พยายาม 5/5

1483 คำ
“ชื่อแก้มใสเหรอ พี่ชื่อมิรินนะ” ฉันหันไปคุยกับสาวน้อยที่ยังยืนอยู่ข้างโต้งอยู่ พยายามส่งยิ้มให้เธออย่างใจดี เธอก็ดูน่ารักและใสซื่อดีนะ “ค่ะ พี่มิรินใช้แก้มได้เต็มที่เลยนะคะ งานหนักงานเบาแก้มทำได้หมดค่ะ แก้มไม่เกี่ยงงาน” แก้มใสตอบอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับโต้ง ซึ่งเขาก็ยิ้มกลับมาให้แก้มใสอย่างอบอุ่น แถมยังเอื้อมมือขึ้นมาลูบผมเธออย่างเอ็นดูอีก ผู้หญิงคนนี้คงจะมีความสำคัญกับเขามากสินะ ถึงได้ให้ราเรซมาคุยเรื่องฝากงานกับฉัน “โอเครจ๊ะ งั้นมาเริ่มงานพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวไปวัดตัวกับพี่แอนได้เลย พี่แอนจะได้หาชุดให้เราถูกไซร์” ถ้าฉันปฏิเสธก็คงจะดูเป็นคนที่แย่ในสายตาของเขาอีกล่ะ ฉันจึงตัดสินใจรับแก้มใสเข้าทำงาน ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเสียหน้าที่อุตส่าห์พามาฝากด้วยตัวเอง ถึงจะให้ราเรซพูดแทนก็เถอะ “กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ” แก้มใสเดินเข้ามาถามหลังจากที่ไปวัดตัวกับพี่แอนเสร็จแล้ว เธอส่งยิ้มสดใสมาให้ เพราะความสดใสของเธอนี่เอง ถึงทำให้ผู้ชายอย่างเขายิ้มได้ “กำลังแพ็คของใส่กล่องเอาไปบริจาคนะ” ฉันก็พลอยยิ้มตามเธอไปด้วย “ให้แก้มช่วยนะคะ แก้มอยากช่วย” แก้มใสอาสาอย่างใจดี “ของมันเยอะนะ ทำไหวเหรอ” โต้งเดินเข้ามาถามแก้มใสอย่างสนิทสนม ทำไมดูสนิทกันจัง “แค่นี้เอง สบายมากค่ะ” แก้มใสหันไปยิ้มให้โต้ง ก่อนที่เธอจะหันกลับสนใจกล่องที่อยู่ตรงหน้าต่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันแอบมอง แล้วสายตาของฉันก็ไปสบกับตาคมเข้าโดยบังเอิญ เขาส่งสายขอบคุณมาให้ฉัน เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้ฉันถึงกับรู้สึกจุกขึ้นมาอยู่กลางอก ฉันรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าที่จะสบตากับเขา ขอบคุณเหรอ.. แค่จะขอบคุณเองเหรอ ทำไมใจของฉันมันถึงได้รู้สึกหน่วงขนาดนี้นะ มันเหมือนกับว่า ฉันกำลังจะเสียอะไรไปสักอย่าง โดยที่ฉันไม่รู้ตัว.. ฉึก!! “โอ๊ย!!” ฉันมัวแต่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไม่ทันระวังก็โดนกล่องกระดาษบาดนิ้วซะได้ “มิริน!!” โต้งเดินเข้ามาคว้าหมับที่ข้อมือของฉัน ก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดด้วยการดึงมือฉันไปดูดเลือดที่นิ้วจากการโดนกล่องกระดาษบาด ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองดูด้านข้างของใบหน้าคมที่พยายามห้ามเลือดด้วยริมฝีปากของเขาอยู่ เขาทำให้ฉันใจเต้นแรงอีกแล้ว แอบชำเลืองไปมองแก้มใส ซึ่งในตอนนี้เธอทำหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เธอชอบโต้งสินะ ฉันดูเธอออก... ฉันหันกลับมามองหน้าโต้งอีกครั้ง นึกถามเขาอยู่ในใจ...แล้วเขาล่ะ ชอบแก้มใสหรือเปล่า “ไอ้เรซ! ไปซื้อพลาสเตอร์ยามาดิ” โต้งตะโกนสั่งราเรซ โดยที่ไม่หันไปมอง ราเรซวางมือจากการจัดของแล้วเดินออกจากร้านฉันไปทันที “มะ ไม่เป็นไร” ฉันพยายามดึงมือของตัวเองกลับ แต่โต้งก็ไม่ยอมเขายังยึดมือของฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “อยู่นิ่งๆ” โดนเขาดุจนได้ ฉันจึงก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบสายตาดุดันของเขา “ใจลอยไปไหน ถึงได้ทำกล่องบาดมือตัวเองแบบนี้ แทนที่จะเรียกให้ช่วย คิดว่าอยู่คนเดียวหรือไง ที่ยืนอยู่เนี้ย เห็นเป็นแค่ธาตุอากาศเหรอ” ฉันมองหน้าโต้งพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ อย่างอึ้งๆ นี่เขาบ่นฉันเหรอเนี้ย ขี้บ่นจัง... “แค่กล่องบาดเอง ทำบ่นไปได้” ฉันพึมพำเบาๆ “ได้ยินนะ” โต้งตอบกลับทันที มือหนากุมมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ ฉันแอบมองใบหน้าด้านข้างของโต้งอีกครั้งแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่เคยเห็นมุมนี้เลยแฮะ พอโต้งหันมาฉันรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างเนียนๆ และฉันก็ได้เห็นภาพเงาสะท้อนจากกระจกฉายภาพสาวน้อยที่ชื่อแก้มใส กำลังมองมาที่ฉันกับโต้งด้วยแววตาที่แสนเศร้า มันทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ เผลอชักมือออกจากมือหนาอีกครั้ง แต่โต้งก็รีบคว้ากลับไปกุมไว้เหมือนเดิม “บอกให้อยู่นิ่งๆ ไง” โต้งดุ “ปล่อยเถอะ เดี๋ยวคนของนายจะเสียใจนะ” “หมายถึงใคร” โต้งขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ “ก็...” “มาแล้วๆ” ราเรซเดินเข้ามาหาฉันกับโต้งอย่างรีบร้อน พร้อมกับยื่นถุงยาส่งไปให้โต้ง เขารับถุงยามาจากราเรซ แล้วเขาก็หยิบพลาสเตอร์ยาออกมาแกะ “มิรินทำเองดีกว่า” ฉันยื่นมือไปแย่งพลาสเตอร์ยาจากมือหนา แต่เขารู้ทันรีบยกมือขึ้นสูงทำให้ฉันไม่สามารถแย่งได้ “ถ้ายังดื้ออยู่...อย่าหาว่าโต้งไม่เตือนนะ มิริน” ฉันเงยหน้าขึ้นมองโต้ง เขาส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้พร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ “รีบๆ ติดสิ จะได้ไปทำงานต่อ” ฉันหลบสายตาเขาทันที พร้อมกับบ่นเสียงเบาหวิว ไม่กล้าพูดเสียงดัง มือหนาวางมือฉันลงที่หน้าขาของเขาก่อนที่จะแกะพลาสเตอร์ยาออก ฉันกำลังจะยกมือออกก็ต้องชะงักค้างการกระทำไว้แค่นั้น เมื่อเขาพูดดักทางไว้ก่อน “ถ้าเอามือหนี โดนเหมือนวันรับน้องแน่ ต่อให้คนอยู่เยอะโต้งก็ไม่สนนะ” โต้งพูดโดยที่สายตายังจ้องอยู่กับพลาสเตอร์ยาอยู่ ฉันลอบกลืนน้ำลายเสียงดัง เอื้อก... ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวด้วยซ้ำ ฉันรู้ว่าเขาทำจริงแน่ ถ้าฉันไม่เชื่อฟัง... เมื่อแกะพลาสเตอร์ยาได้แล้ว มือหนาก็เอื้อมมือมาจับมือบางของฉันอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็ค่อยๆ แปะพลาสเตอร์ยาให้ฉันอย่างเบามือ การกระทำของโต้งในตอนนี้ ชั่งดูอ่อนโยนซะเหลือเกิน ดูกลายเป็นคนล่ะคนไปเลย ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาก็อ่อนโยนเป็นด้วย “พู่.....” “ทำอะไรอ่ะ” ฉันมองหน้าโต้งอย่าง งงๆ เมื่อเขายกมือฉันขึ้นไปเป่าลมใส่บนพลาสเตอร์ที่เขาแปะให้เมื่อกี้ “จะได้หายเร็วๆ ไง” โต้งส่งยิ้มมาให้ด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวาน หัวใจฉันเต้นถี่แรงอีกครั้ง อย่างกับว่าพึงไปวิ่งมาอย่างงั้นแหละ ทำไมฉันถึงได้อ่อนไหวง่ายขนาดนี้นะ บ้าไปแล้ว... “ขะ ขอบใจ” ฉันถึงกลับพูดตะกุกตะกัก ไม่ค่อยชินกับกิริยาอ่อนโยนของเขาสักเท่าไร มันทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจ อยู่ใกล้ไม่ได้เลยผู้ชายคนนี้ “ไปนั่งพักเถอะ เดี๋ยวโต้งทำต่อเอง” โต้งบอกฉัน ซึ่งฉันก็คิดว่าดีเหมือนกัน อยู่ห่างๆ เขาสักหน่อย อยู่ใกล้ทีไรเป็นหวั่นไหวทุกที ฉันหันหลังให้แล้วเดินไปนั่งลงกับเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “แก้มทำตรงนี้เสร็จแล้วค่ะ ให้เอาไปไว้ไหน” แก้มใสเดินมาถามโต้ง “ไอ้เรซ! ยกไปเลยมึง” โต้งหันไปสั่งราเรซ “อะไรวะ ทำไมมึงไม่ยกไปเอง กินแรงกูนี่วา” ราเรซพลางบ่นไปด้วยยกของไปด้วย “ว่างใช่ไหมเรา มาช่วยพี่ตรงนี้มะ” โต้งหันไปบอกกับแก้มใส ซึ่งเธอก็ยิ้มให้อย่างดีใจที่โต้งเรียกใช้เธอ อยู่ดีๆ มันก็รู้สึกหวิวๆ อยู่ในใจ ฉันนั่งมองแก้มใสกับโต้งช่วยกันจัดของอย่างสนิทสนม โต้งก็ยิ้มให้แก้มใสตลอดเวลาที่พวกเขาพูดคุยกัน “ถ้ามัวแต่นั่งมองอยู่เฉยๆ แบบนี้ ได้เสียมันไปแน่ๆ” ราเรซเดินมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆ ฉันแล้วพูดขึ้น “ไม่เห็นจะเข้าใจเลย พูดอะไรเนี้ย” ฉันแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่ราเรซพูด “เรซขอถามอะไรหน่อยนะ ระหว่างอาหารที่ชอบแต่ไม่อร่อย กับอาหารที่อร่อยแต่ไม่ชอบ พี่มิรินจะเลือกกินอะไร” คำถามอะไรของมันเนี้ย? ต้องการจะรู้อะไรจากคำตอบของฉันหรือเปล่านะ ราเรซเป็นคนฉลาด ถ้าจะตอบคำถามของราเรซ ฉันต้องคิดให้ดีและถี่ถ้วน . . .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม