญิงสาวแล้วพาไปยังห้องรับรองแขกที่อยู่ชั้นล่าง
“ใครเป็นคนจัดห้องให้ฉันเหรอส้ม” พินแพรถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่นุ่มนวลและไม่กระด้างแต่ก็ฟังดูถือตัว
“ป้าศรีค่ะ”
“ป้าศรีเลือกห้องให้ฉันด้วยหรือเปล่า”
“ส้มไม่ทราบค่ะคุณแพร”
“เรียกป้าศรีมาหาฉันหน่อยสิ ฉันจะถามป้าเขาเอง”
“ค่ะ”
ส้มจากไปและไม่นานป้าศรีก็มาถึง
“คุณแพรเรียกป้าเหรอคะ”
“ป้าเป็นคนเลือกห้องพักให้ฉันเหรอจ๊ะ ป้าก็รู้นี่ว่าพี่รามเคยให้ฉันพักอยู่ที่ห้องไหน”
“แต่คุณรามเป็นคนสั่งให้ป้าจัดห้องนี้ให้คุณนะคะ” ป้าศรีตอบตามสัตย์จริง เพียงแต่บอกไม่หมดว่าห้องถูกเปลี่ยนกะทันหัน หลังจากที่กระเป๋าของเธอมาถึงแล้ว และคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ก็คงไม่พ้นคุณนิด ดังนั้นเธอจึงถูกย้ายให้มาอยู่ที่ห้องรับรองแขกห้องนี้ แทนห้องรับรองญาติที่อยู่ชั้นบน
“แน่ใจเหรอป้า”
“โธ่คุณแพร ป้าจะโกหกทำไมคะ ถ้าไม่เชื่อไปถามคุณรามเองก็ได้นะคะ”
เจ็บปวดเหลือเกินกับคำตอบที่ได้ยิน ทำไมเขาต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย ถึงเมียจะตายไปแล้วเขาก็ยังไม่เห็นเธอเป็นอย่างอื่นอีกเหรอ เธอยังมีค่าแค่เลขากับคนรู้จักของเขาแค่นั้นใช่ไหม
“ไม่เป็นไร ห้องนี้ก็กว้างขวางน่าอยู่ดี ที่ฉันถามเพราะฉันสงสัยเท่านั้น ป้าไปทำงานของป้าต่อเถอะ” เธอพยายามกลืนก้อนเนื้อที่จุกอยู่ตรงคอหอยลงท้อง แล้วกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่แสร้งทำขึ้นมา
เกือบๆ สามทุ่มแท็กซี่คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในรั้วบ้านพิทักษ์ทรัพย์ คนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขกในห้องโถงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดู
ใจที่หนักอึ้งไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ผ่อนคลายลงทันทีที่เห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถ แต่ความโมโหกลับเข้ามาแทนที่ เมื่อเธอเดินผ่านหน้าไปอย่างกับเขาเป็นแค่วิญญาณที่ไร้ตัวตน
“หนูนิด” เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงความไม่พอใจออกไปทางน้ำเสียง เธอหยุดเดินและหันกลับมามองหน้าด้วยสายตาเป็นคำถาม “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“พี่รามโทรหานิดด้วยเหรอคะ นิดไม่รู้นี่ว่าเป็นเบอร์พี่ราม ถ้ารู้นิดก็จะรับอยู่หรอกค่ะ” ตอบแบบขอไปที
“แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งกลับ”
“อยากรู้ว่ากี่โมงก็ดูนาฬิกาสิคะ นิดขอตัวก่อนนะคะ วันนี้นิดเหนื่อยมาก” เชอะ! เธอไม่ตอบง่ายๆ หรอก ทีใครก็ทีมัน อยากทำให้เธอโมโหก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
“ถ้าคิดจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ควรให้ความเคารพกันบ้างนะหนูนิด” รามถึงกับฟิวส์ขาดเมื่อเจอน้องเมียที่เด็กกว่าถึงสิบหกปีตีรวนใส่ เขาชี้ที่ศีรษะตัวเอง “เห็นหัวพี่เขยคนนี้บ้างนะ”
“แล้วพี่รามเคยเห็นนิดเป็นน้องเมียบ้างไหมคะ เคยให้เกียรตินิดในฐานะน้องของพี่แก้ว น้าของลูกบ้างไหม”
“ถ้าพี่ไม่ให้เกียรตินิด วันนี้พี่ก็คงไม่ทำตามที่นิดบอกหรอก”
“เรื่องนั้นนิดไม่ได้ขอเพื่อตัวนิดเองซะหน่อย นิดขอเพื่อหลานของนิด ขอเพื่อพี่สาวของนิดที่เพิ่งฆ่าตัวตาย เพราะตรอมใจเรื่องผัวต่างหาก!” น้ำตาแห่งความเสียใจเริ่มไหลซึมดวงตา มองหน้าชายหนุ่มอย่างตัดพ้อและโกรธแค้น
“หนูนิด” รามตกใจกับน้ำตาที่นองหน้าของเธอ หนักยิ่งกว่านั้นก็คือแววตาที่บ่งบอกว่ากำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โต “มันไม่ใช่อย่างที่หนูนิดคิดนะ พี่กับแพรไม่เคย”
“นิดยังไม่พร้อมที่จะฟัง” สิริญ่าพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่จะได้ยินคำแก้ตัวของเขาจนจบ แล้วคิดจะเดินหนี แต่ระหว่างที่หมุนตัวนั้นก็บังเอิญเห็นใครคนหนึ่งหลบเข้าที่ข้างตู้พอดี “สอดรู้สอดเห็นนักนะ!” แล้วหันกลับไปมองชายหนุ่มทางเบื้องหลังอย่างหาเรื่อง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังมุมสลัวนั้น