‘ช่างเก็บอารมณ์ได้เก่งจริงๆ เลยแม่คุณเอ๋ย แต่ไม่เป็นไร ทนได้ทนไป เขาจะยั่วโมโหจนเธอต้องแว้ดใส่ให้ได้เลยคอยดู’ มาร์โคแอบหมายมาดด้วยความสนุกสนานอยู่ในใจ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาถึงได้อยากแกล้งยั่วอารมณ์สาวเฉิ่มคนนี้นักหนา ทั้งที่ผู้ชายเพียบพร้อมและสูงส่งอย่างเขา ไม่มีความจำเป็นต้องลดตัวลงมาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ให้เสียเวลาอันมีค่าเลยสักนิด แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ และการได้เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และสีหน้าของเธอกลับทำให้เขามีความสุขได้อย่างพิลึก
“นี่มิสเตอร์ดิมิเทียส คุณฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าคะ กรุณาคุยงานของคุณมาสักที ฉันบอกแล้วไงว่าฉันรีบ” เมื่อบุปผชาติเห็นว่ามาร์โคยังคงนิ่งเฉย ไม่มีทีท่ากระตือรือร้นกับคำพูดที่ตนเพียรพยายาม เธอก็จำเป็นต้องกลั้นใจเอ่ยย้ำในเจตนารมณ์ของตนอีกครั้งด้วยความเบื่อหน่าย
“เรียกพี่มาร์คสิครับเบบี๋ ดูสนิทสนมกันดี ผมชอบและหวังว่าคุณจะเรียก” ท่านประธานหนุ่มยังไม่ยอมพูดคุยเรื่องงานง่ายๆ แถมหันมาออกคำสั่งให้บุปผชาติเรียกตัวเองด้วยคำที่ฟังดูทะแม่งหูเธอยิ่งนัก
“งั้นคุณคงไม่สมหวัง เพราะฉันจะไม่มีวันเรียก เข้าใจไว้ซะด้วยนะคะมิสเตอร์ดิมิเทียส” สาวน้อยลอยหน้าแสดงความดื้อดึงและหัวแข็งออกมา ครั้นได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตนชายหนุ่มก็นิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ
“แต่คุณต้องเรียก เพราะนี่คือคำสั่ง” คนบ้าอำนาจออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด นัยน์ตาคมกล้าจ้องใบหน้านวลเนียนที่ถูกบดบังความงามด้วยแว่นอันใหญ่ไม่ลดละ
“ฉันไม่เรียก และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันด้วยค่ะมิสเตอร์” เรื่องอะไรเธอจะยอมลงให้เขาง่ายๆ ถึงเขาจะเป็นนายจ้างชั่วคราว แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบงการให้เธอทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่เขาบัญชา หากไม่ใช่เรื่องงานด้วยแล้วบุปผชาติไม่มีทางปฏิบัติตามอย่างเด็ดขาด
“เฮอะ…แก่ขนาดนี้ยังจะมาให้เราเรียกพี่อีก เรียกลุงยังจะดูเหมาะซะกว่า ตาโคเเก่เอ๊ย!” หลังจากปฏิเสธเสียงแข็งสาวน้อยก็แอบต่อว่าเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ไอ้คนที่ริอ่านจะให้เธอเรียกพี่
“ห๊ะ! คุณว่าอะไรนะแก้ม” เขาแอบกลั้นขำที่เห็นเธอบ่นอุบอิบต่อว่าตน ก่อนจะแสร้งตีหน้ายักษ์และเอ่ยถามเสียงดังลั่น เล่นเอาคนที่กำลังทำปากขมุบขมิบถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“หยุดนะ! อย่ามาเรียกชื่อเล่นฉัน ชื่อนี้ฉันอนุญาตให้เฉพาะคนสนิทเรียกได้เท่านั้น” พอหญิงสาวได้ยินเขาเรียกชื่อเล่นของตน เพื่อแสดงถึงความสนิทสนมโดยที่เธอไม่เต็มใจและต้องการ ก็ทำตาเขียวปั้ดด้วยความไม่ชอบใจ ที่อีกฝ่ายถือวิสาสะมาตีสนิทกับเธอด้วยวิธีนี้
“แล้วแค่ไหนถึงจะถือว่าสนิทกัน แค่นี้พอไหมจ๊ะเบบี๋” พ่อเจ้าประคุณลอยหน้าถามด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท พร้อมทั้งขยับเรือนกายทรงพลังเข้าหาร่างแน่งน้อยทีละนิด จนกายของทั้งคู่แนบชิดสนิทกัน อากาศแทบไม่สามารถลอดผ่านไปได้ เท่านั้นไม่พอพ่อคนมือไวยังเล่นทีเผลอ วาดแขนไปโอบกอดร่างนุ่มนิ่มเข้าแนบอกกำยำ
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ ย้ายมือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้คนบ้า! ไอ้คนฉวยโอกาส!” บุปผชาติยกมือบางทั้งสองข้างดันแผ่นอกแกร่งให้ออกห่าง พร้อมทั้งสั่งเสียงเข้มเจือดุดัน เพื่อให้เขาเลิกทำรุ่มร่ามกับตนเสียที ก่อนที่เธอจะทนไม่ไหวและเกิดตบะแตกขึ้นมาจริงๆ
“โว้ๆๆ…เจ้าหญิงน้ำแข็ง ‘ของผม’ กำลังจะละลายซะแล้ว” เมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์มาร์โคก็อุทานด้วยความชอบใจที่ทำให้คนตัวเล็กอารมณ์เสียและสติแตก จนเผลอปลดปล่อยท่าทางเอาเรื่องออกมา
“บอกให้ถอยออกไปไงเล่า ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง” สาวเจ้ากัดฟันส่งเสียงแข็งกระด้างให้เขาเลิกเกาะแกะกับร่างกายของตน เสียงแข็งก็จริง แต่ร่างกายกลับสั่นระริก ด้วยความตื่นกลัวกับสัมผัสของผู้ชาย ซึ่งเธอไม่เคยได้พานพบมาก่อนในชีวิตสาว มันเหมือนมีรังสีความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งสรรพางค์ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ และรู้สึกว่าเลือดจะถูกส่งไปเลี้ยงที่บริเวณใบหน้ามากกว่าปกติ
“เข้าใจจ้ะเบบี๋ แต่ไม่ทำ เพราะตรงนี้หอมดี” มาร์โคฉีกยิ้มกว้างรับคำสั่ง แต่หาได้เคลื่อนตัวถอยห่างตามที่เธอต้องการไม่ ซ้ำร้ายยังขยับเข้าแนบชิดกายน้อย เพื่อเป็นการการันตีความหอมจนเธอต้องผงะกับความช่างรุกและดื้อด้านของเขา แต่ก็ขยับหนีห่างจากกายกำยำไม่ได้มากนัก เพราะยังถูกอีกฝ่ายพันธนาการด้วยวงแขนแข็งราวปลอกเหล็ก
“คุณไม่ไป งั้นฉันไปเอง” บุปผชาติพยายามขืนกายให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของพ่อตัวโตจนสำเร็จ แต่ก็เพราะเขาจงใจปล่อยหรอกนะ มาร์โคไม่อยากจะแกล้งให้เธอสติแตกมากไปกว่านี้ แกล้งวันละนิดจิตแจ่มใส แค่เห็นยัยเฉิ่มของขึ้นได้ขนาดนี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“ขอกอด ขอจับ หน่อยไม่ได้หรือไงคนสวย” พ่อคนหน้ามึนยอมปล่อยทว่าไม่ยอมล่าถอยง่ายๆ ยังคงตามไปตอแยด้วยคำพูดยียวนและท่าทางแสนเอาแต่ใจ เอ่ยขอในสิ่งที่ผู้ฟังแทบจะกรี๊ดให้ลั่นกับความหน้าด้านหน้าทนของเขา พูดมาได้ไม่อายปากและไม่ให้เกียรติเธอที่เพิ่งพบกันอย่างเป็นทางการเลยสักนิด เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้ว่าจ้างแล้วจะพูดและทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ
“ไม่ได้!” เสียงเข้มปฏิเสธทันควัน หญิงสาวเริ่มเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายเสียเต็มประดา จนแล้วจนรอดพ่อเจ้าประคุณก็ยังไม่ยอมวกเข้าเรื่องงานสักที ให้ตายสิ! วันนี้เธอจะไม่มาเสียเที่ยวหรืออย่างไรกัน บุปผชาติได้แต่แอบเข่นเขี้ยวในใจด้วยความระอา
“แต่ผมยังอยากได้ไออุ่นจากคุณอยู่นี่นา” ยิ่งพูดยิ่งชักจะนิสัยเหมือนเด็กเอาแต่ใจเข้าไปทุกที จนสาวน้อยถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“งั้นฉันขอยกเลิกงานนี้ก็แล้วกันค่ะมิสเตอร์ดิมิเทียส” เจ้าของน้ำเสียงเรียบเย็นไม่ขอทนอีกต่อไป หากเธอทนทำงานอยู่กับคนแบบนี้ ไม่วันไหนก็วันหนึ่งเธอจะต้องเผลอลงไม้ลงมือ และทำร้ายร่างกายนายจ้างกวนประสาทอย่างเขาเป็นแน่ เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันข้อหาทำร้ายร่างกายบุปผชาติจึงขอถอนตัวดีกว่า
“บอกว่าให้เรียกพี่มาร์คยังไงล่ะที่รัก” แทนที่จะรับฟังคำพูดที่ดูใส่อารมณ์ว่าไม่อยากจะร่วมงานกับตน และท่าทางที่ไม่อยากแม้แต่จะเสวนาของบุปผชาติ เขากลับตีหน้าซื่อทำราวกับว่าไม่ได้รับฟังที่เธอพูดเลยสักนิด แถมยังเอ่ยย้ำให้สาวเจ้าเรียกตนว่าพี่ได้อย่างหน้าตาเฉย
กิริยาของท่านประธานหนุ่มทำให้บุปผชาติแทบอยากจะยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆ ด้วยความอัดอั้นตันใจ และโมโหที่เขาทำให้ขีดความอดทนของตนลดระดับลงอย่างน่าใจหาย จนเธอแทบจะกรี๊ดใส่หน้าอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ
“ทำไมฉันต้องเรียกด้วย ในเมื่อคุณไม่ใช่พี่ชายฉันสักหน่อย” บุปผชาติไม่รับปาก และไม่คิดจะทำตามคำสั่งของคนที่คิดอยากจะมาเป็นพี่ชายนอกไส้ของตน เพราะเธอไม่ต้องการใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากไปกว่าคู่ค้าหรือผู้ร่วมงานเท่านั้น
“แล้วใครบอกว่าผมอยากเป็นพี่ชายของคุณล่ะยาหยี ผมอยากเป็นอย่างอื่นที่มันลึกซึ้งมากกว่านั้นต่างหาก” คนที่ได้ฟังคำปฏิเสธไม่สะทกสะท้านใดๆ เพราะสิ่งที่เขาอยากจะได้และมีความสัมพันธ์กับเธอมันไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่มันคือตำแหน่งสามีต่างหากล่ะ แต่เอาไว้ให้ถึงเวลาก่อนเขาถึงจะบอกกับเธอด้วยตัวของเขาเอง
“อยากเป็นพ่อฉันว่างั้นเถอะ แต่เสียใจนะฉันมีพ่อคนเดียว” บุปผชาติพาซื่อ ดันคิดเฉยเลยว่าเขาอยากจะมาเป็นพ่อของตนอีกคน ก็ตำแหน่งที่มันสำคัญในชีวิตเธอก็มีเพียงพ่อบังเกิดเกล้าเท่านั้นนี่นา
“พ่อเฉยๆ ไม่เอามันไม่เร้าใจ เป็นพ่อทูนหัวดีกว่าเบบี๋ เร้าใจกว่ากันเยอะ” คนตัวใหญ่ย้อนกลับเสียงทุ้ม พร้อมก้มลงสบสานกับดวงตากลมโตที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ สื่อความนัยให้ได้รู้ว่าเขาอยากจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ได้แค่ล้อเล่นให้สนุกแต่ประการใด
“อี๋…พ่อทูนหัว ช่างกล้าคิดเนอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก” บุปผชาติทำหน้าขยาดปนสยดสยอง และส่ายหน้าปฏิเสธจนผมกระจาย
ท่าทางของสาวเจ้าพลอยทำให้คนที่เฝ้าตอแยตะล่อมหน้าตะล่อมหลัง ถึงกับคลี่ยิ้มอย่างขบขันกับความไร้เดียงสาของเธอ คิดยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ยิ่งมองยิ่งเห็นความเป็นเด็กที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวของยัยเฉิ่ม แต่จะว่าไปแล้วเธอก็เด็กจริงๆ นั่นแหละ เพราะเขาแก่กว่าเธอตั้งเกือบรอบ แต่ความแก่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนอยากรักและอยากกินเด็กหรอก เพราะคนแก่คนนี้ยังมีไฟอยู่
“ไม่ใช่แค่กล้าคิดนะจ๊ะ แต่จะทำให้เป็นอย่างที่พูดจริงๆ ด้วย” เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างกระซิบริมหูบอบบางน้ำเสียงหนักแน่น ย้ำชัดด้วยความมั่นอกมั่นใจ จนเธอรู้สึกตื่นกลัว เหงื่อซึมออกมาตามไรผมอย่างห้ามไม่ได้
“เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ฉันเสียเวลามามากแล้ว ตกลงคุณอยากได้รถแบบไหน บอกสเปกมาฉันจะได้ออกแบบแล้วเอามาให้คุณเลือกได้ถูก” ยิ่งพูดเขายิ่งพาออกทะเลไปไกล และถ้ายังเป็นแบบนี้วันนี้ก็คงไม่ได้คุยงานกันพอดี คิดได้ดังนั้นบุปผชาติจึงรีบดึงอีกฝ่ายกลับเข้าประเด็นทันที
“สเปกผมก็แบบคุณนี่แหละ เฉิ่มๆ เชยๆ เด็กเรียน แบบนี้แหละใช่เลย ผมชอบ ผิวขาวๆ ปากอิ่มๆ ตัวหอมๆ น่าหม่ำที่สุด” ท่านประธานหนุ่มสุดหล่อพูดพลางขยับเข้าใกล้สูดกลิ่นนวลนาง จนคนตัวเล็กรู้สึกหวาดผวา และขนลุกขนชันกับลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารินรดผิวกายบอบบาง
“โรคจิต! ฉันหมายถึงสเปกรถ ไม่ใช่สเปกผู้หญิงของคุณ” เจ้าของใบหน้าบึ้งตึงแหวเสียงแข็งที่เขายังพูดเล่นอยู่ได้ ทั้งที่คุยเรื่องงานยังกล้าวกเข้าเรื่องไร้สาระได้อีก นี่เขาจะไม่หยุดกวนโมโหเธอหรืออย่างไรกัน
“ผมแล้วแต่คุณก็แล้วกัน คุณมองลักษณะผมแล้วเป็นแบบไหน ก็เอาแบบนั้นแหละยาหยี คุณว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น” เขายังไงก็ได้เพราะจุดประสงค์ของงานในครั้งนี้คือตัวเธอ ไม่ใช่รถที่เขามีเป็นหลายสิบคัน อันนั้นมันก็แค่ข้ออ้างเอาไว้บังหน้า