Chapter.6 รักแรกพบ

1756 คำ
ร่างสูงยืนไหล่ตกอย่างปวดใจขณะกวาดสายตาแดงก่ำมองไปรอบๆบ้านที่ไม่มีภรรยาและลูกอยู่ เขามารับไม่ทันและคงคลาดกันตรงไหนสักที่ แต่อย่างน้อยๆ ยังดีที่เธอและลูกปลอดภัย นิ้วเรียวยาวสั่นเทาหยิบบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมพ่นควันคลุ้งห้อง สังเกตจากร่องรอยการอาศัยเหมือนว่าซารีนและลูกเพิ่งจะไปก่อนเขาเพียงไม่นาน “เห้อ” พื้นรองเท้าผ้าใบเกรอะโคลนบี้มวนบุหรี่บนพื้นห้องนอนก่อนสาวเท้ายาวๆออกจากบ้านเพื่อตามหาเธอที่อื่น โจว์อาร์ยืมรถญาติขับกลับมาตามหาภรรยาและลูกเมื่อได้สติจากการเมาหนักเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุสองวัน หลังจากนั้นก็วิ่งวุ่นหนีภัยกันจนผ่านมาวันที่สองพอทราบข่าวว่าที่นี่จะกลายเป็นเมืองบาดาลในไม่ช้า ผมยาวเลยบ่าปล่อยกระเซิงข้ามวันเพิ่งนึกได้ว่าต้องรวบก็ตอนพบยางรัดผมบนพื้นดินโคลน “หืม?” พบรอยเท้าเล็กและรอยรองเท้าขนาดใหญ่ซึ่งมั่นใจว่าไม่ใช่เท้าเขา ส่วนรองเท้าเล็กๆนั้นเขารู้ดีว่าเป็นของซารีนและพื้นรูปดาวนั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ ปัญหาในตอนนี้คือเธอไปกับใคร ความคุกรุ่นสุมขึ้นในอก ทั้งเป็นห่วงและหวงแทรกแซงกันวุ่น .................... “แล้ว คุณชื่ออะไรคะ?” เสียงเล็กเอ่ยถามหลังจากเขาและเธอเงียบกันมานานเกือบชั่วโมง บรรยากาศด้านนอกมืดสนิทจนน่ากลัวจึงพยายามหาเรื่องสนทนากับเขาเผื่อจะลดความตึงเครียดได้บ้าง “ออ ฉันเหรอ เรียกสั้นๆว่าเมแกนก็ได้” “ค่ะ คุณเมแกน” “แล้ว เธอเป็นคนซุนดาลีจริงๆหรือ ทำไมหน้าตาออกแถบเอเชีย” “ใช่ค่ะ ฉันมาจากเอเชีย ไม่ใช่คนซุนดาลี ที่จริงฉันชื่อรสริน คนที่นี่เรียกยากเลยเปลี่ยนให้เป็นซารีน”เธออธิบายด้วยแววตาเป็นประกาย ถ้าไม่นับความอึมครึมในบ้านสามีแล้ว ผู้คนที่นี่ใจดีและเป็นมิตรกับเธอมาก “ออ งั้นฉันเรียกโรส ได้สินะ” “ได้สิคะ” เธอตอบกลั้วเสียงหัวเราะน้อยๆ แค่ช่วยชีวิตเธอและลูกก็เป็นพระคุณมากโข เพียงเรียกชื่อที่แปลว่า กุหลาบ ทำไมจะไม่ได้เล่า “ถ้าให้เดาว่ามาจากประเทศอะไร อืม..เจแปนนิส ..ไชนิส ..” เมื่อทายมาทั้งสองแล้วเธอยังอมยิ้มและส่ายหัว มาเฟียหนุ่มจึงเริ่มทายต่ออย่างอารมณ์ดี “ไทยแลนด์?” “ค่ะ” “ว้าว” ดวงตาคมวาววับ เหมือนจะถูกชะตากับสาวไทยเสียจริง เพราะมาเรีย หรือมาริสาหญิงสาวที่เขาหมายปองเอาไว้เมื่อสามวันก่อนก็เป็นคนไทยเช่นกัน เขามีโอกาสได้ไปชื่นชมผลงานศิลปะของจอห์น ศิลปินผู้ตกอับชีวิตหันเหเป็นช่างสักลายให้กลุ่มดาร์คเพราะรายได้ดีและสบายกว่า เมื่อพาผองเพื่อนไปที่บ้านจอห์นเพื่อลงลายสักตามตัว เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรออย่างเบื่อหน่ายจอห์นได้เปิดห้องลับให้ชมผลงาน ดวงตาสะดุดกับภาพหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบนฝาผนัง ผิวขาวผ่องพวงแก้มนวลปรั่ง ร่างอรชร นอนอยู่บนทุ่งดอกไม้ท่ามกลางหมู่ภมรราวกับเจ้าหญิงหลุดมาจากเทพนิยาย ไม่คาดคิดเลยว่า เด็กสาวคนนั้นมีตัวตนจริงหาใช่จินตนาการ ฟรังโก เมแกน สนใจจนถึงขั้นดึงแขนจอห์นไปสอบถามความเป็นมาของมาริสา หรือมาเรีย จึงทราบว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของจอห์น “ใช่ครับ เธอคือลูกสาวคนเล็กของผมกับภรรยาอีกคนที่เมืองไทย แปลกใจใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ เธอสวยเหมือนแม่ ไม่เหมือนผมสักนิด” เสียงหัวเราะที่ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังมีความสุข ร่างท้วมเดินลากเท้า ปรากฏรอยยิ้มหม่นหมองบนใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยหกสิบปีเศษ “ลูกสาวคุณสวยมาก” เอ่ยราวกับละเมอเอื้อมมือไปลูบไล้ภาพนั้นอย่างหลงใหล “ครับ เธอเพิ่งจะสิบสามปี ผมเสียใจมากที่ภรรยาผมเธอจะประเคนลูกสาวสุดที่รักไปให้เสี่ยในเมืองไทยเพื่อล้างหนี้” “หืม? เธอเพิ่งจะสิบสามนะ” “เรา ..เราไม่มีทางเลือกครับคุณเมแกน ธุรกิจพังถูกเพื่อนหักหลังจนไม่เหลืออะไรเลย ธุรกิจของภรรยาที่เมืองไทยก็ถูกฟ้องล้มละลาย และตอนนี้เธอยังต้องหาเงินจำนวนมากมาให้ผมทำคีโมอีก” “คุณเป็นอะไร จอห์น?” “มะเร็งสมอง” ตอบเปื้อนยิ้ม “หึ ถึงจะเพิ่งเริ่มแรก แต่รู้ว่าคงอยู่ชมลูกสาวแสนสวยได้ไม่นาน” “ถ้าเปลี่ยนจากเสี่ยนั่นเป็นผม คุณจะว่าอะไรมั้ย?” “หา?” “ไม่รู้สิ เหมือนผมกำลังหลงรักเด็กสาวคนนี้เข้าแล้วสิจอห์น คุณต้องการเท่าไหร่ผมพร้อมจ่ายทุกอย่าง แค่คุณดูแลลูกสาวให้ดีจนกว่าถึงเวลาเหมาะสมที่ผมจะครอบครอง” “อุแว้ อุแว้” เสียงร้องไห้ของเอเดนปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ “ชู่วว ไม่เอาไม่ร้องนะเอเดนคนเก่ง” เธอเงยหน้าขึ้นหันไปมองเขาที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ “เอ่อ คุณ ฉันจะให้นมลูกค่ะ” “ฉันไม่ดูหรอกน่า ไม่เห็นหรือว่ากำลังขับรถอยู่ ดูสิทางโค้งเยอะจัด” เขาบ่นพึมพำแต่แว้บหางตาเหล่มองแล้วแอบอมยิ้มคนเดียว “ฉันเคยไปเมืองไทย ทะเลที่นั่นสวยมาก” ..ที่สวย ไม่ใช่แค่ทะเลหรอก แอบต่อท้ายประโยคเพียงในใจ ไม่เคยรู้สึกเสียดายผู้หญิงคนไหนเท่าเธอเลยให้ตายเถอะ น่าจะเจอเธอเร็วกว่านี้ แต่จะว่าไปเด็กนิ้วกลางนั่นก็น่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน รู้สึกถูกชะตาเจ้าหนูเอเดนแฮะ ไม่น่าเกิดมาในช่วงเวลาแบบนี้เลย ถ้าเขาไปส่งเธอถึงที่แล้วต่อจากนี้เธอและลูกจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อ จะกินจะอยู่อย่างไรหนอ? เมื่อรู้สึกเป็นห่วงเธอและลูกในอนาคตข้างหน้าจนไม่อาจอยู่เฉยได้ รถยนต์คันหรูส่งสัญญาณให้ลูอิสซึ่งขับตามหลังชะลอความเร็วลดลงตาม “เกิดอะไรขึ้นคะ?” “เรามาถึงที่ปลอดภัยแล้ว ฉะนั้นก็ค้างคืนที่นี่แล้วกัน” “หือ? แล้วที่นี่ที่ไหนคะ?” “เข้าเขตภาคกลางแล้ว แต่หาที่พักตอนนี้คงยากหน่อย เพราะข้างหน้ากำลังเกิดจลาจลหนักเราเลยต้องพักตามข้างทางนี่แหละ” เมื่อมองสีหน้าหวาดกลัวของเธอแล้วเขาจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่มนเบาๆ “ไม่ต้องกลัวนะ” “อุ๊ย” ไหล่บางสะดุ้งไหวพยายามเบี่ยงออก “โอเคๆ ไม่แตะก็ได้” สองมือยกขึ้นราวกับถูกปืนจ่อ “ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอหรอกน่า ขับรถมาทั้งวันก็อยากจะนอนพักเอาแรงบ้างสิ เดี๋ยวจะกางเต็นท์ให้เธอและลูกนอนข้างล่าง.. ส่วนฉันจะนอนบนรถ โอเค๊?” ระหว่างกางเต็นท์และก่อกองไฟนั้นเขาสั่งให้ลูอิสขับรถออกไปทำธุระในเมืองและหาของกินมาด้วย ร่างใหญ่ยืนพิงต้นไม้แอบมองรสรินคุยเล่นกับเอเดนบนรถพลางทอดถอนใจ จะให้เธอเผลอไผลมีใจให้กับเขาคงยาก ไม่ว่าสถานการณ์จะพาไปสักแค่ไหน กุหลาบดอกนี้แข็งแกร่งเกินคาด ถ้าเอ่ยปากออกมาสักคำ ว่าต้องการให้เขาช่วยเหลือ เขาจะพาเธอกลับอิตาลีทันที “มาแล้วครับนาย” ลูอิสวิ่งมาหาเจ้านายพร้อมกระเป๋าใบใหญ่หนักอึ้งบนหลังพลางปาดเหงื่อป้อยๆ “แล้วมึงมายังไง?” “ขโมยมอเตอร์ไซค์แถวนั้นมาครับ แต่ดั๊นน้ำมันหมดกลางทางผมเลยได้วิ่งมาเนี่ย” “มึงก็โง่ไม่แลกกับรถเล็กสักคัน เห้อ ..อืมๆ เอาของไปเก็บไป” เขารีบสั่งให้ลูอิสเอากระเป๋าไปเก็บบนรถขณะที่รสรินเดินตรงมายังพวกเขา “อ้าว เค้าขับรถไปนี่นา แล้วทำไมเค้าถึงได้วิ่งกลับมาแบบนี้ล่ะคะ” “อ๋อ รถมันเสียน่ะ เธอรีบไปหาอะไรกินเถอะลูกน้องฉันขนมาเพียบเลย” “ขอบคุณนะคะ” “เอเดนหลับแล้ว?” “ค่ะ หลับแล้ว...ฉันต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะที่ช่วยฉัน ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ” เธอพนมมือไหว้ก้มศีรษะลงต่ำ แล้วเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคมเข้ม เธอจะรู้ไหม ว่ายิ่งส่งรอยยิ้มแบบนี้ สบตากันแบบนี้ มันยิ่งอันตรายกว่าการที่ยอมให้เขาจับมือ หรือแตะไหล่อีก ‘ขอจูบแทนคำขอบคุณได้ไหม?’ แอบตั้งคำถามในใจเพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยออกไปนอกจากจะไม่ได้จูบแล้ว หล่อนคงหอบลูกระเห็จออกไปกลางดึกแน่ “เอ่อ มีอะไรติดหน้าฉันหรือคะ?” เธอถามออกมาด้วยความซื่อเพราะเขาจ้องหน้าเธอนานผิดปกติ มือเล็กลูบใบหน้าตนเองด้วยความฉงน “ฮ่าๆๆ เปล่านี่ ไม่มีอะไร เธอไปเถอะ” ร่างใหญ่รีบเบี่ยงตัวหันหลังกวักข้อมือเสมือนขับไล่ กลัวว่าเธอจะอ่านใจเขาออกผ่านสีหน้าแววตา ไหนจะบุรุษกายอีก “แหม ดูห่วงใยเป็นพิเศษนะครับนาย” ลูอิสยื่นใบหน้ามองเจ้านายอย่างรู้ทัน “อืม ไม่รู้สิกูถูกชะตากับเธอและลูก แล้วก็สงสารด้วย น่าจะอยู่ที่ดีๆกว่านี้” “อย่าบอกนะว่านายท่านของผมหลงรักเธอ ให้ตายสิครับเธอน่ะแม่ลูกอ่อน” “ถ้าไม่รีบหุบปากกูเตะมึงนะ” “ครับๆ หุบแล้วครับ ออ ผมเตรียมอาหารให้เจ้านายแล้วนะครับ” “อืม กูยังไม่หิว เอาเบียร์สักกระป๋องพอ” “หืม? นายท่านยังไม่ทานอะไรเลยนะครับ เห็นขับรถทั้งวัน แล้วพวกถุงห่อขนมปังนั่นก็เปื้อนดินโคลนแสดงว่าเธอเป็นคนกิน แล้วเจ้านายจะอิ่มได้ยังไง?” “เถอะน่า รู้แค่ว่ากูอิ่มแล้วก็พอ” เขาอมยิ้มอย่างมีเลศนัยทำเอาลูอิสตาโตพลางชี้นิ้วไปที่รอยเปื้อนคราบน้ำนมบนเสื้อยืดสีขาว “มึงอย่าได้คิดทะลึ่งเชียว” “ฮ่าๆๆ” ............................. “อร๊ายยยย!” เสียงหวานร้องขึ้นกลางดึกจนมาเฟียหนุ่มซึ่งเอนเบาะนอนบนรถสะดุ้งตื่นรีบวิ่งไปหาเธอที่เต็นท์ “โรส!” ฟึ่บบ “อุ๊บบ!” เมื่อเขาดันทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยไม่ได้บอกไม่.......กล่าวจึงพบเธอสภาพไม่ต่างจากตอนที่เขาเช็ดตัวให้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม