ยามเช้าตรู่ของบ้านเฟื่องฟ้าหลังงาม อนงค์นางและธราธรถูกลออองค์ปลุกให้ตื่นขึ้นมาใส่บาตร โดยทั้งคู่ยังมีท่าทางง่วงงุนอยู่เพราะเมื่อคืนกว่าจะแยกย้ายกันเข้านอนก็คุยกันจนดึกดื่น ธราธรนั้นมีห้องส่วนตัวอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ด้วยมักจะมาค้างเป็นประจำตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“ไหม เดินหลับตาแบบนี้เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” คนเป็นพี่สาวถึงกับหัวเราะขำเมื่อเห็นน้องสาวหลับตาเดินอย่างง่วงนอนเต็มที
“เมื่อคืนกว่าไหมจะได้หลับก็ปาเข้าไปตั้งตีสองยังต้องตื่นแต่เช้าอีก” น้องสาวบ่นกระปอดกระแปด
“ก็ใครใช้ให้คุยกันจนดึกจนดื่นขนาดนั้นล่ะ คุณป้าไม่บ่นก็ดีแล้ว” ลออองค์บ่นน้องสาวเบาๆ
“นอกจากนอนดึกเมื่อคืนไหมยังฝันว่าตัวเองถูกงูรัดอีกเหนื่อยแทบตาย” คำพูดของอนงค์นางทำให้ธราธรที่กำลังอยู่ในอาการง่วงงุนอยู่ถึงกับตาสว่างขึ้นมาทันที
“แกฝันแบบนี้จริงๆ เหรอไหมสงสัยจะได้เจอเนื้อคู่แน่เลย ว่าแต่แกกระทืบงูตายเหมือนครั้งก่อนๆ หรือเปล่า” ถามพลางก็รอคำตอบอย่างใจจดจ่อ เพราะจำได้ว่าเวลาผู้เป็นเพื่อนฝันเห็นงูทีไรก็กระทืบงูตายทุกครั้ง
“กระทืบมันได้ที่ไหนล่ะมันรัดฉันจนหายใจแทบไม่ออก ตื่นมายังรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวหรือว่าเมื่อคืนพี่แพรถีบไหม” คนฝันหันไปถามพี่สาวอย่างข้องใจ ซึ่งคนถูกถามยังไม่ทันตอบเพราะธราธรลอยหน้าพูดออกมาก่อนว่า
“ฉันว่าคนที่ถีบพี่แพรน่าจะเป็นแกมากกว่านะนังไหม”
“แต่ฉันว่าคนที่จะโดนถีบคนต่อไปน่าจะเป็นแกนะ” อนงค์นางตอบทันควัน
ลออองค์ฟังน้องสาวกับเพื่อนเถียงกันแล้วก็อดขำไม่ได้ เถียงกันขัดคอกันแบบนี้แต่ทั้งสองก็รักกันมาก มีอะไรช่วยเหลือกันมาตลอด
“แล้วพี่แพรจะให้ธรส่งคนมาช่วยตัดหญ้าให้วันไหนดี” ธราธรถามอย่างมีน้ำใจ
“วันอาทิตย์ก็ได้จ้ะขอบใจธรมากเลยนะ”
ธราธรมักส่งคนสวนที่บ้านมาช่วยตัดหญ้าและช่วยดูแลต้นไม้ให้เป็นประจำ เพราะเห็นว่าที่นี่มีแต่ผู้หญิงซึ่งคนของเขาไว้ใจได้ทุกคน แม้กระทั่งเด็กช่วยทำงานบ้านสองคนที่บ้านเพื่อน เขาก็เป็นคนจัดการเอามาจากที่บ้าน
“วันนี้พี่จะขอติดรถไปข้างนอกด้วยนะ ไหมกับธรจะออกไปกันกี่โมง”
“ประมาณเก้าโมงก็ออกแล้วค่ะพี่แพร วันนี้ไหมจะไปแถวๆ เพลินจิตด้วย เห็นธรบอกว่าเคยเห็นบริษัทฯ แถวนั้นติดป้ายรับสมัครงาน”
“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวพี่ออกไปด้วย พี่จะไปหาซื้อพวกพิมพ์ทำขนมสวยๆ เอาไว้ทำขนมให้กิน”
ลออองค์นั้นมีฝีมือในการทำขนมโดยเฉพาะขนมเค้กต่างๆ แต่ส่วนใหญ่เธอจะทำให้ลูกค้าประจำมากกว่า
“หนูไหม ทำไมยังไม่ทำงานอีกนี่มันสายแล้วนะลูก” คุณองค์อรที่เห็นหลานสาวยังไม่ออกจากบ้านเสียทีถามด้วยความสงสัย
“กำลังจะออกแล้วค่ะคุณป้าพอดีวันนี้ไหมขอเข้าสาย" อนงค์นางจำต้องโกหก เพราะผู้เป็นป้ายังไม่รู้ว่าเธอลาออกจากงานเก่าแล้วนั่นเอง
“หนูแพร รีบไปรีบกลับนะลูกอย่าลืมเอาร่มติดตัวไปด้วย ฝนตกอยู่บ่อยๆ”
“ค่ะคุณป้า แล้วคุณป้าอยากได้อะไรหรือเปล่าคะเดี๋ยวแพรซื้อมาให้”
“ไม่หรอกจ้ะ หาแคตตาล็อกรถมาให้ป้าดูหน่อยแล้วกัน คงต้องหาซื้อรถไว้ใช้สักคัน”
อนงค์นางพอได้ยินผู้เป็นป้าพูดว่าจะซื้อรถก็ตาโตเดินเข้าไปกอดร่างของอีกฝ่ายอย่างดีใจ
“จริงเหรอคะคุณป้า ไหมดีใจจัง”
“ไม่ต้องมาประจบเลย” คนเป็นป้าเอามือจิ้มหน้าผากมนของหลานสาวอย่างรักใคร่ “ป้ารู้แล้วว่าเราน่ะลาออกจากงานแล้ว เมื่อคืนที่คุยกันนึกว่าไม่ได้ยินไง บาปกรรมจริงๆ โกหกกระทั่งป้าเชื้อ หนูไหมนึกว่าป้าเป็นคนไม่มีเหตุผลเหรอจ๊ะ ถ้าเจอแบบนั้นก็ไม่ต้องไปทำหรอกลูก ป้าเลี้ยงหนูไหมกับหนูแพรโดยไม่ต้องทำงานเลยก็ได้”
คำพูดของผู้เป็นป้าทำเอาหลานสาวถึงกับน้ำตาคลอ
“ทีหลังมีอะไรก็บอกป้าอย่ามาปิดบังกันแบบนี้” คุณองค์อรดุหลานสาวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
“ค่ะ ต่อไปไหมจะไม่ปิดบังคุณป้าอีกแล้วค่ะ ไหมขอโทษนะคะ”
“พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวสายกว่านี้รถจะติด”
“ค่ะพี่แพร”
ธราธรอาสาเป็นคนขับรถให้พี่น้องสองสาวนั่ง แต่ขณะกำลังจะเลี้ยวรถออกจากบ้าน สายตาช่างสังเกตของเขาก็เห็นกุหลาบแดงช่อใหญ่เสียบอยู่ที่รั้ว ซึ่งถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็นเพราะสีของมัน กลมกลืนไปกับบรรดาดอกเฟื่องฟ้าที่พันอยู่บนนั้น คนตาดีรีบลงจากรถไปหยิบมาทันที
“ไหม เมื่อคืนแกฝันว่าถูกงูรัดใช่ไหม” ก่อนจะพูดน้ำเสียงตื่นเต้นต่อไปว่า “วันนี้ก็มีคนส่งกุหลาบแดงมาให้ ช่างแม่นอะไรเช่นนี้"
คนฝันว่าถูกงูรัดทำปากเบะ
“แกอย่างมงาย ใครส่งมาผิดบ้านหรือเปล่า อาจไม่ใช่ฉันก็ได้”
อนงค์นางไม่ได้เชื่อถือสิ่งที่เพื่อนพูดเลยสักนิด
“มีจดหมายน้อยแนบมาด้วย” คนพูดพูดพลางก็หยิบจดหมายที่ว่าขึ้นมาแล้วอ่านให้ฟังเสียงดังฟังชัด
“กุหลาบแสนสวยช่อนี้มอบให้คุณไหมคนงาม แล้วจากใครกัน...ละเนี่ย”
คนอ่านพยายามมองชื่อลงท้ายก็เห็นเป็นเพียงอักษรตัวพีตัวเดียวเท่านั้น
“แหม...คุณไหมคนงาม แกไปรู้จักใครที่ชื่อขึ้นด้วยตัวพีบ้างหรือเปล่านังไหม แกนี่มันเสน่ห์แรงตลอดเลยนะไม่ถูกเจ้านายจ้องจะปล้ำก็ถูกคนส่งดอกไม้มาให้”
อนงค์นางมองจดหมายน้อยในมือเพื่อนแล้วทำปากเบะอีกครั้ง
“น้ำเน่าจริงๆ อ่านแล้วอยากจะอ้วก ฉันไม่เคยรู้จักใครที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวพีเลยสักคน แกอย่าไปสนใจเลยเอาไปทิ้งถังขยะเหอะ” พูดพลางก็ฉวยกุหลาบช่องามทำท่าจะเอาไปทิ้งอย่างที่ปากบอก แต่ธราธรรีบฉวยกลับคืนมาอย่างว่องไว
“เสียดาย ไม่ต้องทิ้งเดี๋ยวฉันจะเอาไปปักแจกันที่ห้อง”
“เรื่องของแก” พูดออกไปอย่างไม่ไยดีทั้งๆ ที่ภายในใจก็คิดว่าใครกันนะที่เอาช่อกุหลาบสวยๆ แถมราคาแพงมาให้ แม้ปากจะบอกให้เอาไปทิ้ง แต่ลึกๆ นั้นแอบเสียดาย ตอนนี้ถ้าจะเอาคืนก็เสียหน้าอีก
เฮ้อ...ไม่น่าปากดีเลยยายไหม
จากนั้นทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ลออองค์ก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันซื้อกุหลาบช่องามมาให้น้องสาวของเธอ แล้วจู่ๆ ธราธรก็หันไปถามอนงค์นางขณะรถติดไฟแดงว่า
“ช่วงนี้แกก็ว่างๆ อยู่ ทำไมไม่ลองไปทำงานกับพี่จี๊ดดูล่ะ”
พี่จี๊ดที่ถูกถึงคือธนัญญาพี่สาวของธราธร เป็นผู้จัดค่ายละครชื่อดังที่ละครเกือบทุกเรื่องได้รับความนิยมสูงสุด ดาราหลายคนก็ดังมาจากละครที่พี่สาวเขาเป็นผู้จัดแทบทั้งสิ้น
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” อนงค์นางบอกเพื่อนน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย พี่สาวของอีกฝ่ายนั้นพยายามจะผลักดันให้เธอเข้าวงการมายามาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ตัวเธอไม่ชอบปฏิเสธมาตลอด
“แกนี่เล่นตัวจนน่าหมั่นไส้จริงๆ มีแต่คนอยากจะแสดงละครกับพี่จี๊ดทั้งนั้นรวมทั้งยัยเจนด้วย แต่แกกลับไม่สนใจ ฉันเบื่อแกมาเลยนังไหม” ด่าเพื่อเสร็จก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปทางลออองค์ “พี่แพรขา ธรเกือบลืมพี่จี๊ดบอกว่าจะสั่งขนมเค้กวันเกิดให้พระเอกชื่ออะไรหว่า ว้า... จำชื่อไม่ได้แล้วจะทำไงดี”
“แปลกนะที่แกจำชื่อผู้ชายไม่ได้ปกติเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายไม่มีพลาด” คนเป็นเพื่อนพูดค่อนขอด
“นี่นังไหม แกอย่ามาชักใบให้เรือเสีย เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวเราแวะไปหาพี่จี๊ดกันก่อนพาพี่แพรไปด้วย แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปสมัครงานแต่เช้าคงยังเปิดรับสมัครอยู่หรอกน่า แกช่วยกดโทรศัพท์หาพี่จี๊ดให้หน่อยถามว่าตอนนี้ตั้งกองอยู่ที่ไหน”
อนงค์นางทำตามที่เพื่อนบอกไม่นานก็ได้คำตอบ
“ตอนนี้พี่จี๊ดตั้งกองละครอยู่ตรงหน้าคอนโดฯ แกนั่นแหละธร”
“อย่างนั้นก็ดีเลย ฉันนึกออกแล้วจะเอาดอกกุหลาบช่อนี้ไปให้ใครดี วันนี้วันเกิดเพื่อนสาวฉันมันทำงานอยู่กองละครพี่จี๊ดนั่นแหละ”
“ไหนตอนแรกแกบอกว่าจะเอาไปปักแจกันไว้ที่ห้องไงล่ะ” อนงค์นางแอบเสียดายขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนจะเอาไปให้คนอื่นต่อ
“ก็ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ไงเล่าหรือว่าแกเกิดนึกเสียดายขึ้นมา” ธราธรหันไปถามเพื่อนยิ้มๆ
“นังธร แกจะหันมาทำไมแกกำลังขับรถนะ” อนงค์นางว่าเพื่อนสนิทกลบเกลื่อนเรื่องที่ถูกถามแล้วพูดต่ออย่างไม่แยแส “แล้วฉันจะเสียดายไปทำไมไม่เห็นจะสวยเลย”