1 เดือน ต่อมา
บริษัทดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป
บ่ายวันนี้บุปผชาติจะมาพบมาร์โค ดิมิเทียส ตามที่ได้แจ้งกับเลขาของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่รัสเซลยังไม่ได้รายงานให้เจ้านายของตนทราบเลย เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เข้าบริษัทมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ เมื่อคืนก็ไม่กลับไปนอนที่บ้าน สงสัยจะไปขลุกอยู่กับสาวไหนสักนางเป็นแน่
ไหนผู้เป็นนายแสดงออกนักหนาว่าอยากจะได้สาวน้อยชาวเอเชียมาแนบกาย แล้วไยถึงไม่รีบแจ้นเข้าบริษัทมารอต้อนรับการมาของสาวเจ้า แถมยังไม่รับโทรศัพท์อีก ให้ตายสิ! รัสเซลได้แต่ถอนหายใจให้กับความรวนเรของเจ้านายสุดหล่อ จนตนชักจะไม่แน่ใจแล้วสิว่านายยังอยากให้เธอทำงานที่อุปโลกน์ขึ้นมาหรือไม่
แล้วนี่เขาอุตส่าห์ส่งข้อความไปบอก ว่าบุปผชาติจะเข้ามาที่บริษัทในบ่ายวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้านายจะได้รับข้อความนั้นหรือไม่อย่างไร อีกฝ่ายอาจจะไม่มีเวลาว่างพอที่จะอ่านข้อความ เพราะมัวแต่ทำกิจกรรมเข้าจังหวะจนลืมวันและเวลาไปเสียสนิท ก็อย่างว่าล่ะนะเพลย์บอยก็ยังเป็นเพลย์บอยอยู่วันยังค่ำ ครั้นจะให้มาสิ้นลายเพราะสาวเฉิ่มชาวเอเชียมันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นยอดเขาหิมาลัยเสียอีก รัสเซลได้แต่แอบคิดอย่างติดตลก นายของเขาคงแค่หลงผิดไปชั่วขณะ และตอนนี้ก็คงคิดที่จะกลับลำแล้วล่ะมั้ง ถึงได้หายต๋อมไปอย่างไร้ร่องรอยเยี่ยงนี้
เที่ยงครึ่งมาร์โคก็ปรากฏกายที่บริษัท พร้อมกับสาวสวยนามว่าโมนิก้า จอจีนี่ย์ นางงามของรัสเซียคนล่าสุด ซึ่งเขาบังเอิญไปเจอที่ผับหรูเมื่อสองวันก่อน ทั้งสองมองตากันไม่นานก็รู้ใจ พูดคุยกันได้ไม่กี่คำหนุ่มสาวทั้งคู่ก็มาสานสัมพันธ์ต่อ ณ โรงแรมที่ใกล้ผับที่สุด เพราะทนความต้องการทางร่างกายไม่ไหว
ในค่ำคืนที่ผ่านมาเขาก็ยังขลุกอยู่กับหล่อน ไม่ได้ไปไหนไกลจากเตียง เพราะหล่อนช่างร้อนแรงถึงใจเขาเสียนี่กระไร แต่มาร์โคไม่ได้คิดจริงจังกับสาวสวยนางนี้แน่นอน หล่อนมันก็แค่ของเล่นฆ่าเวลาระหว่างที่รอคอยแม่หนูน้อยเบบี๋ของเขาเท่านั้น ช่วยไม่ได้ก็คนมันหล่อเลือกได้ ระหว่างรอว่าที่เมียวัยละอ่อนมาซบอกนายมาร์โคคนนี้ก็ขอบริหารเสน่ห์ไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน คนหลงตัวเองได้แต่คิดอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ โดยหารู้ไม่ว่าสาวน้อยที่ตนเฝ้าคนึงหาและรอคอย จะมาเยือนถึงถิ่นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
เมื่อก้าวขาออกจากลิฟต์ตัวใหญ่ได้ มาร์โคก็รีบโอบร่างของโมนิก้าเข้าห้องทำงานด้วยความใจร้อน เพราะร่างกายเริ่มจะทนกับความต้องการไม่ไหวอีกแล้ว จะให้เขาทนได้ยังไงไหว ก็ระหว่างอยู่ในลิฟต์ผู้บริหารเพียงลำพังนั้นแม่คุณเล่นเอื้อมมือซุกซนมาลูบไล้แถวต้นขาเพรียวภายใต้กางเกงสแล็กราคาแพง เมื่อโดนแม่สาวไฟแรงสูงปลุกกำหนัดเชิญชวนอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้ พ่อหนุ่มเลือดร้อนอย่างเขาก็แทบลุกเป็นไฟน่ะสิ
พอเข้ามาในห้องได้ก็ปิดประตูดังปัง แล้วรีบกระชากร่างอวบอิ่มเข้ามาตะโบมจูบด้วยความหิวกระหาย ทว่าหล่อนกลับทำเป็นจริต ประวิงเวลาโดยการยกมือเรียวดันแผงอกแกร่งไว้พอเป็นพิธี
“ฮื้อ…อย่าสิคะมาร์ค นี่ที่ทำงานนะคะ” เสียงกระเส่าเอ่ยห้ามแผ่วเบา ปากบอกว่าอย่า แต่ตากลับมองเขาหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยอาการเชิญชวนอย่างเปิดเผย สาวเจ้าทำเป็นปรามไว้เพื่อให้บทรักดูน่าลิ้มลองมากไปกว่าเดิม ยืดเวลาออกไปให้เขาบังเกิดความต้องการในเรือนร่างและบทพิศวาสของตนมากขึ้นเป็นเท่าทวี
“ผมหยุดไม่ได้แล้วโมเน่ ใครบอกให้คุณยั่วผมล่ะ คุณต้องรับผิดชอบแล้วล่ะที่รัก” พ่อหนุ่มพลังม้าเอ่ยเสียงแหบพร่า หอบหายใจฟืดฟาดด้วยความต้องการที่แล่นพล่านไปทั้งร่างเมื่อโดนปลุกด้วยไฟพิศวาส จนแทบอยากจะจับกดเจ้าของร่างเซ็กซี่ขยี้ใจตั้งแต่อยู่ในลิฟต์
มาร์โคร้อนแรงแค่ไหนทำไมโมนิก้าจะไม่รู้ เพราะอย่างนี้ไงล่ะหล่อนถึงได้แกล้งไม่ให้ความร่วมมือง่ายๆ เพื่อให้อารมณ์เขาโหมกระพือยิ่งขึ้น เพราะนั่นหมายถึงบทรักอันถึงพริกถึงขิงจะต้องตามมาในไม่ช้าอย่างแน่นอน
“งั้น…ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความช่างอ้อนของคุณเมื่อคืนหรอกนะ” นางงามสาวทำเป็นไตร่ตรองก่อนที่จะตอบตกลง ทั้งที่จริงแล้วหากไม่ติดว่ากลัวใครจะมาเห็น และทำให้เสียภาพพจน์นางงามผู้มีจิตใจงามและรักเด็ก หล่อนคงจะกระโจนเข้าใส่เขาตั้งแต่อยู่ในลิฟต์นั้นแล้ว ผู้ชายอะไรหล่อเหลือร้าย และที่สำคัญเครื่องแรงได้ใจหล่อนเหลือเกิน ตั้งแต่เป็นสาวเป็นนางมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นนี่แหละ
“งั้นจะช้าอยู่ไย สำแดงฝีมือให้ผมดูหน่อยยาหยี” พ่อหนุ่มคลั่งรักเลิกคิ้วหนาเหนือดวงตาร้อนแรงท้าทายแม่สาวเซ็กซี่ เพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายปลดปล่อยสิ่งที่หล่อนมีดีออกมาโชว์ให้หมด ดูซิว่าจะแน่ซักแค่ไหน ถึงได้กล้ายั่วเขาไม่เลิกแบบนี้ งานการไม่ต้องทำกันพอดี
จากนั้นโมนิก้าก็เต้นยักย้ายส่ายสะโพกอวบอั๋นยั่วยวนเขา ริมฝีปากสีแดงสดเผยอแย้มด้วยท่าทางเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง พร้อมใช้มือลูบไล้ตามเรือนร่างเย้ายวนด้วยท่าทางเร้าใจปนเซ็กซี่ เล่นเอามาร์โคหายใจติดขัด มองร่างสะโอดสะองตาไม่กะพริบ เลือดในกายหนุ่มร้อนฉ่าราวกับมีไฟสุม แก่นกายในเป้ากางเกงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง มันทั้งคึกแข็งและพร้อมรบเต็มอัตรา เพียงแค่เห็นอีกฝ่ายร่ายมนตร์ยั่วสวาทอย่างชำนาญการ ไม่ว่าหล่อนจะกรีดกรายด้วยท่วงท่าใดมันก็ดูเหมือนจะปลุกไฟกำหนัดในตัวเขาไปซะหมด
“มาสิคะ มาร์คขา…” โมนิก้าเชิญชวนให้ร่างใหญ่เข้าไปหา พร้อมทั้งกระดิกนิ้วเรียกด้วยท่าทางยั่วยวนป่วนอารมณ์ ไม่ต้องให้หล่อนเรียกซ้ำเขาก็เดินไปหาสาวเจ้าราวถูกร่ายมนตราพิศวาส
จากนั้นชายหนุ่มก็ฉกริมฝีปากหยักลงไปบดขยี้กลีบปากอิ่มสีแดงสดที่เผยอรอท่าอยู่แล้ว จูบร้อนแรงด้วยความหิวกระหายจัด ปลายลิ้นของทั้งคู่ไล่เกี่ยวกระหวัดไม่ลดละ เมื่อทนไม่ไหวมาร์โคก็อุ้มร่างเย้ายวนมานั่งคร่อมบนตักกว้างตรงโซฟาตัวใหญ่ ขณะที่ลิ้นสากระคายยังไม่ยอมถอยออกมาจากปากหวานล้ำ จากนั้นมือหนาก็ขยำสะโพกดินระเบิดหนักๆ แล้วไล่ขึ้นมายังเต้าทรวงอวบสล้าง ประคองกอบกุมและฟอนเฟ้นเคล้นคลึงหนักหน่วงผ่านชุดเดรสสั้นสีโอลด์โรสอย่างไร้ซึ่งความปรานี แต่นั่นแหละโคตรสาแก่ใจผู้ถูกกระทำเลย โมนิก้ากรีดร้องและดิ้นพล่านกับการทรมานแสนซ่านทรวง ก่อนที่พ่อหนุ่มนักรักจะดึงชุดเดรสตัวสวยทว่าดูเกะกะออกจากกายสาว ตามด้วยการปลดบราเซียร์ลูกไม้สีดำไร้สาย จับจ้องอกอวบใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย ทันใดนั้นลิ้นมากพิษสงก็ตวัดออกมาเลียรอบริมฝีปากหยัก เพราะรู้สึกว่ามันแห้งผากด้วยความหิวกระหายเสียเหลือเกิน…
เวลาบ่ายโมงตรงบุปผชาติก็มาถึงบริษัทดิมิเทียส เอ็กซ์พอร์ต กรุ๊ป สาวน้อยเข้าแจ้งความจำนงกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ทันทีว่าเธอมาพบท่านประธาน สิบนาทีต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พาเธอขึ้นมายังห้องของประธานบริษัท
พอมาถึงหน้าห้องทำงานใหญ่ กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของใครซักคนอยู่ในบริเวณนั้น แสดงว่าเลขาของเขาคงไม่อยู่ เธอจึงตัดสินใจเคาะประตูเพื่อขออนุญาต เคาะไปสามครั้งข้างในก็เงียบกริบไร้ซึ่งการตอบรับ ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา สาวเฉิ่มจึงได้แต่หงุดหงิดที่มาร์โคเป็นคนอยากให้เธอมาทำงานให้ แต่เมื่อถึงวันที่เธอมาทำไมเขาถึงไม่ใส่ใจ หรือเพราะคิดว่าตัวเองเป็นลูกค้าคนสำคัญจึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้
เมื่อทนไม่ไหวบุปผชาติก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปภายใน ถึงจะรู้สึกไม่พอใจแต่เธอก็ยังมีสามัญสำนึกของคำว่าผู้ดีอยู่เต็มเปี่ยม จึงไม่ทำอะไรโผงผางให้เป็นการเสียมารยาท
พอหญิงสาวเดินมาถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลับไร้เงาของเจ้าของห้อง ‘เอ๊ะ…หรือว่าเขาจะไม่อยู่จริงๆ เพราะหน้าห้องก็ไม่มีเลขานั่งประจำอย่างที่ควรจะเป็นนี่นา’ บุปผชาติได้แต่เอะใจและคิดว่าเขาอาจจะลืมนัดเธอก็เป็นได้ ไม่เป็นไรผิดพลาดครั้งแรกเธอจะให้อภัย และถือโอกาสนี้กลับไปตั้งหลักมาใหม่ก็แล้วกัน
เจ้าของร่างอรชรกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากห้องตรงมุมสุดของห้องทำงานใหญ่ที่เปิดประตูแง้มไว้ และคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในนั้น
“อ๊า…อ๊ะ!” ทั้งที่สิ่งที่หูทั้งสองข้างได้ยินมันคือเสียงร้องครวญครางแห่งความสุขสม ทว่าแม่สาวไร้เดียงสากลับไม่รู้ในความหมายของน้ำเสียงนั้น แถมยังนึกว่าเขาเป็นอะไร และเพราะความไม่ประสากับเรื่องพรรค์นี้ บุปผชาติจึงเดินเข้าไปภายในห้องนั้นโดยไม่ลังเล
แล้วทันใดนั้น…เธอก็ต้องนิ่งงันกับภาพที่ได้เห็นเต็มสองลูกตา ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงกว้าง ร่างของคนทั้งคู่แทบจะไม่มีอาภรณ์ปกปิดกายเลยซักชิ้น ใบหน้าของฝ่ายหญิงที่นั่งระทดระทวยอยู่บนเตียงบิดเบ้ราวกับทรมานอย่างแสนสาหัส เสียงครางกระเส่าดังเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอวบอิ่มไม่ขาดระยะ
“กรี๊ด!!!” โมนิก้าหวีดร้องสุดเสียงด้วยความตกอกตกใจ พอมาร์โคได้ยินเสียงร้องของนางงามสาวก็รู้ได้ทันทีว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะความหฤหรรษ์เสียแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงผงกหัวขึ้นจากหว่างขาเนียนนุ่มของหล่อน แล้วรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมกายให้อีกฝ่ายทันควัน