หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
อันเดรียเข้ามานั่งเปิดตำราแพทย์เงียบๆอยู่ในห้องแลปคนเดียวเพื่อทบทวนก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งจะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะเขาต้องตระหนักเสมอว่าแพทย์คืออาชีพที่ต้องช่วยเหลือชีวิตคน หากผิดพลาดแค่นิดเดียวอาจมีการสูญเสียเกิดขึ้นได้
แต่ไม่ว่าจะอ่านไปกี่รอบก็ไม่เข้าสมองอยู่ดี เพราะรอยยิ้มหวานใสสุดแสนจะไร้เดียงสาของสาวน้อยถักผมเปียคนนั้นยังคอยตามหลอกหลอนเขาไปทุกที่ แม้เวลาจะผ่านมานานนับสัปดาห์แล้วก็ตามที
‘ให้ตายเถอะ! นี่เธอเป็นปีศาจหรือไงกันยายเด็กแสบ’
อันเดรียสบถในใจก่อนที่จะปิดตำราลงอย่างยอมแพ้ความคิดของตัวเอง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เจอสาวสวยมาก็เยอะ เคยมีแฟนมาแล้วก็หลายคน แต่ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกตราตรึงใจได้เท่ากับยายเด็กมัธยมถักผมเปียได้เลยแม้แต่คนเดียว
“อันเดรียคะ คุณอ่านอะไรอยู่ ขอติวด้วยคนได้ไหมคะ”
ในขณะที่อันเดรียกำลังจะลุกจากเก้าอี้ นักศึกษาสาวสวยร่วมรุ่นที่มีนามว่านารินก็เดินเข้ามาหาพร้อมตำราในมือเล่มเดียวกับที่ชายหนุ่มถือ
“ไม่ ผมกำลังจะออกไป”
ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ทำให้หญิงสาวหน้าซาวาบทันที แต่ก็ยังไม่หยุดความพยายาม
“เดี๋ยวก่อนสิคะ นาอยากให้อันช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้หน่อย เพราะอ่านหลายทีแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ถ้าได้อันช่วยติวให้คงเข้าใจง่ายกว่านี้”
เมื่อเห็นว่าเขาจะเดินจากไป นารินก็รีบรั้งมือใหญ่ของเขาเอาไว้พร้อมเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงหวาน
“ผมก็ไม่เข้าใจ คุณอ่านเองน่าจะดีกว่า”
อันเดรียพูดความจริงเพราะตั้งแต่เจอเด็กสาวมัธยมถักผมเปียเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่ว่าเขาจะอ่านตำราเล่มไหนก็ไม่เข้าสมองทั้งนั้น อย่าว่าแต่เรื่องอ่านตำราเลย แม้แต่จะนอนยังนอนไม่หลับเหมือนคนโดนของยังไงอย่างนั้น
“นี่คุณรังเกียจนาขนาดนั้นเลยเหรอคะอัน นาแค่ขอให้คุณช่วยอธิบายตำราแค่นี้คุณยังหลีกเลี่ยงเลย”
น้ำเสียงและแววตาผิดหวังของสาวเจ้าทำให้อันเดรียต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แม้เขาจะรู้ว่าเจ้าหล่อนแอบชอบเขามานานแล้วแต่สำหรับเขาแล้วเธอเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
“ผมพูดความจริง ผมก็ไม่เข้าใจ”
“จะให้นาเชื่อคุณงั้นเหรอคะ ทั้งคณะทุกคนก็รู้ดีว่าคุณเก่งแค่ไหน อย่าว่าแต่เพื่อนร่วมรุ่นเลย อาจารย์ทุกคนในคณะต่างก็บอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ”
นารินเถียงเมื่ออารมณ์เริ่มกรุ่นๆที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ถูกสวนกลับหน้าหงายเหมือนกัน
“ผมต่างหากที่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง ตัวของผมจะมีใครรู้จักดีกว่าผมได้ยังไง ขอตัวก่อน!”
พูดจบร่างสูงสง่าก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้อีกฝ่ายมองตามด้วยความเจ็บใจ
“คอยดูนะอันเดรีย สักวันนายจะเสียใจที่ปฏิเสธฉัน!”
นารินกำหมัดแน่นเอ่ยตามหลังด้วยแววตาเคียดแค้น…ในเมื่อนายหักหน้าฉัน ฉันก็จะเอาคืนให้สาสม!
……………………………………
“เด็กแสบ!”
อันเดรียพึมพำกับตัวเองเหมือนคนกำลังละเมอ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามมาหาเธอทันที
“ไงน้อง วันนี้ทำไมทำหน้าเศร้าล่ะ”
อันเดรียเอ่ยทักเมื่อเห็นใบหน้าขาวใสวันนี้ดูเศร้าหมองไปถนัดตา ซึ่งดูแตกต่างจากที่เขาเจอเธอเมื่ออาทิตย์ก่อนมาก และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่ดีไปด้วย
“หนูสอบไม่ติด…ฮือ…หนูสอบไม่ติดค่ะพี่”
พูดแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น วันใหม่ยกมือปาดน้ำตาราวกับเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่สนสายตานักศึกษาคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมา จนคนเอ่ยถามถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
“ใจเย็นๆก่อนนะน้อง ไม่ร้องนะ…ไม่ร้อง เราไปกินไอศกรีมกันก่อนดีไหม แล้วค่อยๆเล่าให้พี่ฟัง”
อันเดรียเสนอเมื่อเห็นอีกฝ่ายฟูมฟายหนัก ในใจอยากดึงเธอมากอดปลอบแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพราะไม่อยากถูกมองว่าแอบแต๊ะอั๋งเด็ก
“แต่พี่คะ ถ้าพ่อแม่รู้ท่านต้องผิดหวังในตัวหนูแน่ๆเลย”
วันใหม่ช้อนสายตาเศร้าหมองขึ้นมองคนตัวสูงตรงหน้า คนที่ทำให้เธอรู้สึกกลายเป็นคนตัวเล็กเวลาอยู่ใกล้ๆ เพราะเมื่อเทียบกันแล้วความสูงของเธอก็ถึงแค่อกเขาเท่านั้น
“สรุปเสียใจที่สอบไม่ติด หรือกลัวพ่อแม่ดุกันแน่สาวน้อย”
แววตาและคำพูดที่แสนจะอ่อนโยนทำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก วันใหม่โถมตัวโผล่เข้ากอดชายหนุ่มราวกับต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในเวลาที่รู้สึกแย่ที่สุด
แต่คนที่กำลังถูกจู่โจมกลับนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกเสียอย่างนั้น และกว่าที่จะรวบรวมสติกลับมาได้ เจ้าหล่อนก็ผละออกจากอกกว้างของเขาเสียแล้ว อันเดรียเลยได้แต่ส่ายหัวกับคนตรงหน้าที่ชอบทำอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายเสมอ และทุกครั้งเจ้าหล่อนก็ทำให้หัวใจเขาสั่นไหว จนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่เรื่อย
“ว่าไง สรุปเสียใจแบบไหนมากกว่ากัน”
เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่มองใบหน้าเนียนสวยใสที่เปาะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“ทั้งสองอย่างค่ะพี่”
“งั้นเอางี้ไหม พี่จะติวให้รอบสอบตรง”
“พี่ไม่ได้เรียนสาขาที่หนูจะเข้าเรียน พี่จะติวให้ได้ยังไงละคะ”
วันใหม่เอ่ยถามเสียงอ่อย ไม่ได้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาเลยสักนิด
“จะดูถูกกันมากไปแล้วยายเด็กขี้แย…ไปกินไอศกรีมกันก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
อันเดรียยกมือขึ้นขยี้ลงบนหัวสาวน้อยถักผมเปียด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจูงมือเธอเข้าไปยังร้านไอศกรีมที่อยู่ตรงข้ามถนนอีกฝั่ง เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในร้านแล้วก็นั่งลงจับจองที่นั่งในมุมสบายๆของร้าน
“อยากกินรสอะไรพี่จะไปสั่งให้”
“สตอเบอรี่ค่ะ”
ตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะเป็นรสที่เธอชื่นชอบมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอมยั่วๆคิดแล้วก็ชวนให้น้ำลายไหล
“ได้เลย รอสักครู่นะ”
อันเดรียบอกสาวน้อย ก่อนที่ตัวเองนั้นจะเดินไปสั่งไอศกรีมที่เค้าเตอร์บาร์ไม่นานก็กลับมาพร้อมถ้วยไอศกรีมในมือสองถ้วย
“พี่ชอบทานไอศกรีมรสวนิลาเหรอคะ”
วันใหม่อดถามไม่ได้เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเลือกรสวนิลาซึ่งเป็นรสที่หวานไปสำหรับเธอ แม้จะมีกลิ่นหอมยั่วใจไม่แพ้กลิ่นสตอเบอรี่ก็เถอะ
“พี่ชอบกินทุกอย่างที่มีรสชาติหวาน”
อันเดรียบอกอย่างไม่คิดปิดบัง เพราะส่วนใหญ่เขาจะทานของหวานมากกว่าของเปรี้ยว ซึ่งเจ้าหล่อนก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่เรียนคณะอะไรเหรอคะ”
“คณะแพทย์”
คำตอบสั้นๆแต่ทำให้สาวน้อยถึงกับตาโต มองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอนักศึกษาแพทย์ตัวจริงเสียงจริงที่ใครๆก็ลือกันว่าเป็นคณะที่สอบเข้าได้ยากมาก แถมยังเรียนหนักที่สุด
“ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะ”อันเดรียเลิกคิ้วถามขณะที่ตักไอศกรีมเข้าปาก
“พี่เรียนแพทย์ แสดงว่าพี่ต้องเก่งมากนะสิ”
น้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นของสาวน้อยทำให้อันเดรียถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ แต่กระนั้นเขาก็ชอบมองเวลาที่เธอหลุดกิริยาเปิ่นๆให้เห็น
“ก็ไม่เห็นมีอะไรยากนี่”
ชายหนุ่มยักไหล่ตอบอย่างไม่คิดถ่อมตน เพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ สำหรับเขาแล้วการได้จับมีดผ่าตัดเป็นอะไรที่สนุกและตื่นเต้นกว่าอะไรทั้งหมดที่เขาเคยลองมา
“พี่เรียนคณะแพทย์แล้วพี่จะมีเวลาติวให้หนูเหรอคะ หนูเข้าใจว่าคณะนี้ต้องท่องตำราหรืออยู่แต่ในห้องแลปตลอดเวลาเสียอีก”
“มากไป เอาแต่ท่องตำราก็ตายกันพอดี แพทย์ก็คนนะจะไม่ให้สนุกกับชีวิตบ้างเลยหรือไง”
“แล้วพี่จะติวให้หนูเวลาไหนละคะ”
“เวลาไหนก็ได้ที่หนูสะดวก”
“งั้นหนูจะไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แล้วจะขอค่าขนมให้พี่ด้วย ส่วนสถานที่ติวก็เอาที่บ้านหนูก็ได้ค่ะ ไว้หนูจะส่งที่อยู่ให้นะ…ขอไลน์พี่ด้วยค่ะ”
สรุปเองเสร็จสรรพก็แบมือขอโทรศัพท์อีกฝ่าย ซึ่งอันเดรียเองก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาปลดล็อกแล้วส่งให้กับเธอ เพื่อที่เจ้าหล่อนจะได้สะแกนคิวอาร์โค้ดเพิ่มเพื่อนในแชทข้อความ
“เรียบร้อยค่ะ…ว่าแต่พี่ชื่ออะไรคะ หนูลืมถามเสียสนิทเลย”
‘เธอก็ลืมทุกเรื่องนั่นแหละ’อันเดรียต่อว่าสาวน้อยในใจแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“อันเดรีย”
“อันเดรีย ชื่อแปลกดีนะคะ ไม่เห็นคนไทยชื่อนี้สักคน”
“ชื่ออิตาลี พ่อตั้งให้”คำอธิบายเพิ่มเติมของชายหนุ่มทำให้สาวน้อยพยักหน้าเข้าใจ
‘เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลีสินะ’
“หนูชื่อวันใหม่นะคะ เป็นทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นเลย”
“อืม”ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับบ้านหลังการทานไอศกรีมเสร็จ