ธีรเดชเอ่ยออกมาอย่างค่อนข้างมั่นใจ เพราะในกลุ่มเขาคือคนที่สนิทและรู้ใจพงษ์สวัสดิ์มากที่สุด ด้วยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต แถมบ้านของทั้งคู่ยังสนิทสนมกันมาก เพราะนอกจากจะเป็นญาติห่างๆ ในทางฝั่งพ่อ สองครอบครัวยังร่วมหุ้นทำธุรกิจร่วมกัน
จากนั้นทั้งสามหนุ่มก็รีบตามไปดูว่าไอ้คนเก็บอารมณ์เก่งอย่างพงษ์สวัสดิ์จะเข้าหาคิริมาแบบไหน จะพาสาวเจ้าไปห้องพยาบาลได้หรือไม่ แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเดินไปถึงโถงที่จะเชื่อมขึ้นสู่อาคารก็เห็นพงษ์สวัสดิ์เดินกลับมา พอสอบถามก็ได้ความว่าคิริมาไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เพราะเธอเข้าห้องเรียนไปแล้ว
วันถัดมาแก๊งของพวกเขาก็ทำให้โรงอาหารแทบแตก เพราะหนุ่มป็อปทั้งสี่ของโรงเรียนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง และไม่ชอบสุงสิงกับใคร เดินมาปรากฏตัวยังโรงอาหารในเวลาพักเที่ยง ทั้งที่ปกติหากจะทานข้าวกลางวันพวกเขาจะใช้ให้รุ่นน้องที่เป็นเบ๊ไปซื้อข้าวและน้ำขึ้นไปส่งที่ดาดฟ้า เป็นที่รู้กันว่าสถานที่ต้องห้ามอย่างดาดฟ้าของโรงเรียนคือที่สิงสถิตของสี่หนุ่มสุดหล่อ สถานที่ส่วนตัวของพวกเขาที่ใครหน้าไหนก็เข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาต หรือแม้แต่อาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ขึ้นม.ปลาย แก๊งของสี่หนุ่มก็กลายเป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียน นอกจากสาวๆ จะพากันคลั่งไคล้ทั้งโรงเรียนแล้ว พวกเด็กนักเรียนชายก็ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วย เพราะแต่ละคนมือหนักเท้าหนักกันทั้งนั้น และที่สำคัญคือทั้งสี่หนุ่มต่างเป็นทายาทอภิมหาเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของประเทศ
พงษ์สวัสดิ์ วรางกูร ชื่อฟังดูไม่ทันสมัย หรือจะเรียกว่าเชยก็ได้ แต่ชื่อของเขาก็ฟังดูน่าเกรงขามและมีอำนาจพอกัน ด้วยรูปลักษณ์ที่โคตรแนว เท่ และหล่อบาดใจ ทำให้ทุกคนมองข้ามชื่อของเขาไปเสียสนิท และยิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นทายาทเจ้าพ่ออ่าง นักธุรกิจชื่อดังรวยล้นฟ้า สาวๆ ก็ยิ่งเข้าหา ด้วยมาดนิ่งๆ แต่แฝงลุคแบดๆ ทำให้ผู้หญิงต่างอยากเข้าใกล้เพราะดึงดูดใจให้น่าค้นหา ทว่าพงษ์สวัสดิ์กลับเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชาจึงคบกับใครได้ไม่นาน เหมือนจะเป็นคนนิ่งๆ คูลๆ และมองดูว่าใจเย็น แต่หากใครได้มากระตุ้นต่อมน้ำโหแล้วล่ะก็จะรู้ซึ้งว่าเขามันฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ
หม่อมหลวงธีรเดช เผ่าวาณิษ คุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งวังศิลา ที่เพียบพร้อมไปด้วยรูป ทรัพย์ และฐานันดร เรียกได้ว่าหล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความสุภาพอ่อนโยน ซึ่งสาวๆ ต่างพากันอยากจะควงให้เป็นบุญสักครั้ง แต่ผู้หญิงกลับไม่ค่อยกล้าเข้าหา เพราะเขาแสนจะไว้ตัว และไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง หากไม่สนิทกันจริงๆ ก็จะเข้าไม่ถึงตัวตนของเขา เวลาเกิดเรื่องเขาจะเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม
เผ่า ประภาศิริสกุล หนุ่มหล่อคม ปากหมา ขวานผ่าซาก ทายาทธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ ด้วยความที่มีความบ้าดีเดือดในตัวอย่างล้นหลาม ฉะนั้นเวลามีเรื่องเขาจึงเป็นคนที่ออกโรงปะทะตลอด ส่วนเรื่องสาวๆ นั้นเผ่ามักจะเป็นคนช่างเลือก และขี้เบื่อง่ายเป็นที่สุด
คิมหันต์ พัฒนกิจ หนุ่มหล่อตี๋ เจ้าคารม และช่างกวน ทายาทธุรกิจนำเข้าน้ำเมา พ่วงด้วยธุรกิจสถานบันเทิงระดับไฮเอนด์ที่คับคั่งไปด้วยดาราและเซเลบมาใช้บริการ เวลาเกิดเรื่องเขาจะเข้ากับเผ่าเป็นปี่เป็นขลุ่ย ปากหวานจนสาวๆ ติดใจคารมกันเป็นแถว แต่ไม่เคยคบใครจริงจังได้สักที
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก บวกอำนาจและบารมีของตระกูล รวมถึงความเฉียบขาดบ้าเลือดเมื่อทั้งสี่หนุ่มมารวมกัน ฉะนั้นไม่ว่าจะเยื้องย่างไปทางไหนเด็กนักเรียนชายทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างเปิดทางให้ ส่วนเด็กนักเรียนหญิงก็จะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความคลั่งไคล้ บ้างก็วิ่งเอาขนม ลูกอม ช็อกโกแลต หรือไม่ก็ดอกไม้มาให้ เหมือนกับที่เด็กนักเรียน ม.3 คนหนึ่งกำลังทำอยู่ และวันนี้คนที่ฮอตสุดในกลุ่มก็เจอก่อนใครเพื่อน
“พี่ป๋าคะ กรุณารับไว้ด้วยค่ะ น้องลูกปัดทำเองกับมือเลยนะคะ”
สาวน้อยหน้าแบ๊วยื่นกล่องรูปหัวใจน่ารักมาให้ พร้อมก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน คนที่ใครต่อใครต่างเรียกว่าป๋าแทนชื่อเพราะเมื่อปีที่แล้วเขาควักเงินตัวเองบริจาคช่วยเหลือนักเรียนพิการจนเป็นข่าวโด่งดัง ทำเพียงมองกล่องรูปหัวใจสีชมพูหวานแหววตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“อายุเท่าไหร่แล้วเธอน่ะ”
“คะ?” เจ้าของร่างแน่งน้อยน่ารักราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบทวนคำอย่างงงๆ พลางเงยขึ้นมองหน้าหล่อกระชากใจของคนที่ยืนล้วงกระเป๋าจ้องเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฉันถามว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ถึงแทนตัวเองว่าน้องอยู่ได้ แก่ไปไม่อายหรือไง หรือจะต้องเรียกแทนตัวเองว่าน้องไปจนแก่หนังยาน” พงษ์สวัสดิ์ตอกหน้าอย่างฉะฉาน วาจาที่หลุดออกมาจากปากหนุ่มป็อปทำให้สาวน้อยถึงกับทำหน้าเหวอ ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไปด้วยความอับอายเหลือแสน
“น่ารำคาญชิบหาย” หนุ่มฮอตบ่นเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตาดุกระด้างมองสาวๆ ที่พากันยืนถือของที่จะนำมาให้เขา ทำเอาเด็กนักเรียนหญิงที่กำลังละล้าละลังว่าจะเข้าหาเขาดีไหมถึงกับถอดใจ สุดท้ายก็พากันแจ้นหนีไป
“รำคาญแล้วลงมาที่นี่ทำไมวะ” เผ่าเอ่ยรวนหน้าตาย ซึ่งเป็นอะไรที่คิมหันต์เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคุณชายธีรเดชก็ทำเพียงคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา
“นั่นดิ”
“มาโรงอาหารก็ต้องมากินข้าวสิวะ” พงษ์สวัสดิ์เอ่ยด้วยมาดนิ่งๆ เก็บความรู้สึกเก่งจนน่าหมั่นไส้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เพื่อนซี้ทั้งสามต่างอยากจะยั่วแหย่ให้เขาหลุดฟอร์ม
“เหรอ…ไอ้กูก็นึกว่ามึงมาเหล่สาวเสียอีก” เผ่าแสร้งลากเสียงยาวเกินพอดี แล้วเลิกคิ้วเอ่ยถามด้วยท่าทางใสซื่อ ทว่าแววตาคมกล้าคู่นั้นกลับเต้นระริก
“ถ้ากูจะมาเหล่สาว กูจะไล่ยัยพวกนั้นไปทำเพื่อ”
“ก็สาวที่มึงจะเหล่ไม่ใช่ยัยพวกนั้นยังไงล่ะ” คราวนี้ธีรเดชสวนกลับเสียงกลั้วหัวเราะอย่างรู้ทัน ทำเอาคนถูกไล่ต้อนถลึงตาใส่ ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ซัดกันด้วยวาจาแสบสันเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเสียก่อน ไม่นานก็ปรากฏว่าพิริยาเดินเชิดหน้าตรงมาหาทั้งสี่หนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“ป๋า…พิมมี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ” เขาหักหน้าสาวสวยที่ขึ้นชื่อว่าป็อปที่สุดในโรงเรียน ก่อนจะก้าวเลยผ่านอีกฝ่ายไปแบบไม่ชายตาแลประหนึ่งเป็นอากาศธาตุ แต่พิริยาก็ยังไม่วายก้าวยาวๆ มาดักหน้าเอาไว้ เขาทำให้เธอเสียหน้าคนทั้งโรงอาหารแล้วเรื่องอะไรเธอจะยอมให้เขาจากไปง่ายๆ
“คุยกับพิมมี่ก่อนสิ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ รวมทั้งเธอ เธอ และเธอด้วย”
หลังจากแค่นยิ้มเล็กน้อย พงษ์สวัสดิ์ก็เค้นเสียงดุกระด้างทว่าเฉียบขาดเป็นเชิงไล่ตะเพิดทั้งพิริยา และอีกสามสาวที่วิ่งถือของเพื่อจะนำมาให้เขา การกระทำที่ดูไม่แยแสแถมยังเย็นชาไร้ความรู้สึกทำให้พิริยากำหมัดแน่น แล้วสะบัดหน้าเดินจากไปด้วยท่าทางคับข้องใจเหลือแสน ใจจริงเธออยากจะกรีดร้องออกมาเสียด้วยซ้ำแต่ก็ต้องเตือนตัวเองให้ระงับอารมณ์เอาไว้ ส่วนสาวๆ ที่เหลือก็ต่างแจ้นหนีไปคนละทิศละทาง
เมื่อไร้เงาผู้หญิงสมองฝ่อน่ารำคาญพวกนั้น พงษ์สวัสดิ์ก็เดินล้วงกระเป๋าก้าวไปข้างหน้า โดยมีสามหนุ่มเพื่อนซี้เดินตามมาติดๆ ทุกคนดูเท่และมีออร่าจนสาวๆ ในโรงอาหารพากันจ้องตาไม่กะพริบ หากแต่พวกเขาต่างไม่ชายตาแลใครเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะสวยขนาดไหนก็ยากที่จะเข้าถึงทั้งสี่หนุ่ม
ทันใดนั้นเสียงที่โพล่งขึ้นตรงโต๊ะที่เขากำลังจะเดินไปถึงก็ทำให้พงษ์สวัสดิ์ถึงกับหยุดชะงัก เช่นเดียวกับสามหนุ่มที่เหลือเมื่อเห็นหัวหน้าแก๊งหยุดฝีเท้าลงพวกเขาก็หยุดยืนนิ่ง
“เมื่อวานฉันได้ยินว่าแม่นักเรียนใหม่เจ๋อขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยแหละ”
“แล้วเป็นไง โดนพวกพี่ป๋าพงษ์ไล่ตะเพิดเลยสิท่า”
“แหงล่ะ ฉันเห็นกับตาว่ายัยนั่นวิ่งร้องไห้ออกมา”
“สมน้ำหน้า อยากไม่ดูตาม้าตาเรือดีนักว่าดาดฟ้านั่นเป็นที่ของใคร”
เสียงนินทาและเสียงหัวเราะเยาะคิกคักที่ดังอยู่ทางเบื้องหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอีกประมาณสองโต๊ะถัดไป ทำให้คนที่นั่งกินข้าวกลางวันคนเดียวถึงกับตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันจนเกือบเป็นเส้นตรง ช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้สติหลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงนักเรียนหญิงพากันกรี๊ดกร๊าดแทบหูดับ จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้ามุ่งตรงมายังทางเบื้องหลังของเธอ
“อ๊ายยยยย…พี่ป๋า”
“มากันครบแก๊งเลยอะแก”
“โอ๊ย! หล่อใจละลายทุกคนเลย”
เสียงกรี๊ดของเด็กนักเรียนหญิงในโรงอาหารยังคงดังเซ็งแซ่ในทุกย่างก้าวที่สี่หนุ่มเดินผ่าน ไม่นานพงษ์สวัสดิ์และเพื่อนซี้ทั้งสามก็หยุดตรงโต๊ะของสามสาวที่พากันนินทาคิริมา ทำเอาสาวๆ ทั้งหลายต่างพากันอิจฉา เพราะคิดว่าเขากำลังสนใจหนึ่งในสามสาว ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในโรงอาหาร โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่มองมาอย่างอิจฉา ต่างแย่งกันเสนอหน้าด้วยท่าทางดี๊ด๊า
“เอ่อ…พี่ป๋ามาทานข้าวกลางวันเหรอคะ”
สาวที่มั่นใจว่าตัวเองสวยสุดในกลุ่มยิ้มหวานหยด แล้วเอ่ยถามพร้อมส่งสายตาทอดสะพาน คำถามที่ฟังดูสิ้นคิดทำให้พงษ์สวัสดิ์มองอีกฝ่ายอย่างรำคาญ แล้วพ่นวาจาแบบขอไปที
“อืม…”
“งั้นมานั่งกับพวกเราก็ได้นะคะ” สาวตัวเล็กสุดในกลุ่มเอ่ยชักชวนอย่างกระตือรือร้น พลางส่งสายตาหวานๆ ไปให้หนุ่มหน้าคมขวานผ่าซากอย่างเผ่า ทว่าแทนที่จะรับไมตรีเขากลับทำเพียงมองด้วยสายตาว่างเปล่า
“นั่นสิคะ เรานั่งแค่สามคน พวกพี่นั่งกับเราได้สบายเลยค่ะ” อีกคนก็เสนอด้วยท่าทางระริกระรี้ พงษ์สวัสดิ์ตวัดสายตาเย็นชามองนิ่งๆ แล้วเอ่ยเสียงกระด้าง
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบพวกขี้นินทา” วาจาราบเรียบทว่ากระแทกใจอย่างจังทำให้สามสาวต่างอ้าปากค้าง ครั้นจะเอ่ยตอบโต้เขาก็เดินเลยโต๊ะไปอย่างไม่แยแส
ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าคิริมาซึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังเพราะวันนี้ศุภชัยไม่มาโรงเรียนอีกแล้ว เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของเธอเป็นไข้ติดเชื้อ อีกฝ่ายโทรมาบอกว่าอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักสองสามวัน ท่าทางไร้ชีวิตชีวาทำให้พงษ์สวัสดิ์นึกขัดหูขัดตาอย่างน่าพิลึก แถมสายตาเศร้าๆ คู่นั้นยังเลื่อนลอย ขนาดคนหล่ออย่างเขามายืนตรงหน้ายังไม่อยู่ในสายตาแม่สาวเย็นชาได้เลย
“นั่งด้วยคนสิ”