14
“ขอบคุณมากค่ะคุณคมน์”
รุจิเรศเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมหล่อ ก่อนจะหอมแก้มสากเป็นรางวัลของความใจดี เขาพลิกกายสาวให้นอนบนที่นอน โดยมีร่างของเขาเกยก่าย ดวงตาของเขาเพ่งมองไปยังหน้าหวานสวย สบลึกลงไปในดวงตาเย้ายวนคู่นั้น
“รักผัวมั้ยจ้ะ หนูนาจ๋า?”
ใบหน้าคมโน้มลงต่ำ จูบเบาๆ บนปากสีทับทิมอิ่มสวย ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวใต้ร่าง หญิงสาวขวยเขินกับคำถามของเขายิ่งนัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยถามและไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตอบ
“รักค่ะ หนูนารักคุณคมน์ที่สุดเลยค่ะ”
เสียงหวานใสเอ่ยตอบ คมน์ยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อได้ยินคำบอกรักที่เขาได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับคำบอกรักของเธอ เพราะมันเป็นแผนการของเขา แผนหลอกให้รุจิเรศรักแล้วเขาจะทำบางอย่างให้เธอช้ำใจตาย แผนแรกสำเร็จ คราวนี้เขาก็จะดำเนินแผนสองได้แล้ว
“ผัวก็รักหนูนาจ้ะ”
คำรักหลอกลวงหลุดออกมาจากปากของคมน์ ก่อนที่ริมฝีปากหนาหยักสวยทาบทับกลีบปากอิ่ม บดเคล้าคลอเคลียมอบจูบหวานล้ำ ซอกซอนหาความฉ่ำหวานจากโพรงปากนุ่ม เกมรักที่เพิ่งยุติได้ไม่ถึงสิบนาทีได้เกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง พร้อมกับเสียงครางกระเส่าของทั้งสองดังประสานกันไปตลอดเกมแห่งกาม
คมน์นั่งพิงหัวเตียงทอดสายตามองร่างของรุจิเรศที่หลับใหลข้างกายเขา ชายหนุ่มรอเวลานี้มานานแล้ว เวลาที่เขาจะได้ชำระความแค้นที่สุมอยู่ในหัวใจ โถมทับมายี่สิบเอ็ดปีเต็มเสียที ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเมื่อมองดวงหน้าหวานของหญิงสาวแล้วปรามาสในใจว่า ใจง่าย ระยะเวลาแค่หนึ่งเดือนรุจิเรศหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาแค่เอาอกเอาใจ พูดดีๆ ทำดีกับเธอ พาเธอไปเที่ยว แสดงออกให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขารักและแคร์เธอมาก บอกคำรักเข้าหน่อยก็มอบหัวใจให้เขาอย่างง่ายดาย อย่างนี้ไม่เรียกว่าใจง่ายแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
เขาย้อนนึกถึงความรักครั้งแรกที่แสนเจ็บปวด ยี่สิบเอ็ดปี ยี่สิบเอ็ดปีที่เขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ในวันนั้นเลย มันเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
“อัง คมน์ผิดอะไร ทำไมถึงต้องบอกเลิกคมน์ด้วย เมื่อวานนี้เรายังมีอะไรกัน อังยังบอกรักคมน์ บอกว่าถ้าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน แต่ทำไมวันนี้อังมาบอกเลิกคมน์ล่ะ คมน์ทำอะไรผิด?”
วินาทีแรกที่เขาได้ยินคำพูดบอกเลิกจากปากของอังคณา เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจของเขา เป็นเรื่องที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่ได้คลางแคลงใจ ไม่มีสัญญาณเตือนของรักล่มเลยสักนิดเดียว เนื่องจากเมื่อวานนี้เขากับอังคณายังมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ผลัดกันบอกรักตอนที่เอกลับบ้าน แต่พอมาวันนี้เอกลับมาบอกเลิกเขา ความเสียใจจึงมาพร้อมกับความสงสัย
“คมน์ไม่ผิดหรอก แต่อังคิดว่าเรายังเด็กแล้วก็กำลังเรียนอยู่ด้วย คมน์โตขึ้นคมน์อาจจะเจอกับผู้หญิงที่ดีกว่าอัง สวยกว่าอังก็ได้ อีกอย่างคุณพ่อพ่อกับคุณแม่อังก็ไม่ชอบคมน์เพราะคมน์จนกว่าอัง อังไม่อยากขัดใจท่าน เอาเป็นว่าเราเลิกกันนะ ต่อไปนี้เจอกันก็ไม่ต้องมาทัก ต่างคนต่างอยู่พูดแค่นี้คมน์คงเข้าใจนะ”
อังคณายืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหตุผลของเธอนั้น ทำให้ชายหนุ่มในวัยสิบเจ็ดปีเกิดความไม่เข้าใจ ยังเด็กอย่างนั้นหรือ ข้อนี้เขาไม่เถียง คมน์เองยอมรับว่าผิดและไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ที่เขาและเธอกินสุกก่อนห่ามมีความสัมพันธ์กันทั้งๆ ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ทว่าทั้งสองไม่เคยเสียการเรียนเลยสักครั้ง เรียนคือเรียน จะนัดเจอกันหลังเลิกเรียนและวันหยุดเท่านั้น
ความรักของคมน์ที่มีต่ออังคณามากมายนัก เพราะเธอคือรักแรกและคิดว่าคือรักเดียวของเขา ชายหนุ่มวาดหวังไว้ว่าหากเรียนจบในระดับปริญญาตรี เขาจะแต่งงานกับอังคณาทันทีดูท่าความฝันนี้จะพังทลายลงแล้ว
เรื่องฐานะของคมน์นั้นก็ไม่ถือว่าขี้เหล่เลย แต่ถ้าเทียบกับครอบครัวของอังคณาตอนนั้น เขายอมรับว่าด้อยกว่า บิดาของอังคณาเป็นราชาที่ดิน มีที่ดินเป็นทรัพย์สินรวมกว่าสามพันไร่ บริษัทขนส่งสินค้าที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ มีผลกำไรรวมแล้วมากกว่าสี่ร้อยล้านต่อปี เทียบกับเขาที่มีเพียงกิจการทัวร์ทั้งในและต่างประเทศกำไรต่อปีไม่ถึงครึ่งของครอบครัวอังคณาด้วยซ้ำ ข้อนี้เองที่ทำให้บิดามารดาของคนรักตั้งข้อรังเกียจเขาตลอดเวลา ทั้งหมดนี้หรือคือเหตุผลที่อังคณาบอกเลิกเขา แล้วความรักล่ะ ความรักของเขาและเธอที่มีให้กันไม่สำคัญเลยใช่หรือไม่
“เรารักกันไม่ใช่เหรออัง เราฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันก็ได้นะ จริงอยู่ที่เราสองคนยังเด็กแต่คมน์มั่นใจว่าทั้งชีวิตนี้คมน์มีอังคนเดียว รักอังคนเดียว เรื่องที่พ่อแม่อังไม่ชอบคมน์ก็เหมือนกัน ฐานะของคมน์ก็ไม่ด้อยกว่าคนอื่นเลย รับรองได้ว่าถ้าอังแต่งงานกับคมน์ อังจะไม่ลำบากเลย ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของคมน์กำลังขยายธุรกิจทำอะไหล่รถยนต์กับเพื่อนของคุณพ่อที่อยู่เยอรมัน ผลกำไรจำนวนมากที่ครอบครัวของคมน์ได้จะทำให้ฐานะของครอบครัวคมน์เทียบเท่ากับอัง อังบอกคุณพ่อคุณแม่ของอังหน่อยได้มั้ย บอกให้ท่านรอคมน์สร้างฐานะตัวเองอีกสักนิด คมน์จะพิสูจน์ให้ท่านรู้ว่าท่านคิดไม่ผิดที่ให้อังแต่งงานกับคมน์ ให้โอกาสคมน์หน่อยนะอัง ได้โปรด”
คมน์พยายามพูดให้คนรักใจอ่อน วิงวอนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทุกคำพูดที่พูดออกมานั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น ครอบครัวของเขากำลังทำธุรกิจผลิตอะไหล่รถยนต์ เพื่อป้อนให้บริษัทผลิตรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ นับสิบยี่ห้อ ครอบครัวของเขาจะได้ผลกำไรมากมายจากธุรกิจนี้ เขาจะไม่ให้อังคณาต้องลำบากเลยหากต้องแต่งงานกับเขา
“แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คมน์คิดล่ะ ธุรกิจบ้าบออะไรที่คมน์พูดมามันเกิดเจ๊งไม่เป็นท่า คมน์หมดเนื้อหมดตัว อังไม่ทนลำบากด้วยหรอกนะ อังอยากได้ความมั่นคงที่อังมองเห็น ไม่ใช่ความมั่นคงที่เลื่อนลอยมองไม่เห็นอย่างที่คมน์คาดหวัง อังเบื่อที่จะพูดกับคมน์แล้ว อังจะพูดอีกครั้งนะ เรา-เลิก-กัน”
อังคณาไม่คิดเหมือนคมน์ การทำธุรกิจมันขึ้นอยู่กับความเสี่ยง เธอคิดไปว่าธุรกิจใหม่ที่ครอบครัวของคมน์จะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันใกล้ ของอย่างนี้ต้องใช้เวลา ซึ่งมันอาจใช้เวลานานหลายปี หรือเป็นสิบปีกว่าจะได้เงินกำไรมากมายอย่างที่คมน์พูด มันเป็นอะไรที่เลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ สู้เธออยู่กับความร่ำรวยที่จับต้องได้น่าจะดีกว่า